ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 52 ความมือที่ก่อตัว
อาณาเขตของตระกูลชิงนั้นใหญ่โตอย่างมากและแม้แต่ตำหนักของเซวียนห่าวก็เล็กกว่าเล็กน้อย แม้ว่ามันจะดูไม่โอ่อ่าเท่าตำหนักของเขาก็ตาม
เซวียนห่าวไม่แปลกใจกับเรื่องนี้เนื่องจากที่แห่งนี้มีหลายร้อยคนที่อาศัยอยู่ร่วมกัน แต่ตำหนักของเขานั้นมีเพียงเขา, ชิงอี้และจื่อหรัวเท่านั้น
ขณะที่ทั้งเขาและชิงหยางเข้าไปในเรือนตระกูลชิง เซวียนห่าวก็ได้รับการต้อนรับทันที ผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็สงสัยว่าเขาผู้นี้คือใครกัน
“นี่คืออาจารย์ของชิงอี้จากนิกายกระบี่ล่องนภา ผู้อาวุโสเซวียน!” เมื่อชิงหยางเห็นท่าทางอยากรู้อยากเห็นจากคนรอบข้าง เขาก็ก้าวไปข้างหน้าและแนะนำเซวียนห่าวให้พวกเขาได้รู้จัก ผู้คนต่างก็ตื่นเต้นขึ้นกระทันหัน
แม้ว่าเขาจะทราบมาว่าชิงอี้นั้นถูกผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ล่องนภารับเข้าเป็นศิษย์ แต่พวกเขาก็มิอาจวางใจเชื่อจนกว่าจะได้เห็นด้วยตาของตน
“พวกเจ้าคาราวะผู้อาวุโสเซวียนเดี๋ยวนี้!”
“คาราวะผู้อาวุโสเซวียน!”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านผู้อาวุโสเซวียนได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนพวกเรา!”
ผู้คนในตระกูลชิงต่างก็กล่าวสรรเสริญเขาเมื่อได้ยินว่าเขาคืออาจารย์ของชิงอี้ ผู้เป็นยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิด
เซวียนห่าวยิ้มรับให้กับเหล่าตระกูลชิง
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าชิงอี้นั้นอยู่ที่ใด?” เซวียนห่าวกล่าวถามชิงหยางโดยหวังว่าจะหลีกหนีเหล่าคนตระกูลชิง
“หืม... หากให้ข้าเดา นางคงอยู่ในห้องของนาง” ชิงหยางคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบเซวียนห่าวไป
“ข้าเข้าใจแล้ว” เซวียนห่าวรีบจากไปอย่างรวดเร็ว เขาแผ่สัมผัสเทวะออกไปและค้นหาตำแหน่งของชิงอี้ ด้วยวิธีนี้เขาไม่จำเป็นต้องถามถึงห้องของนาง
“ท่านอาจารย์!” เมื่อเห็นถึงเซวียนห่าวที่ปรากฏตัวนอกห้องของนางอย่างกระทันหัน ชิงอี้รู้สึกตกใจเล็กน้อย นางรีบคืนสติอย่างรวดเร็วและตระหนักได้ว่านางเพิ่งหนีเขาไปก่อนหน้านี้ได้อย่างไร
“ข้ามาเพื่อถามว่าการประลองรุ่นเยาว์นั้นจะเริ่มเมื่อใดและใช้เวลานานเท่าใด” เซวียนห่าวกล่าวถึงเหตุผลที่มาเขาเดินเข้าไปในห้องของชิงอี้ เขานั่งลงบนเก้าอี้
“การประลองนั้นมักจะใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ ในช่วงหกวันแรกเป็นเพียงรอบคัดเลือก ส่วนในวันสุดท้ายถือว่าเป็นการประลองรอบชิงชนะเลิศ ท่านอาจารย์สามารถพักผ่อนที่นี่ได้ ข้าคิดว่าการไปถึงรอบชิงด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของข้า มันคงไม่เป็นปัญหาใด ๆ” ชิงอี้คิดทบทวนก่อนจะยิ้มเผยให้เห็นริมฝีปากของนาง
ในที่สุดนางก็จะสามารถแสดงให้คนเหล่านั้นเห็นถึงความแข็งแกร่งของนางที่ได้อาจารย์ช่วยสั่งสอน!
