ตอนที่ 213 พิมพ์เขียวชิ้นที่ 2
ตอนที่ 213 พิมพ์เขียวชิ้นที่ 2
ฉินหมางเล่าเรื่องราวภายในอดีตให้เซี่ยเฟยฟังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายในเรื่องราวเหล่านั้นมีความลับถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างมากมาย โดยเฉพาะเรื่องไททันและการพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดของมนุษย์โบราณ
“ฉันไม่รู้จนกระทั่งก่อนที่อาจารย์จะเสียชีวิตว่าเมื่อก่อนอาจารย์ก็เคยออกสำรวจซากอารยธรรมโบราณเพื่อค้นหาสาเหตุที่มนุษย์โบราณได้ถูกทำลาย และในที่สุดพวกเขาก็ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของสุดยอดยานรบที่มีชื่อว่าไททัน”
“พวกอาจารย์แอบก่อตั้งสมาพันธ์ลับที่มีชื่อว่า ‘สมาพันธ์ฟราเทอนิตี้’ ขึ้นมา โดยที่อาจารย์ของฉันคือหัวหน้าสมาพันธ์คนแรก”
“สมาชิกของสมาพันธ์จะกระจายกันแอบสำรวจเพื่อค้นหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปทั่วทั้งจักรวาล แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะพยายามมาเป็นเวลานานหลายปี พวกเขาก็ยังไม่สามารถค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการล่มสลายของอารยธรรมมนุษย์โบราณได้เลย แต่สิ่งเดียวที่ทุกคนมั่นใจก็คือหากพวกเราต้องการที่จะหลีกเลี่ยงการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ พวกเราก็จำเป็นที่จะต้องสร้างยานรบที่มีชื่อว่าไททันขึ้นมา”
“คุณตากำลังจะบอกว่าหากมนุษย์ต้องการจะอยู่รอดต่อไป พวกเราก็จำเป็นจะต้องสร้างไททันขึ้นมาให้ได้งั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“ถูกต้อง นี่คือข้อสรุปเพียงข้อเดียวที่ฟราเทอนิตี้ได้รับมาหลังจากที่ออกค้นหาข้อมูลมาเป็นเวลาหลายปี ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากเรื่องนี้ล้วนแล้วแต่เป็นการคาดเดา” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“เอ่อ... ถ้าผมบอกว่าผมเคยเห็นไททันแล้ว คุณตาจะเชื่อไหมครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างลังเล
“อะไรนะ!? นายเคยเห็นไททันแล้วงั้นเหรอ” ฉินหมางอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึงถึงขนาดที่ลุกขึ้นมาจากรถเข็นที่เขาได้นั่งอยู่
“ตอนที่ผมออกตามหาลุงพอตเตอร์ ผมบังเอิญได้ไปเจอซากของยานไททันในเขตพื้นที่แรงโน้มถ่วงสูง ยิ่งไปกว่านั้นผมยังได้เจอหินบล็อกที่น่าจะเรียงเป็นประโยคอะไรบางอย่าง ซึ่งประโยคพวกนั้นน่าจะมีความหมายที่เกี่ยวข้องกับไททัน”
“นอกจากนี้ลุงพอตเตอร์ยังเคยค้นพบหลักฐานที่มนุษย์โบราณได้ทิ้งเอาไว้ในเขตแรงโน้มถ่วงสูง ซึ่งมันมีหลักฐานบ่งชี้ว่าพวกเขากำลังออกตามหาพิมพ์เขียวของไททัน แต่จู่ ๆ คนพวกนี้ก็ถูกทำลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย”
“นายรู้อะไรอีก! รีบเล่าต่อมาเร็วเข้า!!” ฉินหมางกล่าวถามด้วยดวงตาอันเป็นประกายและหัวใจของเขาก็แทบจะกระโดดออกมาเต้นด้านนอก
เซี่ยเฟยเริ่มเล่ารายละเอียดในสิ่งที่เขาได้ไปพบมาพร้อมกับเปิดไมโครคอมพิวเตอร์เพื่อให้ฉินหมางได้เห็นพิมพ์เขียวของระบบซุปเปอร์เรดาร์ซึ่งเป็นระบบเรดาร์ของไททัน
“ฮ่า ๆ ๆ นี่คือระบบเรดาร์ของยานไททันจริง ๆ ใช่ไหม?” ฉินหมางจ้องมองไปยังหน้าจอพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
หลังจากนั้นชายชราก็มีท่าทางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อแสดงพิมพ์เขียวให้ชายหนุ่มดู
“นายคิดว่านี่มันคืออะไร?”
