บทที่ 203: หาวิธีรับมือ
หรือว่า... หวงเยว่ไม่ได้สูญเสียความทรงจำไปตั้งแต่แรก!
เมื่อหูเจียวเจียวนึกถึงความเป็นไปได้นี้ ภาพที่กระจัดกระจายมากมายก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ มันทำให้เธอนึกอะไรบางอย่างออก
“หยินชาง กลุ่มภูตหมาป่าสีขาวเป็นคนโจมตีเผ่าของเจ้าหรือเปล่า?”
เธอจำได้ว่าหยินกู่ดูเหมือนจะบอกว่าเป็นกลุ่มภูตหมาป่าที่โจมตีเผ่าของเขาก่อนที่ทั้งคู่จะหนีออกมาจากที่นั่น
นอกจากนี้ภูตหมาป่าพวกนั้นยังเป็นกลุ่มเดียวกับที่ไปขัดขวางพวกพี่ใหญ่ตอนออกไปขนดอกเกลือกลับเผ่าอีกด้วย
ภายใต้การจ้องมองของจิ้งจอกสาว หยินชางพยักหน้าตอบรับอีกครั้ง
เขาจะไม่มีวันลืมฝูงนักล่าโหดเหี้ยมที่ทำให้ตนและพี่ชายต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ในป่า
หัวใจของหูเจียวเจียวจมดิ่งลงทันทีที่ได้รับการยืนยันจากเด็กหนุ่ม และการคาดเดาในใจเธอกำลังจะปรากฎเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
“หยินชาง ขอบคุณเจ้ามาก!”
เธอเอื้อมมือไปตบแก้มของหยินชางเบา ๆ พลางบอกว่า “ข้ามีเรื่องด่วนต้องไปหาท่านผู้เฒ่า เจ้าช่วยข้าดูแลเหยาเอ๋อหน่อยนะ”
จากนั้นเธอก็หันหลังวิ่งออกไปอย่างรีบเร่ง
ถ้าหวงเยว่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภูตหมาป่ากลุ่มนั้นจริง ๆ เหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นในเผ่าก็มีคำอธิบายแล้ว
นี่ต้องเป็นเล่ห์เหลี่ยมบางอย่างของนางแน่นอน!
เธอต้องบอกหัวหน้าเผ่าให้เร็วที่สุด
ทางด้านหยินชางยืนถือแตงกวานิ่งพลางมองตามหลังของหูเจียวเจียวไป ในขณะที่เขาสงสัยว่าทำไมจู่ ๆ นางถึงตื่นเต้นขนาดนั้น
เขาเป็นคนที่ควรตื่นเต้นมากกว่าไม่ใช่หรือ?
...
เวลาต่อมา ในที่สุดจิ้งจอกสาวก็มุ่งหน้ามาถึงบ้านของหัวหน้าเผ่า
เมื่อชายชราเห็นว่าหูเจียวเจียววิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาตน เขาก็รีบบอกให้เธอนั่งพักบนม้านั่งหินก่อน
“เจียวเจียว เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้ารีบร้อนนัก?”
ผู้มีอำนาจสูงสุดเองก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาเช่นกัน เขาอดไม่ได้ที่จะยกมือลูบเคราตนเอง
ส่วนหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนจะบอกอีกฝ่ายถึงเรื่องที่เธอคาดเดาในใจ
เนื่องจากชายผู้นี้ไว้วางใจในตัวเธอมาก เธอจึงไม่ปิดบังอะไรเขาเลย
แม้ว่าภูตคนอื่นอาจไม่เชื่อสิ่งที่เธอกล่าวตอนนี้ แต่ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าจะต้องเชื่อเธออย่างแน่นอน
“อะไรนะ!?”
เมื่อหัวหน้าเผ่าได้ยินคำพูดของหูเจียวเจียว เขาก็ตะโกนเสียงดังพร้อมกับทำหน้าเหลือเชื่อ
“เจ้าบอกว่าหวงเยว่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มภูตหมาป่าที่ดักซุ่มโจมตีคนของเราตอนที่ไปขนดอกเกลืองั้นหรือ นี่มัน...”
ชายสูงวัยอยากจะบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อเขานึกถึงตอนที่หวงเยว่มาขออาศัยอยู่ในเผ่า หลังจากนั้นเผ่าแห่งนี้ก็มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นมากมาย อีกทั้งภูตที่ไปเอาดอกเกลือกลับเผ่าก็เกือบจะถูกฆ่าตาย ดังนั้นเขาจึงต้องระมัดระวังและคิดอะไรให้รอบคอบ
“แต่หู่จงไม่ใช่ผู้ที่สมรู้ร่วมคิดกับพวกภูตต่างเผ่าหรอกหรือ?” ผู้อาวุโสขมวดคิ้วจนแทบจะผูกเป็นปม
รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าสูงวัยถูกบีบเข้าหากันแน่นจนเกิดเป็นรอยยับซึ่งเป็นภาพที่จิ้งจอกสาวเห็นชินตาแล้ว
ในโลกของภูต เหล่าภูตต้องเผชิญหน้ากับปัญหาการเอาชีวิตรอดกันทั้งนั้น
ภูตผู้ดิ้นรนเพื่ออยู่รอดให้ได้ในแต่ละวันไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับโลกมนุษย์ที่หญิงสาวเคยอยู่ได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นการเผาทำลาย การเข่นฆ่า การปล้นสะดม รวมถึงเจตนาร้ายทั้งหมดคือความโหดร้ายอันแท้จริงที่ภูตส่วนใหญ่ต้องพบเจอ
“บางทีหวงเยว่อาจใช้วิธีบางอย่างเพื่อควบคุมเขา”
หูเจียวเจียวเองก็ไม่สามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้เหมือนกัน
เห็นได้ชัดว่าในวันนั้นหวงเยว่ไม่ได้ออกไปไหน แล้วนางจะส่งข่าวเกี่ยวกับเรื่องดอกเกลือให้ภูตต่างเผ่ารู้ได้อย่างไรกัน?
“เฮ้อ…” หัวหน้าเผ่าถอนหายใจพลางขมวดคิ้วอย่างเหนื่อยล้า
“ท่านผู้เฒ่า อย่ากังวลไปเลย ตอนนี้เรารู้ว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นล่วงหน้าแล้ว เราก็แค่ต้องระวังผู้หญิงคนนี้เอาไว้”
จิ้งจอกสาวปลอบโยนผู้อาวุโส
“ทำไมเราไม่ขับไล่นางออกจากเผ่าไปตรง ๆ เลยล่ะ?” ชายชราแนะนำด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“ข้าเกรงว่านั่นจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ถ้ากลุ่มภูตหมาป่าโจมตีเผ่าของเรา ฝ่ายตรงข้ามน่าจะแข็งแกร่งกว่าเรา ซึ่งทางเผ่าอาจไม่สามารถต้านทานพวกมันได้”
หูเจียวเจียวส่ายหัว ก่อนจะใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า
“อย่างน้อยก็จนกว่าเราจะหาทางตั้งรับได้ก่อน”
ปัจจุบันฝ่ายศัตรูกำลังจับตามองเผ่าแห่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าหวงเยว่จะถูกขับไล่ออกไป แต่มันก็ไม่ได้ทำให้กลุ่มภูตหมาป่าเปลี่ยนใจที่จะรุกรานพวกเธออยู่ดี
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเธอต้องหาวิธีรับมือการบุกโจมตีของคนพวกนั้น
“ตกลง ข้าจะทำตามที่เจ้าบอก” คนเป็นหัวหน้าเผ่าผงกหัวซ้ำ ๆ
ก่อนหน้านี้เผ่าของพวกเขาไม่เคยถูกภูตต่างเผ่าโจมตีมาก่อน แต่หากเกิดสงครามระหว่างเผ่า พวกตนจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แน่นอน
ชายชราปรับอารมณ์ได้โดยเร็วจนในที่สุดเขาก็สงบลง
“ท่านผู้เฒ่า ข้าขอรบกวนท่านช่วยส่งคนไปจับตาดูหวงเยว่เอาไว้ และอย่าให้นางรู้ตัวว่าเรากำลังทำอะไรอยู่” หูเจียวเจียวพูดเตือนชายแก่อีกครั้ง
เธอต้องการทราบว่าหงส์สาวส่งข่าวไปถึงภูตต่างเผ่าได้อย่างไร
“ตกลง ข้าจะส่งคนไปจับตามองนางเดี๋ยวนี้!”
