ตอนที่ 211 ทางเลือกของเซี่ยเฟย 1
ตอนที่ 211 ทางเลือกของเซี่ยเฟย 1
ทุ่งหญ้าปัมปัสในทวีปอเมริกาใต้ของดาวโลก
บนทุ่งหญ้าสีเขียวมีเต็นท์ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านล้อมรอบด้วยเต็นท์ขนาดเล็กต่าง ๆ อย่างมากมาย แน่นอนว่าเต็นท์ขนาดใหญ่เป็นเต็นท์ที่มีเอาไว้สำหรับการรับรองฉินหมาง ส่วนเต็นท์ขนาดเล็กรอบ ๆ นั้นก็เป็นที่พักสำหรับคนรับใช้และพวกผู้ติดตาม
ถึงแม้เต็นท์พวกนี้จะเอาไว้พักผ่อนเพียงแค่ชั่วคราว แต่อันเดร์ก็ทำการตกแต่งพวกมันให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ต่างไปจากโรงแรมระดับ 5 ดาว ทำให้ผู้พักผ่อนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย
ปัจจุบันฉินหมางกำลังนอนอยู่บนโซฟาลมท่ามกลางทุ่งหญ้าพร้อมกับคาบซิการ์เอาไว้ในปาก
“บรรยากาศที่นี่เป็นยังไงบ้างครับ?” เซี่ยเฟยเดินเข้ามาทักด้วยรอยยิ้ม
“บรรยากาศค่อนข้างดีทีเดียว ส่วนบุหรี่แบบนี้ก็ไม่เลว” ฉินหมางกล่าวตอบกลับไป
เมื่อเห็นเซี่ยเฟยเดินมาเหล่าบรรดาคนรับใช้ก็รีบหยิบม้านั่งมาวางไว้ข้าง ๆ ฉินหมางเพื่อให้ชายหนุ่มได้มานั่งคุยกับชายชราอย่างใกล้ชิด
เซี่ยเฟยนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับจุดบุหรี่แล้วนั่งเอนหลังเพื่อพักผ่อน เพราะท้ายที่สุดเขาก็พึ่งทำงานในโรงงานมาอย่างต่อเนื่องกว่า 4 วัน ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้าอยู่พอสมควร
“คุณตาทูรามไปไหนแล้วครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“ทูรามกลับไปแล้ว อย่าลืมว่าเขาเป็นหัวหน้าแผนกอาวุธยุทโธปกรณ์ของสมาพันธ์ เขาไม่สามารถลางานมาติดต่อกันหลาย ๆ วันได้หรอก ว่าแต่งานที่โรงงานเสร็จแล้วหรือยัง?” ฉินหมางถาม
“ใกล้เสร็จแล้วครับ ได้ลุงพอตเตอร์มาช่วยทำให้ผมสบายใจขึ้นเยอะเลย” เซี่ยเฟยกล่าว
“พอตเตอร์เป็นช่างที่เก่งมาก ฉันแปลกใจจริง ๆ ที่รอบ ๆ ตัวนายมีแต่คนที่มีความสามารถและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนพวกนี้เหมือนกับจะภักดีกับนายทุกคน” ฉินหมางกล่าว
“มันไม่สำคัญหรอกครับว่าพวกเขาจะภักดีกับใคร ผมขอแค่ให้พวกเขาไว้ใจได้ก็พอ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“เครื่องขยายพลังชาร์จกำลังจะเข้าสู่กระบวนการผลิตแล้ว และเมื่อไหร่ก็ตามที่สินค้าชนิดนี้ถูกวางขายออกสู่ท้องตลาด มันก็คงจะสร้างผลกำไรกลับมาให้กับนายอย่างมากมาย นายได้วางแผนเอาไว้แล้วหรือยังว่าหลังจากมีเงินนายจะทำอะไรบ้าง?” ฉินหมางถามอย่างมีนัยยะ
คำถามนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เพราะมันดูไม่เหมือนกับคำถามธรรมดาโดยทั่วไป
“จากประสบการณ์ช่วงที่ผ่านมาผมได้ค้นพบว่าตัวเองน่าจะเหมาะสมกับอาชีพนักผจญภัยระหว่างดวงดาว ผมชอบที่จะท่องไปในจักรวาลอันกว้างใหญ่ซึ่งผมก็จะต้องมียานรบที่ดี ก่อนหน้านี้คุณตาทูรามอุตส่าห์ให้ยานแบทเทิลครุยเซอร์ผมมา แต่น่าเสียดายที่ผมทำมันพังหลังจากที่ได้ขับมันไปได้แค่ไม่กี่วัน” เซี่ยเฟยกล่าว
“เป้าหมายของนายคงไม่ได้หยุดอยู่แค่การซื้อยานรบดี ๆ สักลำใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นหลังจากนี้นายก็คงจะไม่มีเป้าหมายใหม่แล้ว” ฉินหมางกล่าว
