ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 663 กลิ่นที่คุ้นเคย (ฟรี)
ก่อนที่จะออกท่องไปในทะเลแห่งความว่างเปล่า ซู่เสี่ยวไป่ได้เจอข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ซู่เสี่ยวไป่เข้าใจว่าทำไมดวงดาวทางเหนือถึงเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ
เพราะดินแดนนี้เป็นจุดศูนย์กลางของจักวรรดิไท่เจียง ทำให้การเดินทางนั้นสะดวก และเงาที่สร้างความวุ่นวายที่แนวหลังของศัตรูทำให้แนวหน้าต้องยกทัพกลับ ทำให้กองทัพของซู่เสี่ยวไป่ง่ายที่จะบุกยึดพื้นที่เพิ่มทันที
“นายท่าน…ตอนนี้เรายึดจักรวรรดิดวงดาวหมีใหญ่ และดวงดาวหงส์อมตะได้แล้ว และจักรวรรดิดวงดาวนายพราน กับหมาป่าที่อยู่ใกล้ๆ ก็ใกล้จะตกเป็นของเราแล้ว”
จ้าวภัยพิบัติได้รายงานสรุปให้ซู่เสี่ยวไป่ฟัง
“ไม่เลว!! แต่เราจะต้องยิ่งใหญ่กว่านี้!”
พลังที่เพิ่มขึ้นของซู่เสี่ยวไป่ทำให้อำนาจของเขาแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว และปกคลุมไปเกือบทั่วจักรวรรดิไท่เจียง ตอนนี้เหลืออีก 6 จักรวรรดิดวงดาว ที่ซู่เสี่ยวไป่ยังไม่ได้ครอบครอง ว่ากันว่าเป็นจักรวรรดิที่ร่ำรวยมากในจักรวรรดิไท่เจียง
การยึดครอง ขยายอำนาจมันไม่ได้สำคัญอะไรกับซู่เสี่ยวไป่เลย เขาต้องการผลึกต้นกำเนิดเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะทะลวงเขตแดนภัยพิบัติขั้น 8 มาได้แล้ว แต่ภายในใจของซู่เสี่ยวไป่กลับยังไม่พอใจและหยุดอยู่แค่นี้
เขาจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้อีก มันไม่ง่ายเหมือนตอนจัดการกับจ้าวภัยพิบัติขั้น 7 พลังที่จะต้องเจอต่อจากนี้คือจ้าวภัยพิบัติขั้น 8 หรือ 9 หรือขั้น 10
ระบบจะต้องเริ่มสำแดงพลังของมันออกมาแล้ว เพื่อเพิ่มขีดจำกัดให้ซู่เสี่ยวไป่ให้เร็วที่สุด
ระบบจะต้องรีบซ่อมแซมรอยร้าวบนศิลากาลเวลาทั้งหมด และก่อนหน้านี้ที่ซู่เสี่ยวไป่ปรับปรุงระบบไปหลายครั้ง ทำให้ผลของมันแสดงออกมาพอตัว
ไม่ว่ายังไงเขาจะต้องเติบโตไปให้มากกว่านี้
“พลังของเขตแดนภัยพิบัติขั้น 8 นั้นทรงพลังมาก แล้วถ้าเป็นขั้น 9 หรือ 10 หละ ต่อหน้าตัวตนระดับนี้ถึงจะมีเส้นทางสู่สวรรค์ที่มากกว่าก็ตามคงไม่สามารถที่จะรับมือได้”
“แต่ต่อให้สู้ไม่ได้….เราก็ยังมีระเบิดพลีชีพไร้ที่สิ้นสุดอยู่ หากร่างจริงของเราไม่ตายเราก็ยังมีโอกาสชนะ”
หลังจากที่บรรลุเส้นทางสู่สวรรค์ครบ 3 หมื่นเส้นทางมันมีบางสิ่งทำให้สายตาของซู่เสี่ยวไป่กว้างไกลขึ้น