หัวหน้าเผ่าพยักหน้าตอบรับด้วยท่าทางเคร่งขรึม และประกายแสงก็ฉายในดวงตาที่ผ่านโลกมานานของเขา
หลังจากที่จิ้งจอกสาวหารือกับผู้นำสูงสุดเสร็จแล้ว เธอก็มุ่งหน้าไปยังทุ่งหญ้าแห้งแล้งทางตอนใต้ของเผ่า
ขณะนี้ภูตหลายคนได้ขีดเส้นกำหนดระยะ แล้วเริ่มขุดดินเพื่อสร้างกำแพงหิน
เนื่องจากในปีนี้เผ่ามีอาหารเหลือมากพอ อีกทั้งเนื้อสัตว์ยังสามารถเก็บไว้ได้นาน และผลไม้ดินกำลังเติบโตอยู่ในพื้นดิน พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารกันอีก ทำให้ตอนนี้มีภูตชาย 2-3 คนมาช่วยงานเพิ่ม
พอหูเจียวเจียวมอบถุงปุ๋ยขนาดใหญ่หลายถุงให้คนงานแล้ว เธอก็ขอให้คนอื่นหาภูตชายมาช่วยสร้างสะพานข้ามแม่น้ำ
ภูตที่รับคำสั่งทำงานได้รวดเร็วมาก เขาหันกลับไปเรียกชาย 3 คนที่อยู่ใกล้ ๆ ให้มาช่วยอีกแรงทันที
ในเวลาเดียวกัน จิ้งจอกสาวเดินไปยืนรออยู่ที่ริมแม่น้ำ
ไม่นานหญิงสาวที่มองดูจากระยะไกลก็เห็นผู้ชาย 3 คนเดินมาจากอีกฝั่งของแม่น้ำ
ยามนี้ชายทั้ง 3 กำลังพูดคุยกันขณะเดินเข้ามา ดูจากลักษณะท่าทางแล้ว พวกเขาน่าจะเป็นคนที่เพิ่งถูกเรียกมาเมื่อกี้ เพราะเมื่อวานหูเจียวเจียวไม่เห็นอีกฝ่ายมาทำงาน
1 ในนั้นคือคนที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคือเป้าเฟิงที่ท่านผู้เฒ่าใช้ให้เขาไปส่งข่าวเรื่องที่จะมีภูตต่างถิ่นซุ่มโจมตีพวกพี่ใหญ่ในวันนั้น
“เป้าเฟิง เจ้าโชคดีชะมัด!”
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเพิ่งมีคู่ ข้าอิจฉาเจ้ามาก เมื่อไหร่เราจะได้เจอคู่แบบเจ้าบ้างนะ”
“แถมคู่ของเจ้ายังเป็นหวงเยว่อีก”
“สอนเราทีสิ เจ้าเกี้ยวผู้หญิงดี ๆ แบบนี้ได้ยังไง!?”
ชายทั้ง 2 พูดขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับตบไหล่เสือดาวหนุ่มอย่างอิจฉาปนหยอกล้อ
“ไม่มีอะไรหรอก… แค่นางต้องการหาคู่ ข้าเอาเหยื่อไปให้นางเมื่อวาน นางก็เลยตกลง”
เป้าเฟิงโบกมือปัดพลางพูดแบบขอไปที แต่ความภูมิใจที่ฉายในดวงตาของเขานั้นชัดเจนมาก
เดิมทีเขาคิดว่าหงส์สาวจะปฏิเสธ แต่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่านางจะตอบตกลงอย่างง่ายดาย
หวงเยว่คงจะชอบข้ามานานแล้ว
ข้าช่างมีเสน่ห์เหลือล้นจริง ๆ!