‘ดูเหมือนคุณตาจะเอาคำตอบให้ได้สินะ’ เซี่ยเฟยคิดขึ้นมาภายในใจ
“ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับแอวริลให้มากขึ้น ผมชอบผู้หญิงคนนี้มากแต่ฐานะของเธอแตกต่างจากผมมากจนเกินไป ผมไม่อยากให้เธอถูกนินทาว่าเธอต้องลดตัวลงมาคบหากับคนธรรมดาโดยทั่วไป ถึงแม้ผมจะไม่สนใจคำนินทาพวกนั้นแต่มันก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าแอวริลจะไม่รู้สึกหลังจากถูกแอบนินทา”
สิ่งที่เซี่ยเฟยพูดไม่ต่างไปจากความเป็นจริงมากนัก เพราะโดยปกติผู้ชายมักจะไม่ค่อยสนใจคำนินทาลับหลัง แต่ผู้หญิงมักจะใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมอ คำนินทาพวกนั้นจึงส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของผู้หญิงบ้างไม่มากก็น้อย
ชายหนุ่มไม่เคยกลัวที่จะถูกนินทาจากคนที่เขาไม่ใส่ใจ แต่เขาจะไม่ยอมให้คนพวกนั้นมานินทาผู้หญิงของเขาอย่างเด็ดขาด
ฉินหมางพยักหน้ารับพร้อมกับสูดควันเข้าไปในปอด
“หากนายต้องการจะประสบความสำเร็จในอาชีพที่ใฝ่ฝันเอาไว้ มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดหากนายจะต้องตัดเรื่องอารมณ์ความรักออกไป” ฉินหมางกล่าว
“คุณตากำลังจะบอกให้ผมตัดขาดความสัมพันธ์กับแอวริลใช่ไหมครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
ฉินหมางพยักหน้ารับแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าทำไมคุณตาถึงโน้มน้าวผมแบบนี้ แต่ยกโทษให้ผมด้วยที่ผมไม่สามารถทำตามคำแนะนำของคุณตาได้ หากผมไม่ได้รู้จักกับเธอตั้งแต่แรกมันก็คงจะไม่มีอะไร แต่ผมได้ค้นพบแล้วว่าพวกเราเข้ากันได้เป็นอย่างดี ถ้าหากพวกเราเลิกรากันไปอย่างกะทันหันมันก็คงจะเป็นการทำลายความรู้สึกของอีกฝ่ายมากเกินไป และผมก็ยังหาเหตุผลดี ๆ ที่จะเลิกกับเธอไม่ได้ด้วยครับ”
คำพูดของเซี่ยเฟยเต็มไปด้วยความหนักแน่น ท้ายที่สุดผู้หญิงดี ๆ อย่างแอวริลก็ไม่สามารถหาเจอได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธคำแนะนำของฉินหมางอย่างเด็ดขาด
“แล้วถ้าสมมติว่าฉันมอบข้อเสนอที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ให้กับนายล่ะ” ฉินหมางถามด้วยรอยยิ้ม
“ถึงแม้คุณตาจะมอบจักรวาลให้ผม แต่มันก็ไม่มากพอจะทำให้ผมเปลี่ยนใจได้อยู่ดีครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“นายเองก็เคยพูดอยู่บ่อย ๆ ว่าในบางครั้งหากเราต้องการจะได้อะไรบางอย่างมา เราก็ต้องพร้อมจะเสียสละบางอย่างไป” ฉินหมางกล่าว
“หากผมจะเสียสละอะไรบางอย่างแสดงว่าสิ่งนั้นคือสิ่งที่ผมไม่ได้เลือกไว้ หากวันนั้นผมไม่ได้ไปที่คฤหาสน์เพื่อช่วยชีวิตของแอวริลแล้วไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์มาจนถึงระดับนี้ ผมก็อาจจะเสียสละความสัมพันธ์ของเราเพื่อเลือกอะไรบางอย่างได้ แต่เมื่อผมได้เลือกให้เธอเป็นผู้หญิงของผมแล้วผมก็จะไม่ยอมเสียเธอไปเพื่อต้องแลกกับอะไรทั้งนั้น ผมต้องขอโทษด้วยครับที่ผมไม่สามารถทำตามความต้องการของคุณตาได้” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
“ฮ่า ๆ ๆ นายรู้อะไรไหมว่าฉันชอบนิสัยแบบนี้ของนายที่สุด ตราบใดก็ตามที่นายเลือกเส้นทางอะไรบางอย่างนายจะไม่มีวันยอมแพ้กับมันเด็ดขาด แม้ว่ามันจะเป็นทางเดินที่ยากลำบากมากเพียงใดก็ตาม” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมา
“อันที่จริงฉันไม่ได้ต้องการให้นายตัดความสัมพันธ์อะไรกับแอวริลหรอก ฉันแค่จะลองทดสอบดูว่านายจะทนต่อสิ่งล่อตาล่อใจได้มากแค่ไหนและคำตอบของนายก็ทำให้ฉันรู้สึกพอใจมาก”
คำอธิบายของชายชราทำให้เซี่ยเฟยแอบเบะปากอยู่เล็กน้อยพร้อมกับเริ่มบ่นฉินหมางภายในใจ
ไม่ว่าเซี่ยเฟยจะเป็นคนที่แน่วแน่มากแค่ไหนแต่สุดท้ายเขาก็ยังคงเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งอยู่ดี สมมติว่าฉินหมางมอบสิ่งล่อตาล่อใจให้เขาต้องเลือกจริง ๆ ท้ายที่สุดเขาก็จะต้องพยายามเอาชนะความโลภที่เกิดขึ้นภายในใจของตัวเอง
ตราบใดก็ตามที่เขายังคงเป็นมนุษย์เขาย่อมถูกล่อลวงด้วยความโลภอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และถึงแม้ว่าเขาจะมีความแน่วแน่แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าภายในใจของเขามันจะไม่ได้มีความโล�
“ตามฉันมา ฉันมีเรื่องสำคัญที่นายจำเป็นจะต้องตัดสินใจ” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับมองไปในระยะไกล
คำพูดนี้ทำให้เซี่ยเฟยชะงักไปครู่หนึ่ง เพราะในที่สุดฉินหมางก็เข้าเรื่องที่เขาต้องการจะพูดเสียที เพียงแต่ว่าชายหนุ่มไม่รู้ว่าสิ่งสำคัญที่เขาจะต้องตัดสินใจมันคือเรื่องอะไร
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็บังคับรถเข็นลอยของชายชราเพื่อเคลื่อนตัวให้ห่างออกมาจากเต็นท์
“เร็ว ๆ เข้า! พวกเรายังต้องไปอีกไกล” หลังกล่าวจบฉินหมางก็กดนิ้วลงบนปุ่มของรถเข็นทำให้ จู่ ๆ มันก็ได้มีเกราะพลังงานปรากฏขึ้นมาครอบพวกเขาเอาไว้
ฟุบ!
เซี่ยเฟยถีบเท้าอย่างแรงพร้อมกับเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วประมาณ 2,000 เมตรต่อวินาที และเนื่องจากฉินหมางได้อยู่ภายใต้เกราะพลังงาน แรงลมที่เกิดขึ้นด้านนอกจึงไม่ได้ส่งผลกระทบกับเขาที่นั่งอยู่บนรถเข็นเลย
ในชั่วพริบตาพวกเขาก็เคลื่อนที่ห่างออกมาจากเต็นท์หลายร้อยกิโลเมตร ซึ่งสิ่งที่อยู่ข้างหน้าคือทะเลสาบอันเงียบสงบที่อยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวขจี
ฉินหมางส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มไปหยุดอยู่ที่ต้นไม้แห้งต้นหนึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มนั่งเพื่อพูดคุยกันอีกครั้ง
“ตั้งใจฟังสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกต่อจากนี้ให้ดี ๆ” ฉินหมางพูดขึ้นมาอย่างช้า ๆ
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างจริงจัง
“คนทั้งพันธมิตรรู้แต่เพียงว่าผู้มีอำนาจมากที่สุดในสมาพันธ์จัสทิสคือประธานสมาพันธ์ แต่ความจริงแล้วมันยังมีคนที่อยู่เหนือกว่าประธานที่พวกเราเรียกกันว่า 10 ผู้อาวุโส และเมื่อนานมาแล้วฉันก็คือ 1 ใน 10 ผู้อาวุโสเหล่านี้”
เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อยแล้วมันก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมฉินหมางถึงรู้จักคนอย่างกว้างขวางขนาดนี้ ที่แท้ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็น 1 ใน 10 ผู้อาวุโสที่มีอำนาจมากที่สุดในสมาพันธ์จัสทิสนี่เอง และมันก็เป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปจะจินตนาการว่าเหนือกว่าประธานสมาพันธ์จะมีผู้อาวุโสที่คอยควบคุมสมาพันธ์เอาไว้อีกที