แต่เมื่อเข้าสู่เขตแดนภัยพิบัติขั้น 8 มาได้แล้ว ซู่เสี่ยวไป่ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องบุกทะลวงเขตแดนต่อไปเพราะเขามีเส้นทางสู่สวรรค์ครบหมดแล้ว
และตอนนี้ทำให้วิชาระดับภัยพิบัติกลับมาสำคัญกับซู่เสี่ยวไป่อีกครั้ง
การที่จะเพิ่มพลังให้เร็วกว่านี้ และทำให้เงาแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ เขาจำเป็นต้องใช้วิชาระดับภัยพิบัติมากกว่านี้
ซู่เสี่ยวไป่กำลังมองไปในท้องทะเลแห่งความว่างเปล่า และกำลังคิดอะไรสักอย่าง
เขากำลังคิดถึงสถานที่ร่ำรวยที่สุดในจักรวรรดิพระแม่ศักดิ์สิทธิ์ และก็คิดออกเพียงสถานที่เดียว
นั้นคือที่ตั้งของฐานใหญ่ของจักรวรรดิพระแม่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสถานที่จักรพรรดินีของจักรวรรดิถูกสังหาร
การที่ผู้นำสูงสุดของจักรวรรดิตายลงอย่างกระทันหัน ทำให้แทบไม่มีใครรู้รายละเอียดว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้น สิ่งเดียวที่รู้คือตัวตนที่มีนามว่าท่านซือเป็นผู้ลงมือสังหารเท่านั้น
ซู่เสี่ยวไป่ก็ใกล้ยึกครองดินแดนของจักรวรรดิไท่เจียงเกือบหมดแล้ว เรื่องภายในเหล่านี้เขาต้องการจะรู้ข้อเท็จจริงเหมือนกัน
“เฉี่ยวเห้อไปเตรียมตัว…เราจะออกเดินทางไปเยี่ยมจักรวรรดิพระแม่ศักดิ์สิทธิ์กันสักหน่อย”
ซู่เสี่ยวไป่บอกมังกร 9 มายา และให้มันกลายร่างเป็นมังกรก่อนที่จะขึ้นขี่หลังของมัน
ทั้งสองออกเดินทางไปยังจักรวรรดิพระแม่ศักดิ์สิทธิ์ จนในที่สุดก็มาถึง ภาพแรกที่เห็นคือวังขนาดใหญ่โตมโหฬาร
ที่แห่งนี้มีตำหนักวังอีกหมื่นๆ แห่ง และหอคอยสูงใหญ่หลายพันล้านหอ ทั้งภูเขาแม่น้ำนั้นล้อมรอบสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด แต่ทุกอย่างดูเสื่อมโทรมอย่างมาก แม้จะมีร่องรอยของความรุ่งโรจน์อยู่ก็ตาม
สะพานที่เชื่อมต่อระหว่างแผ่นดินพังทลายหลายแห่ง คราบเลือดของจ้าวภัยพิบัติหรือผู้ฝึกตนมากมาย ยังติดอยู่บนพื้นดิน และตามกำแพง คาบเลือดนั้นยังคงดูชัดเจนอยู่เลยด้วยซ้ำ
สีหน้าของซู่เสี่ยวไป่ดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันที ที่นี่เคยเกิดการต่อสู้ของจ้าวภัยพิบัติขั้น 9 ขึ้น
เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่ใช่คนแรกที่มาถึง มีขุมอำนาจอื่นมาถึงก่อนและเกิดการปะทะกันขึ้นหลายครั้ง
เป็นไปได้ไหมว่าตอนนี้ สมบัติของจักรวรรดิพระแม่ศักดิ์สิทธิ์จะถูกขโมยไปแล้ว
มังกร 9 มายานั้นมองดูรอบๆ ก่อนจะพูดขึ้น
“ข้าได้กลิ่นที่ไม่ชอบมาพากลเลยนายท่าน…..ข้าได้กลิ่นแบบเดียวกับตัวของข้า”
“แกจะบอกว่ามีมังกร 9 มายาอีกตัวงั้นหรอ?”
