บทที่ 199: หลงเหยาลดน้ำหนัก
หลังจากหยินชางลังเลอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ก้มหน้าก้มตากินเนื้อตรงหน้า
ตอนนี้เขาหิวมาก เนื่องจากเมื่อวานเขาได้ให้อาหารทั้งหมดแก่พี่ชาย โดยเด็กหนุ่มหวังว่าหยินกู่จะดีขึ้นถ้ากินมากขึ้น แต่เขาไม่คิดเลยว่านั่นจะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของอีกคน…
หยินชางฝังหัวลงไปในชาม เดิมทีเขาแค่ต้องการกินให้อิ่มท้องเท่านั้น แต่เมื่อเริ่มกินเขาก็ยั้งมือตนเองไม่ได้เลย
พอเด็กหนุ่มผู้หิวโหยกินเนื้อหมดแล้วก็รีบหยุดตัวเอง ก่อนจะกลับไปนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอีก
เนื่องจากเขาเป็นภูตต่างถิ่น เขากลัวว่าจะถูกคนอื่นรังเกียจหากตนกินมากเกินไป นอกจากนี้ไม่มีใครอยากถูกภูตแปลกหน้านิสัยเสียมาแย่งอาหารส่วนของตัวเองไปหรอก
“หยินชาง ทำไมเจ้าไม่กินอีกล่ะ เจ้าอิ่มแล้วหรือ?” หูเจียวเจียวสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายและถามด้วยความเป็นห่วง
เด็กหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย
“แต่เจ้ากินไปแค่นิดเดียวเอง” หลงหลิงเอ๋อที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทำหน้าไม่เชื่อ เขากินเนื้อชิ้นเล็ก ๆ แค่นั้นมันไม่น่าจะอิ่ม เขากินน้อยเกินไปแล้ว!
“เจ้าอิ่มแล้วจริงหรือ? เจ้ากินไปนิดเดียวเอง กินแค่นั้นแล้วเจ้าจะเอาแรงที่ไหนไปทำงาน?” หลงจงเม้มริมฝีปาก ก่อนจะเปิดปากพูดแบบไม่ถนอมน้ำใจใครทั้งนั้น
เมื่อแม่จิ้งจอกได้ยินคำพูดของลูกชายคนที่ 3 เธอก็กะพริบตาปริบ ๆ ไม่นานเธอก็เดาเหตุผลของลูกชายคนใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
เขาคงไม่กล้ากินเยอะ ตามปกติแล้วไม่มีภูตคนใดที่จะอิ่มท้องได้ด้วยการกินอาหารปริมาณเล็กน้อยเช่นนี้
เป็นเรื่องปกติที่เด็กที่อาศัยอยู่ใต้ชายคาคนอื่นจะมีความกังวลแบบหยินชาง ครู่ต่อมา จิ้งจอกสาวแย้มยิ้มพร้อมกับหยิบชามเนื้อใบใหญ่ไปวางไว้ตรงหน้าอีกฝ่ายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า
“เจ้ากินเข้าไปเถอะ ที่บ้านเรายังมีเนื้อเก็บไว้อีกมาก แม้ว่าฤดูหนาวจะมาถึง บ้านเราก็ยังมีเนื้อให้กิน เจ้าไม่ต้องช่วยเราประหยัดหรอก”
รูปร่างภายนอกของหยินชางอาจจะดูผอมมากก็จริง แต่เขาแข็งแรงกว่าเด็กตระกูลหลง 5 คนในสภาพก่อนที่จะพบหูเจียวเจียวครั้งแรกมาก
ตอนที่เขาต้องหลบหนีอยู่ในป่า ความแข็งแกร่งทางร่างกายและสมรรถภาพของเขาไม่ได้แย่ลง นั่นหมายความว่าปริมาณอาหารที่ร่างกายของเขาต้องการย่อมมากกว่าลูก ๆ ของเธอเป็นเท่าตัว
วันนี้หญิงสาวทำอาหารมากขึ้นเป็นพิเศษเพียงเพราะเธอกลัวว่าหยินชางจะไม่พอกิน
แต่ใครจะรู้ว่าเด็กหนุ่มเป็นคนที่รู้ความขนาดนี้
ปัจจุบันเด็กที่โตที่สุดในบ้านยังไม่ยอมขยับ และเงยหน้าขึ้นมองรอยยิ้มที่ใจดีของหูเจียวเจียว เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ได้พูดเพราะเป็นมารยาท ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจยื่นมือออกไปจับชามเนื้อ
ถัดมา เขามองไปทางอื่นพลางตั้งท่าพร้อมที่จะรับประทานอาหารต่อ แต่ทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นหลงเหยากำลังจ้องมองมาที่ตนเอง… ไม่สิ เจ้าเด็กนั่นกำลังมองชามเนื้อที่อยู่ข้างหน้าเขาต่างหาก และดวงตาสีแดงทับทิมคู่นั้นดูเหมือนจะมีแสงประกายระยิบระยับอยู่ภายในด้วย
นั่นทำให้หยินชางชะงักค้างไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นว่าชามข้าวของหลงเหยาว่างเปล่าแล้ว
เด็กคนนั้นอยากได้เนื้อเพิ่มหรือ?