ภาพที่ปรากฏทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกใจมาก เพราะมันคือพิมพ์เขียวของยานรบขนาดใหญ่ที่ไม่มียานลำไหนนำมาเปรียบเทียบได้
“นี่มัน... นี่มันพิมพ์เขียวของไททัน!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ใช่แล้ว นี่คือพิมพ์เขียวของยานรบไททัน แต่น่าเสียดายที่พิมพ์เขียวที่ฉันมีเป็นเพียงพิมพ์เขียวของโครงยานไททันเท่านั้น และถึงมันจะรวมกับพิมพ์เขียวระบบซุปเปอร์เรดาร์ในมือของนาย แต่มันก็ยังไม่ใช่พิมพ์เขียวของไททันที่สมบูรณ์อยู่ดี” ฉินหมางกล่าว
ต่อมาทั้งคู่ก็นิ่งเงียบไปเป็นเวลานานทำให้มีเพียงแต่เสียงของสายลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้าไปเท่านั้น เพราะมันไม่มีใครได้คาดคิดว่าพวกเขาทั้งสองคนต่างก็ได้ถือพิมพ์เขียวของไททันเอาไว้
“นี่คือเหตุผลที่ฉันเดินทางมาที่โลกในครั้งนี้ ถ้าหากมนุษย์ต้องการที่จะอยู่รอดต่อไปพวกเราจะต้องสร้างไททันขึ้นมาให้สำเร็จ แต่พิษของเซราฟิมจะกำเริบขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้และฉันต้องหาคนมาสานต่อในสิ่งที่ฉันยังทำไม่สำเร็จ” ฉินหมางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“คนที่จะมาสานต่อปณิธานของฉันได้จะต้องมีทั้งความแน่วแน่, ความมั่นใจและไม่มีวันยอมจำนนต่อกองกำลังภายนอก เพราะท้ายที่สุดการพยายามสร้างไททันก็เป็นการกระทำที่บ้าบิ่นมากและฉันก็เชื่อว่ามันมีเพียงแต่คนบ้า ๆ เท่านั้นที่จะสามารถทำภารกิจบ้า ๆ แบบนี้ให้สำเร็จได้” ในระหว่างที่ฉินหมางกำลังพูดอยู่นั้น เขาก็กำลังจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยราวกับกำลังจะสื่อว่าใครคือคนบ้า ๆ ในประโยคของเขา
ความคาดหวังเริ่มทำให้ชายหนุ่มหายใจไม่ค่อยออก เพราะความคาดหวังของชายชราเป็นเหมือนกับภูเขาลูกใหญ่ที่กดทับลงมาบนไหล่ทั้งสองข้างของเขา
แต่ในทันใดนั้นเองจู่ ๆ เซี่ยเฟยก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับแรงกดดันภายในร่างกายของเขาที่ถูกทำให้สลายหายไป
“สิ่งที่คนพวกนั้นต้องการคือพิมพ์เขียวที่คุณตาถือครองอยู่ใช่ไหมครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“ใช่” ฉินหมางตอบ
“ในเมื่ออาจารย์เป็นสมาชิกของสมาพันธ์ฟราเทอนิตี้และสมาพันธ์ฟราเทอนิตี้กำลังพยายามจะสร้างยานไททัน แล้วทำไมคุณตาถึงไม่ยกพิมพ์เขียวนี้ให้กับพวกเขาล่ะครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“สมาพันธ์ในตอนนี้มันไม่เหมือนกับสมาพันธ์ในอดีตอีกแล้ว” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ และมันก็ทำให้บรรยากาศระหว่างทั้งสองกลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง
“นายรู้ไหมว่าตอนนี้ภายในกลุ่มฟราเทอนิตี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งคือสมาพันธ์จัสทิสและอีกฝ่ายหนึ่งคือสมาพันธ์เฮอร์มิท”
ความลับที่พึ่งถูกเปิดเผยนี้ทำให้เซี่ยเฟยต้องชะงักไปอีกครั้ง เพราะใครจะไปคิดว่าสมาพันธ์นักสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพันธมิตรทั้งสองสมาพันธ์จะเป็นส่วนหนึ่งของสมาพันธ์ฟราเทอนิตี้!!