ซู่เสี่ยวไป่ถามด้วยความสงสัย
เฉี่ยวเห้อส่ายหัว
“มันไม่ใช่มังกร 9 มายา แต่เป็นเผ่าพันธ์มังกรชั้นสูงเช่นเดียวกับข้า เป็นเผ่าพันธ์ที่เหลือรอดมาจากยุคเก่าแก่ ไม่คิดว่าจะมีเผ่าพันธ์อื่นนอกจากข้าที่รอดมาถึงยุคนี้ด้วย”
ซู่เสี่ยวไป่นั้นไม่ได้แปลกใจเท่าไร เพราะขนาดมังกร 9 มายายังถูกผนึกเอาไว้ใต้ดินแดนดวงดาวทางเหนือ แล้วทำไมจะไม่มีสายพันธ์หรือเผ่าพันธ์ระดับเดียวกันแบบมังกร 9 มายาหลงเหลืออยู่อีกในจักรวรรดิระดับสูง
ไม่มีทางที่จักรวรรดิระดับสูงนั้นจะไม่ต้องการเผ่าพันธ์ระดับนี้ได้ เพราะขนาดซู่เสี่ยวไป่เองก็ไม่ปล่อยผ่านเผ่าพันธ์นี้ และเอามาเป็นข้ารับใช้ของตน
เผ่าพันธ์เช่นเดียวกับมังกร 9มายา คงผ่านยุคผ่านสมัย และอยู่ในหลายๆ ศึกสงครามและยังเหลือรอดมาถึงตอนนี้
ซู่เสี่ยวไป่เข้าไปในซากปรักหักพัง ที่เต็มไปด้วยความทรุดโทรม ไม่ต่างจากดินแดนที่ล่มสลาย
“สัมผัสแบบนี้มันอาคมผลึก…ข้าได้กลิ่นจากสิ่งนี้ ข้าสัมผัสได้!!”
อยู่ๆ มังกร 9 มายาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง มันมองไปยังพื้นที่ว่างเปล่า ก่อนจะพูดขึ้นกับซู่เสี่ยวไป่
มีดทมิฬได้ปรากฏขึ้นในมือของซู่เสี่ยวไป่ ก่อนที่เขาจะขับเคลื่อนพลังสวรรค์ทั้ง 3 หมื่นเส้นทาง และฟันออกไปในทิศทางที่มังกร 9 มายาบอก
แววตาของมังกร 9 มายานั้นดูดุร้ายขึ้นและเฉียบคม เมื่อเห็นว่าเจ้านายของมันได้แสดงพลังอันมหาศาลออกมา ยิ่งทำให้มันรู้สึกฮึกเหิม
หากเป็นจ้าวภัยพิบัติทั่วไป เจอกับแรงกดดันขนาดนี้ พวกเขาคงรีบหนีหายไปทันที เพราะต่อให้เตรียมตัวเอาไว้แล้วก็ตามก็ไม่มีทางรับพลังโจมตีจากมีดทมิฬได้
พลังทำลายล้างของซู่เสี่ยวไป่จากเส้นทางสู่สวรรค์ และมีดทมิฬนั้นเรียกได้ว่า ต่อให้มีร่างเป็นเหล็กหรือวิญญาณที่แข็งดุจเพชรก็คงไม่ต่างจากก้อนเนยที่ถูกฟันด้วยดาบร้อน หากถูกมีดทมิฬของซู่เสี่ยวไป่ฟันเข้า
และเพียงแค่กระแสพลังกดดันที่แผ่ออกมาก็พอแล้วที่จะทำให้จ้าวภัยพิบัติรู้สึกแสบร้อนไปทั้งตัวได้