เสือดาวหนุ่มรู้สึกเพียงว่าการที่หญิงสาวยอมรับเขาเป็นคู่ครองช่วยให้ความรู้สึกที่ไร้ตัวตนตอนอยู่ในป่าวันนั้นฟื้นกลับคืนมาในทันที
ทางด้านหูเจียวเจียวขมวดคิ้วเมื่อได้ยินบทสนทนาของภูตชายทั้ง 3 ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปหาเป้าเฟิงแล้วถามว่า
“เจ้ากับหวงเยว่ตกลงปลงใจกันแล้วหรือ?”
“ใช่ เราเป็นคู่กันแล้ว” เป้าเฟิงคิดว่าจิ้งจอกสาวก็มาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับตน เขาจึงยิ้มอย่างมีความสุข
แต่ผู้หญิงคนนี้กลับมีใบหน้าเคร่งขรึม นางไม่มีรอยยิ้มเลยสักนิด
ท่าทางของอีกฝ่ายทำให้ชายหนุ่มเกาหัวด้วยความสงสัยและถามแบบลังเลว่า “ทำไมหรือ เจ้ามีอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไร” หูเจียวเจียวส่ายหัว “ข้าแค่มาบอกเจ้าว่าหัวหน้าเผ่ามีเรื่องบางอย่างจะใช้งานเจ้า ดังนั้นเจ้าควรไปหาเขาโดยเร็วที่สุด”
ท่านผู้เฒ่าเป็นภูตที่มีอำนาจมากที่สุดในเผ่า ดังนั้นการมอบหมายงานต่าง ๆ ควรตกเป็นของหัวหน้าเผ่า
“หา? ท่านผู้เฒ่ามีอะไรจะใช้ข้า?” เป้าเฟิงอดที่จะสงสัยไม่ได้
“ไม่รู้เหมือนกัน เจ้าจะรู้เองหลังจากที่เจ้าไปหาท่านผู้เฒ่า แต่อย่าลืมบอกข่าวดีแก่เขาว่าเจ้ากับหวงเยว่ได้เป็นคู่กันแล้วด้วยล่ะ”
หญิงสาวพูดเร่งให้เขาปลีกตัวไปหาชายสูงวัย
ขณะนี้เสือดาวหนุ่มถูกผู้นำสูงสุดเรียกตัว เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องไปพบอีกฝ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ขณะที่หัวหน้าเผ่ากำลังแจกแจงงานให้พวกผู้ติดตาม เขาก็เห็นเป้าเฟิงวิ่งเข้ามาหาตน
“ท่านผู้เฒ่า ท่านจะใช้ให้ข้าทำอะไรหรือ?”
ชายชราทำหน้าสงสัย “ข้าเรียกเจ้าตอนไหน...”
“หูเจียวเจียวบอกข้ามาว่าท่านเรียกหาข้า”
ชายหนุ่มเกาหัวตัวเองด้วยความงุนงง จากนั้นเขาก็นึกบางสิ่งขึ้นมาได้ ก่อนจะพูดพร้อมรอยยิ้ม “เอาเถอะ ท่านผู้เฒ่า ข้ามีข่าวดีจะบอก ตอนนี้หวงเยว่กับข้าได้กลายเป็นคู่กันแล้ว”
เมื่อผู้อาวุโสได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปฉับพลัน
เป้าเฟิง ไอ้เด็กโง่คนนี้!
เขาเพิ่งบอกแผนการให้ภูตคนอื่น ๆ เสร็จ แต่เจ้าเด็กนี่ดันส่งตัวเองไปถึงหน้าประตูบ้านของหวงเยว่จอมหลอกลวงคนนั้นเสียได้!
ทันทีที่ชายชราได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้น เขาก็ยิ้ม ‘อย่างเมตตา’ และกวักมือเรียกให้เสือดาวหนุ่มมาใกล้ ๆ ตน
“เป้าเฟิง มานี่สิ ข้ามีอะไรจะบอกเจ้า...”