ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 55 ราวกับข้าคือผู้ฝึกตนขอบเขตราชัน
การประลองดำเนินไปตามที่คาดไว้ ทั้งชิงอี้และไป๋เฟยก็ผ่านถึงริบชิงชนะเลิศจนได้ มันไม่แปลกใจมากนักที่พวกเขาทั้งสองเข้าถึงรอบชนะเลิศนี้ได้ เนื่องจากทั้งคู่เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตก่อตั้งรากฐานที่มีเพียงสองคนในหมู่ผู้เข้าประลองทั้งหมด ผู้ที่เหลืออยู่เพียงขอบเขตรวมปราณเท่านั้น...
รอบชิงชนะเลิศจะเริ่มขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ในช่วงเวลานี้เองที่เซวียนห่าสังเกตเห็นอาจารย์ของไป๋เฟยได้
ชายผู้นั้นสวมชุดคลุมสีดำสนิท ใบหน้าของเขาดูเฉยเมยยิ่งนัก
ชายผู้นั้นเข้ามาเมื่อรอบชิงชนะเลิศกำลังจะเริ่มขึ้น เขากำลังนั่งอยู่บนที่นั่งอันทรงเกียรติที่ตระกูลไป๋สร้างขึ้น แม้ว่าจะไม่ตระหนักรัศมีวิญญาณของผู้ชายผู้นั้น เซวียนห่าวก็สามารถคาดเดาได้ว่าเขาเป็นใคร
สิ่งเดียวที่ทำให้เซวียนห่าวประหลาดใจคือวิธีที่ชายผู้นี้ไม่ได้ปกปิดรัศมีพลังของเขาเสียเลย เขาปลดปล่อยมันอย่างอิสระ
แม้แต่เซวียนห่าวเองก็ปกปิดรัศมีวิญญาณก่อกำเนิดของเขาเอาไว้เพราะนั่นอาจทำให้ผู้อื่นรู้สึกอึดอัดและจะทำให้ความแข็งแกร่งที่ซุกซ่อนไว้ของเขาถูกเปิดเผย
ในตอนนี้เซวียนห่าวสัมผัสได้ว่าเขาอยู่เพียงขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดขั้น 1 เท่านั้น ชายผู้นี้มิได้ตระหนักเลยว่ามียอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดกำลังจ้องมองเขาอยู่
นอกจากเซวียนห่าวแล้ว ผู้คนที่เหลือก็มองไปที่ชายในชุดคลุมสีดำสนิทด้วยความเคารพและเกรงขาม
นั่นคือผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดอย่างแท้จริง!
“ท่านอาจารย์ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” ไป๋เฟยมองไปที่ชายชุดดำในขณะที่เขาพูดด้วยความเคารพ น้ำเสียงแตกต่างจากน้ำเสียงที่เย่อหยิ่งในอดีตของเขาโดยสิ้นเชิง
“…” ชายผู้นั้นไม่ได้ตอบกลับ เขาเพียงแต่พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจขณะที่หลับตา ไม่มีใครคาดเดาได้เลยว่าเขานั้นจะทำสมาธิหรือเพียงแค่พักผ่อน
ไป๋เฟยขึ้นไปบนเวทีโดยที่ชิงอี้รอเขาอยู่แล้ว
“รอบชิงชนะเลิศของการประลองรุ่นเยาว์ประจำปีนี้ เป็นศึกระหว่างชิงอี้จากตระกูลชิงและไป๋เฟยจากตระกูลไป๋! พวกเจ้าทั้งคู่พร้อมหรือไม่” ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ระหว่างชิงอี้และไป๋เฟยประกาศเสียงดังลั่น
“เจ้าค่ะ/ขอรับ!” ทั้งสองตอบตกลงในขณะที่พวกเขาเข้าสู่ท่าทางการต่อสู้
“การประลองเริ่มได้!” เมื่อพูดคำสุดท้ายเสร็จ ชายหนุ่มรีบก็ลงจากลานประลองอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทั้งคู่ได้เริ่มการต่อสู้กัน
“ข้าจะให้ทุกคนได้เห็นว่าความแข็งแกร่งของเจ้าที่มีอยู่นั้นไร้ค่าเพียงใด!” ไป๋เฟยไม่รอช้าและเริ่มโจมตีทันทีที่ชายหนุ่มลงจากลานประลอง
“ฝ่ามือนวาระทมิฬ!” ไป๋เฟยใช้เคล็ดวิชาฝ่ามือของเขา ดอกกุหลาบเล็ก ๆ ที่ทำจากพลังปราณก็ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วที่ฝ่ามือของเขา มันหลอมรวมเข้ากับฝ่ามือจนทำให้ดูใหญ่ไปจากเดิมกว่าสองเท่า
การปลดปล่อยพลังปราณจากเคล็ดวิชาเป็นสิ่งที่มีเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตก่อตั้งรากฐานขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถทำเช่นนี้ได้ นี่คือสาเหตุที่ผู้ฝึกตนขอบเขตก่อตั้งรากฐานแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนขอบเขตรวมปราณมาก!
กุหลาบสีดำทมิฬพุ่งเข้าหาชิงอี้ นางรีบชักกระบี่ออกมาเพื่อป้องกันตัว
กระบี่เล่มนี้คือสมบัติปฐพีที่นางได้รับจากราวัลอันดับที่สองในการประลองศิษย์ใหม่ของนิกายกระบี่ล่องนภา
“กระบี่วายุโปรยปราย!”
ชิงอี้เหวี่ยงกระบี่ลงมาด้วยพลังทั้งหมดของนางและฟันไปที่ดอกกุหลาบสีดำทมิฬจนแสดงพลังของมันให้โลกได้รับรู้
ตู้ม!
เกิดการระเบิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อกุหลาบสีดำทมิฬและกระบี่ปะทะกัน สิ่งนี้ทำให้เกิดกระแสลมออกไปทางฝูงชนที่เฝ้าดูอยู่
สิ่งต่าง ๆ ไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้ ชิงอี้ยังคงโจมตีด้วยกระบี่ของนางไปยังที่ไป๋เฟยอีกครั้ง
“อัก!” แม้ว่าพลังกระบี่ของชิงอี้จะจางหายไปอย่างมากเมื่อปะทะกับกุหลาบสีดำทมิฬที่ไป๋เฟยปล่อยออกมา แต่นั่นก็ยังมากเกินพอที่จะทำให้เขาบาดเจ็บจนทำให้บาดแผลปรากฏขึ้นที่แขนซ้ายของเขา
ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่กระบี่จะมาถึงเขา ไป๋เฟยได้ยกแขนซ้ายขึ้นเพื่อป้องกัน เขาใช้เคล็ดวิชาปราณป้องกันเพื่อพยายามลดความเสียหายให้ได้มากที่สุด
“เจ้า! เจ้ากล้าดีอย่างไร!” เมื่อมองไปที่บาดแผลที่แขนซ้ายของเขา ไป๋เฟยก็คลุ้มคลั่งขึ้นทันที เขาจ้องไปที่ชิงอี้ด้วยสายตาอาฆาต
“ข้าจะทำให้เจ้าได้ชดใช้ที่กล้าทำร้ายร่างกายของข้า!” ไป๋เฟยเริ่มกรีดร้องด้วยความโกรธราวกับเด็กห้าขวบที่อารมณ์ฉุนเฉียว
“…”
ชิงอี้มองดูบาดแผลเล็ก ๆ บนแขนซ้ายของไป๋เฟยและเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลเพียงสองหยด
เซวียนห่าวมองไปที่ไป๋เฟยโดยไม่พูดสิ่งใด เขาแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างเปิดเผยให้ผู้อื่นได้เห็น
เหตุใดชายหนุ่มที่โตเช่นนี้จึงแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวที่แม้แต่เด็กอายุสามขวบก็ยังเอาชนะได้ยาก ตระกูลไป๋ไม่อับอายบ้างเลยหรือ?
เซวียนห่าวหันไปมองที่เหล่าคนของตระกูลไป๋ แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดมีสีหน้ากลายเปลี่ยนเป็นสีแดงสดด้วยความอับอายกับพฤติกรรมราวกับเด็ก ๆ ของไป๋เฟย
แม้แต่ชิงอี้เองก็ราวกับจะพูดไม่ออกเช่นกันคนอื่น ๆ นางเฝ้าดูไป๋เฟยที่เอาแต่บ่นและกรีดร้อง
นี่คือผู้ฝึกตนจริง ๆ หรือ? การโจมตีของข้าแทบไม่ทำให้เขาบาดเจ็บเลยด้วยซ้ำ... หรือว่าเขาเพียงแค่เสเสร้งและฟื้นฟูพลังปราณหรือไม่?
ทันใดนั้นชิงอี้รู้สึกราวกับว่านางได้พบคำตอบสำหรับคำถามเสียแล้ว นางพุ่งเข้าหาไป๋เฟยอย่างเด็ดขาดในขณะที่เขาบ่น
“และข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจตลอดไป-”
การโจมตีเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและไป๋เฟยเองก็ไม่คาดคิดว่าชิงอี้จะโจมตีกะทันหันในขณะที่เขากำลังพูดถึงวิธีที่เขาจะจัดการกับนางเช่นนี้
ในวินาทีสุดท้ายชิงอี้ตระหนักว่าคู่ต่อสู้ของนางไม่ได้ป้องกันเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นนางจึงหันกระบี่ของนางจากด้านคมเปลี่ยนเป็นด้านแบน ไป๋เฟยผู้น่าสงสารถูกตบเข้าที่ใบหน้าโดยตรงและกระเด็นออกไปหลายสิบเมตร
อย่างน้อยไป๋เฟยก็ได้รู้สึกราวกับเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตราชันและโบยบินอย่างอิสระในอากาศได้สองสามวินาที...