พูดง่าย ๆ ก็คือการส่งมอบพิมพ์เขียวให้กับสมาพันธ์ฟราเทอนิตี้ มันก็เหมือนเป็นการเริ่มสงครามรอบใหม่ขึ้นมาเท่านั้นและมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการเริ่มสงครามภายในสมาพันธ์จัสทิส เพราะถ้าหากสมาพันธ์เฮอร์มิทได้มารู้เรื่องนี้เข้า พวกเขาก็จะกระโดดเข้ามาเข้าร่วมกับสงครามด้วยเหมือนกัน
“แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมคุณตาถึงคิดจะส่งมอบพิมพ์เขียวให้กับผม ไม่ว่าผมจะมองยังไงผมก็ยังมีความแข็งแกร่งไม่มากพอที่จะเก็บพิมพ์เขียวอันนี้เอาไว้อยู่ดี” เซี่ยเฟยกล่าว
“มันเป็นเพราะว่านายคือคนโหดเหี้ยม, เจ้าเล่ห์และบ้าคลั่ง” ฉินหมางมองไปยังเซี่ยเฟยอย่างคาดหวัง
แต่คำพูดเหล่านี้กลับทำให้เซี่ยเฟยเม้มริมฝีปากขึ้นมา เพราะมันดูไม่เหมือนคำชมเลยแม้แต่นิดเดียว
“ที่สำคัญที่สุดคือฉันได้มองเห็นศักยภาพในตัวของนาย ไม่ว่าจะเป็นตัวนายในฐานะของบุคคลหรือบริษัทควอนตัมที่นายได้ก่อตั้งขึ้นมา ในไม่ช้านายจะต้องกลายเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของพันธมิตรอย่างแน่นอน”
“แม้ว่าคนในสมาพันธ์ฟราเทอนิตี้จะเป็นคนที่มีอำนาจในพันธมิตร แต่พวกเขาก็ได้สูญเสียความทะเยอทะยานไปตั้งนานแล้ว และพวกเขาก็พร้อมที่จะถูกล่อตาล่อใจด้วยผลประโยชน์ตลอดเวลา”
“แทนที่ฉันจะเดิมพันกับคนพวกนั้น สู้ฉันเดิมพันกับคลื่นลูกใหม่อย่างนายมันก็ดูจะมีความหวังมากกว่า” ฉินหมางกล่าว
“ผมก็ชอบเงินเหมือนกันนะครับคุณตา” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
“มันก็ไม่ผิดอะไรที่นายชอบเงินนี่ พูดตามตรงว่าฉันก็ชอบเงินเหมือนกัน แต่ถ้านายบูชาเงินขนาดนั้นจริง ๆ นายก็คงจะถูกปู่ของแอวริลซื้อชีวิตของแบ็ตตี้ไปแล้ว”
คำตอบนี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออก เพราะมันดูเหมือนกับว่าฉินหมางจะรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในนครหลวง แต่เมื่อเขามาคิดพิจารณาเรื่องนี้อีกทีการที่ชายชราจะรู้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดเลย เพราะท้ายที่สุดเขาก็คือศิษย์ร่วมอาจารย์กับทูราม
“ถ้าฉันตายไปตั้งแต่ในก่อนหน้านี้ฉันก็คงจะไม่รู้ว่าคนพวกนั้นต้องการจะทำอะไร แต่นายก็เห็นแล้วใช่ไหมว่าก่อนฉันตายพวกนั้นทำอะไรไปบ้าง ในเมื่อฉันรู้แล้วว่าคนพวกนั้นต้องการจะทำอะไร นายยังคิดว่าฉันจะมอบพิมพ์เขียวกับความหวังให้กับคนพวกนั้นอยู่อีกเหรอ?”
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตระหนักว่าสาเหตุที่ฉินหมางตัดสินใจไม่มอบพิมพ์เขียวให้กับฟราเทอนิตี้ นั่นก็เพราะความโลภที่สมาชิกของฟราเทอนิตี้ได้แสดงออกมา และมันก็อาจจะเป็นเพราะว่าเขาพยายามช่วยชีวิตฉินหมางทุกวิถีทาง ชายชราจึงตั้งใจจะส่งต่อปณิธานอันแรงกล้าให้กับชายหนุ่มตัวเล็ก ๆ คนนี้นี่เอง
เดิมทีเซี่ยเฟยแค่ไม่ต้องการเห็นฉินหมางตายโดยที่เขาไม่ทำอะไร เพราะท้ายที่สุดชายชราคนนี้ก็คอยช่วยเหลือเขาในเรื่องต่าง ๆ มาโดยตลอด แต่ใครจะไปคิดว่าการลงมือช่วยชีวิตในครั้งนั้นจะทำให้เขาต้องมาแบกรับปณิธานต่อจากฉินหมางแบบนี้
“ตอนที่คุณตาเรียกผมกลับมา คุณตาคงไม่คิดที่จะฝากพิมพ์เขียวนี้เอาไว้ให้กับผมใช่ไหมครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“ใช่ ตอนแรกฉันแค่อยากจะฝากหนังสือเล็ก ๆ น้อย ๆ เอาไว้ให้กับนาย หวังว่ามันอาจจะมีประโยชน์กับนายสักวันหนึ่งในอนาคต ส่วนพิมพ์เขียวพวกนี้ฉันตั้งใจจะยกให้พวกฟราเทอนิตี้อยู่แล้ว แต่พวกนั้นเหมือนจะรอให้ฉันตายไม่ไหวถึงกับออกลายมาทำตัวน่าเกลียดแบบนั้น มันเลยทำให้ฉันเปลี่ยนความคิดแล้วตั้งใจจะยกพิมพ์เขียวนี้ให้กับนายแทน” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