“ถึงแม้พวกเราจะถูกเรียกว่า 10 ผู้อาวุโส แต่ผู้อาวุโสทั้ง 10 คนก็ไม่ได้มีความปรองดองอะไรกันเลย มาร์ตาที่นายเจอตอนที่ฉันอยู่โรงพยาบาลคือคนที่อยู่ฝ่ายผู้อาวุโสที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและจุดประสงค์ของเขาคือต้องการอะไรบางอย่างที่อยู่ในมือของฉัน”
“ของชิ้นนี้เป็นเหมือนกับเผือกร้อนที่ไม่ว่าจะอยู่กับใครจะทำให้คนคนนั้นตกอยู่ในอันตราย ฉันอุตส่าห์อยู่อย่างสันโดษในค่ายฝึกเล็ก ๆ มานานหลายปี ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนพวกนี้จะยังต้องการของชิ้นนั้นอยู่ ยังดีที่ในหมู่เพื่อนของฉันยังมี 1 ใน 10 ผู้อาวุโสทำให้คนพวกนั้นไม่กล้าจะทำอะไรกับฉันโดยตรง”
“แต่เมื่อถึงเวลาที่ฉันกำลังจะตายคนพวกนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหว แต่พวกเขาคำนวณผิดพลาดไป เพราะถึงแม้ฉันจะตายฉันก็จะไม่ปล่อยให้ของสิ่งนั้นไปตกอยู่ในมือของพวกมัน ท้ายที่สุดฉันก็มีคนของฉันที่คอยจับตาดูสถานการณ์ทุกอย่างอย่างใกล้ชิด และเมื่อไหร่ก็ตามที่มันมีเหตุการณ์ผิดปกติพวกเขาก็จะเริ่มแผนการปกป้องของชิ้นนั้นทันที”
เซี่ยเฟยรับฟังอย่างตั้งใจและกำลังพยายามแอบคาดเดาว่าของชิ้นนั้นมันคืออะไรกันแน่ เพราะท้ายที่สุดตัวตนของผู้อาวุโสแต่ละคนล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดา และของที่พวกเขาต้องการถึงขนาดจะแย่งชิงไปจากชายชราย่อมไม่ใช่สิ่งธรรมดาอย่างแน่นอน
“สำหรับพวกลูกศิษย์ที่ไม่เอาไหนของฉันพวกเขาก็แค่ต้องการหนังสือโบราณเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง ของพวกนั้นมันไม่มีค่าสำหรับฉันด้วยซ้ำ แล้วมันก็ไม่สำคัญว่าพวกเขาอยากจะเอาพวกมันไปหรือเปล่า”
“สถานการณ์นี้ทำให้มันเกิดความวุ่นวายขึ้นมา เพราะถ้าหากฉันมอบของสิ่งนั้นให้กับคนที่อ่อนแอมันย่อมนำภัยมาสู่ตัว แต่ถ้าหากว่าฉันมอบของสิ่งนั้นให้กับคนที่แข็งแกร่ง คนพวกนี้ก็มักที่จะมีความขี้ขลาดอยู่ภายในใจ เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถปกป้องของสิ่งนั้นได้ พวกเขาก็จะทิ้งของสิ่งนั้นไปเพื่อไม่ให้มีภัยมาสู่ตัว”
‘อย่าบอกนะว่าคุณตาจะให้ของสิ่งนั้นกับฉัน?’ เซี่ยเฟยคิดภายในใจอย่างตื่นตระหนก
“อันที่จริงฉันกับนายก็รู้จักกันได้ไม่นาน พูดตามตรงฉันก็ไม่ควรจะต้องมอบภาระที่หนักหนาขนาดนี้เอาไว้ให้กับนาย แต่หลังจากที่ฉันคิดแล้วคิดอีกแม้แต่ในตอนที่ฉันกำลังจะตายการมอบของสิ่งนั้นให้กับนายมันก็ยังจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดอยู่ดี” ฉินหมางกล่าวขึ้นมาอย่างช้า ๆ พร้อมกับพ่นควันบุหรี่ออกมาจากปาก
“ผมคิดว่าผมยังอ่อนแอจนเกินไปครับและผมก็คงจะไม่สามารถปกป้องสมบัติชิ้นนั้นได้ดีมากนัก” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง
“นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ฉันจะให้นายตัดสินใจ ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายแล้ว” ฉินหมางกล่าวอย่างลึกลับ
‘ชิบหาย! แล้วจะเลือกยังไงดีวะ’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ
***************