“ข้าจะให้พ่อของเจ้าเตรียมห้องให้กับข้า จากนั้นข้าก็จะไม่รบกวนเจ้าอีกต่อไป” เมื่อเห็นความเร่าร้อนบนใบหน้าของชิงอี้ เซวียนห่าวจึงตัดสินใจที่จะสังเกตอย่างเงียบ ๆ
นี่เป็นเวลาของนางที่จะได้เปล่งประกาย เขาไม่ควรเข้าไปยุ่ง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เซวียนห่าวใช้เวลาหกวันไปกับการบ่มเพาะอย่างเงียบ ๆ ภายในอาณาเขตของตระกูลชิง ในขณะที่ชิงอี้เข้าร่วมการประลองและผ่านเข้ารอบไปได้อย่างง่ายดายทำให้ทั้งพ่อและตระกูลของนางต่างก็ตกตะลึง
เรื่องที่นางทะลวงผ่านไปยังขอบเขตก่อตั้งรากฐานภายในเวลาอันสั้นได้แพร่กระจ่ายไปทั่วทุกหนทุกแห่งทำให้ผู้คนในเมืองอาทิตย์สาดส่องและตระกูลไป๋ต่างก็ประหลาดใจ
“เหตุใดหญิงสาวจากตระกูลชิงถึงทะลวงผ่านขอบเขตก่อตั้งรากฐานได้เร็วเพียงนี้ หรือนี่เป็นเพราะนางได้เขาร่วมนิกายกระบี่ล่องนภา” ชายชรากล่าวขณะที่เขาทุบโต๊ะข้างหน้าเขา
“ใจเย็นเสียก่อน แม้ว่านางจะเข้าร่วมกับนิกายกระบี่ล่องนภาได้ แล้วเป็นอย่างไรกัน? ท่านคิดว่านิกายกระบี่ล่องนภาจะกล้าต่อกรกับนิกายนวาระทมิฬเพื่อศิษย์ฝ่ายนอกที่อยู่ขอบเขตก่อตั้งรากฐานจริง ๆ หรือ? ท่านลืมไปแล้วหรือไรว่าอาจารย์ของไป๋เฟยคือผู้ใด เขาคือยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดและผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายนวาระทมิฬ แม้ว่านิกายกระบี่ล่องนภาจะแข็งแกร่งกว่าแต่นั่นก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นิกายกระบี่ล่องนภามิอาจสามารถทำให้พวกเขาขุ่นเคืองเพียงเพราะศิษย์ขอบเขตก่อตั้งรากฐานเพียงผู้เดียวได้!” ชายวัยกลางคนกล่าวกับชายชราด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปาก
“ไป๋เฟยมาถึงขอบเขตก่อตั้งรากฐานแล้วเช่นกัน เราสามารถปล่อยให้เขาจัดการกับนางในรอบชิงชนะเลิศได้และอาจารย์ของไป๋เฟยก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน ดังนั้นจะไม่มีเหตุการณ์ใดที่ผิดพลาดได้อย่างแน่นอน !” ชายอีกคนกล่าวเสริมให้ชายวัยกลางคน
“แต่ข้าก็ยังคงคิดว่าการไปยั่วยุนิกายกระบี่ล่องนภานั้นเป็นเพียงความคิดที่ผิดมหันต์” ชายชราพยายามเตือนพวกเขาอีกครั้ง
“พวกเขามิกล้าต่อกรกับนิกายนวาระทมิฬ!” ชายผู้หนึ่งยืนขึ้นว่ากล่าวด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
“หากพวกเขาทำเช่นนั้น เขาจะต้องปะทะกับนิกายนวาระทมิฬ!”
“พวกเขาจะไม่รุกรานนิกายนวาระทมิฬ!”
“ฮ่าฮ่า พวกเขาจะต้องหลีกเลี่ยงอย่างแน่นอน ด้วยความบาดหมางจากนิกายเพลิงโหมกระหน่ำ หากเขายังกล้าต่อกรกับนิกายนวาระทมิฬ พวกเขาจะต้องพบกับศึกสองทิศอย่างแน่นอน”
ชายชราค่อย ๆ ยืนขึ้นและเดินออกจากห้องไป เขารู้ว่าไม่สามารถโน้มน้าวใจผู้คนเหล่านี้ได้อีกต่อไป
ชายชราผู้นี้เป็นอดีตจ้าวตระกูลไป๋ ไป๋ฮวา เขามีประสบการณ์เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของนิกายกระบี่ล่องนภาในอดีตจึงไม่อยากให้ตระกูลไป๋ไปทำให้พวกเขาคุ่นเคือง
แม้ว่าไป๋เฟยจะได้รับความคุ้มครองจากอาจารย์ของเขา แต่ใครจะกล้าพูดได้ว่านิกายกระบี่ล่องนภาจะไม่มากวาดล้างตระกูลไป๋ในภายหลัง
นอกเหนือจากนั้น ไป๋ฮวายังรู้สึกว่าเหตุผลที่อาจารย์ของไป๋เฟยตัดสินใจช่วยเขามิได้มาจากความชื่นชมในความสามารถของไป๋เฟย แต่ด้วยเหตุผลอื่น
ความโกลาหลเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่เริ่มแพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรนภาสวรรค์ไม่ได้ช่วยให้เขาสงบลงเช่นกัน ด้วยประสบการณ์ของเขา เขาสามารถเห็นบางสิ่งที่ก่อตัวขึ้นในความมืดและตระกูลไป๋ก็ห่างไกลจากความปลอดภัยอยู่นัก!
ไป๋ฮวาสังเกตเห็นแล้วว่านิกายนวาระทมิฬกำลังน่าสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงหลัง และผู้คนก็เริ่มหายตัวไปทั่วดินแดนของพวกเขา
ไม่ว่าอย่างไรจะเกิดขึ้น ไป๋ฮวารู้ว่าเขาจะไม่สามารถรักษาตระกูลไป๋ของเขาให้ปลอดภัยได้อย่างแน่นอน
“หากข้ารู้เช่นนี้ ข้าคงจะเชื่อมความสัมพันธ์กับตระกูลชิงอีกครั้ง...” ไป๋ฮวามองไปที่เมืองก่อนที่สูดหายใจเข้าลึก ๆ และนั่งลงบนม้านั่งใกล้ ๆ เพื่อสังเกตถนนที่พลุกพล่าน