เซี่ยเฟยลุกยืนขึ้นเดินไปสูบบุหรี่ด้านข้างทะเลสาบ
แน่นอนว่าเขาย่อมสนใจที่จะศึกษาเรื่องการผลิตไททันที่ลึกลับ แต่ถ้าหากว่าเขายอมรับพิมพ์เขียวชิ้นนั้นมาจริง ๆ มันก็เหมือนกับการที่เขาได้ถือครองระเบิดไว้ตลอดเวลา
ในระหว่างนั้นฉินหมางก็ดึงชิพความจำออกมาจากไมโครคอมพิวเตอร์พร้อมกับเอามาถือไว้ในมือ
“นี่คือสำเนาของพิมพ์เขียวโครงยานไททัน ฉันพูดรายละเอียดทุกอย่างไปจนหมดแล้ว ตอนนี้นายมีทางเลือกอยู่เพียงแค่ 2 ทาง” ฉินหมางกล่าว
“ถ้านายเลือกที่จะปฏิเสธนายอาจจะพลาดโอกาสเดียวที่เข้ามาในชีวิต แต่ถ้านายเลือกที่จะยอมรับ จากนี้ไปฉันขอฝากเป้าหมายเรื่องการสร้างยานไททันเอาไว้ให้กับนายด้วย” ฉินหมางกล่าวอย่างจริงจัง
“สำเนา?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาอย่างตกใจ
“อะไรกัน นายคงไม่คิดว่าฉันจะส่งต้นฉบับให้นายใช่ไหม? การทำแบบนั้นมันจะทำให้นายตกอยู่ในอันตรายเปล่า ๆ อย่างน้อยถ้าต้นฉบับอยู่กับฉันมันก็เป็นการรับประกัน 2 ชั้นว่าจะมีคนรับปณิธานของฉันไปถึงสองคน ถ้าไอ้พวกฟราเทอนิตี้ไม่สามารถสร้างไททันขึ้นมาได้ อย่างน้อยก็ยังมีนายที่คอยสร้างไททันแทนฉันอยู่ แบบนั้นฉันจะได้นอนตายตาหลับเพื่อพักผ่อนอย่างสงบได้สักที”
เซี่ยเฟยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะหยิบชิพขนาดเล็กมาจากมือของชายชรา และถึงแม้ว่าน้ำหนักของชิพจริง ๆ จะเบามาก แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกเหมือนกับหยิบภูเขาขึ้นมาในฝ่ามือ
“ผมสัญญาครับ” เซี่ยเฟยพูดขึ้นมาเบา ๆ
“เอาล่ะวันนี้ฉันเหนื่อยแล้ว ช่วยพาฉันกลับไปส่งที่เต็นท์หน่อย” ฉินหมางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ได้ครับ”
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็นำฉินหมางกลับไปส่งที่เต็นท์ โดยตลอดทางพวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย
—
“ยินดีด้วย!” อันธกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีอะไร?”
“มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่เหรอ? อย่างน้อยนายก็ได้รู้ความลับของมนุษย์เพิ่มมากขึ้นและนายยังได้รับพิมพ์เขียวของไททันมาเพิ่มอีกชิ้นหนึ่งด้วย”
“บางครั้งการรู้เรื่องราวมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี การรับพิมพ์เขียวชิ้นนี้มาก็น่าจะทำให้ชีวิตของฉันยากลำบากมากขึ้นกว่าเดิม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“อย่างน้อยนายก็ยังมีเป้าหมายในชีวิตให้ทำเพิ่ม” อันธกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในเวลานี้เซี่ยเฟยรู้สึกราวกับว่าเขาเพิ่งได้รับภารกิจชิ้นสำคัญมาก และถึงแม้ว่าการผลิตยานไททันจะอยู่ห่างไกลจากความสามารถของเขาในตอนนี้มาก แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเช่นเดียวกัน
‘นี่ฉันต้องมีเป้าหมายเป็นการสร้างยานรบที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาลงั้นเหรอ? มันช่างเป็นเป้าหมายที่ทะเยอทะยานจริง ๆ’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ
***************