เด็กหนุ่มคิดจบแล้วก็ผลักชามของตนไปให้คนตัวเล็กกว่า
“เจ้ากินไปเถอะ ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา” หลงอวี้ที่นั่งถัดจากน้องชายคนเล็กยกมือขึ้นห้ามปรามหยินชาง จากนั้นเขาก็ทำหน้ายุ่งขณะยื่นมือไปช่วยหลงเหยาเช็ดปาก
“เสี่ยวเหยากินข้าวส่วนของตัวเองหมดแล้ว อย่าคิดที่จะไปกินของคนอื่นอีก” หลงหลิงเอ๋อช่วยหยินชางดึงชามเนื้อกลับมา “ดูไขมันบนตัวเจ้าเสียก่อน ถ้าเจ้ากินมันอีก เจ้าจะเดินไม่ได้แล้ว ต้องกลิ้งเอาเท่านั้น”
นับตั้งแต่ที่สาวน้อยค้นพบว่าหลงเหยาเติบโตออกด้านข้าง แม่จิ้งจอกก็ให้เขาควบคุมปริมาณอาหารที่กินทุกมื้อ และไม่ปล่อยให้เขากินมากจนเกินไป
การที่เด็กมีเนื้อมีหนังบ้างมันเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเขาอ้วนเกินไปก็จะส่งผลต่อสุขภาพ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าในอนาคตร่างกายของหลงเหยาจะไม่แข็งแรง
นอกจากนี้พี่ ๆ ทุกคนก็ช่วยกันดูแลน้องชายในเรื่องดังกล่าวด้วย
“แต่ท้องของเสี่ยวเหยายังไม่อิ่ม ขอกินอีกคำได้ไหม ขอกินนิดเดียว...”
เจ้าตัวเล็กเม้มปากมองไปยังชามเนื้อใบใหญ่ที่กำลังถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ เขาเอื้อมมือไปทางมันอย่างเจ็บปวด ระหว่างที่พูดเขาใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้บีบเข้าหากันพลางหันไปมองหูเจียวเจียวพร้อมทำหน้าตาน่าสงสาร
คนตัวเล็กรู้ว่าการอ้อนแม่จิ้งจอกมันจะได้ผล
“เจ้าสามารถกินวัวทั้งตัวได้ในคำเดียว” หลงเซียวพูดขัดจังหวะขึ้นมาทันที
ในครอบครัวนี้ ขนาดกระเพาะของหลงเหยาเป็นเรื่องลึกลับที่สุด
เขาสามารถกินได้มากเท่าที่ต้องการ และท้องของเขาก็เหมือนหลุมดำที่ถมไม่เต็มสักที
หลายครั้งที่เจ้าตัวเล็กเคยหลอกทุกคนเรื่องที่บอกว่าจะ ‘กินคำเดียว’ จนตอนนี้จึงไม่มีใครเชื่อเขาอีก
“ไม่...” เด็กน้อยกุมใบหน้าอวบอ้วนด้วยความอับอาย และยังคงแสดงท่าทางดื้อรั้นต่อไป “เสี่ยวเหยาขอกินนิดเดียวจริง ๆ กัดคำนึงก็ได้...”
“เหยาเอ๋อ เจ้ากินไม่ได้ ถ้าเจ้ากินอีก เจ้าจะกลายเป็นหมูตอน”
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นท่าทางน่าสงสารของลูกชายคนสุดท้อง เธอก็ส่ายหัวปฏิเสธหนักแน่น
ถ้าเธอรู้ว่าหลงเหยาจะมีความอยากอาหารมากขนาดนี้ เธอควรจะควบคุมอาหารของเขาตั้งแต่เนิ่น ๆ
คำพูดของผู้เป็นแม่ทำให้เด็กจอมตะกละรู้สึกเศร้าใจขึ้นมาทันที สักพักเขามังกรบนหัวก็โผล่ออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ และมือป้อมสั้นก็คว้าเขามังกรไว้พร้อมกับส่งเสียงโอดครวญ
เขายังอยากกินเนื้อ...
ทางด้านหยินชางที่เห็นอย่างนั้นจึงลังเลเล็กน้อย
เขาถึงขั้นสงสัยว่าหลงเหยาเป็นลูกแท้ ๆ ของหูเจียวเจียว ทั้งที่นางปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี แต่ทำไมนางถึงไม่อนุญาตให้หลงเหยากินเนื้ออีกล่ะ?
ภูตของเผ่าอื่นยังเก็บเนื้อไว้ให้ลูกของตัวเองก่อนเลย แม้ว่าเด็กคนนั้นจะอ้วน แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นลูกในไส้ไม่ใช่หรือ...
เด็กหนุ่มรู้สึกว่าเขาไม่เข้าใจความคิดของครอบครัวนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารเสร็จแล้ว หูเจียวเจียวสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าของหยินชางขาดรุ่งริ่ง เธอจึงนำกระโปรงหนังสัตว์ตัวใหม่มามอบให้เขา
เดิมทีมันถูกเย็บมาให้หลงโม่สวมใส่ อีกทั้งกระโปรงหนังสัตว์ของลูก ๆ ก็เล็กเกินไป แม้ว่าพ่อมังกรจะตัวโตกว่าเด็กคนนี้มาก แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถใช้เศษผ้ามาผูกเป็นผ้าคาดเอวได้
ในอนาคตจิ้งจอกสาววางแผนที่จะเย็บชุดใหม่ 2 ชุดให้หยินชางหากมีเวลาว่างระหว่างวัน
ขณะนี้เด็กหนุ่มที่เพิ่งได้รับกระโปรงหนังสัตว์กำลังจะไปอาบน้ำที่ริมแม่น้ำ
เนื่องจากเนื้อตัวของเขาสกปรกเกินไป เขาไม่ต้องการทำให้กระโปรงหนังสัตว์ที่สะอาดต้องเปื้อนไปด้วย
แต่หูเจียวเจียวยื่นมือมากดไหล่ของเขาไว้ก่อน “นี่มันดึกมากแล้ว ไปที่แม่น้ำตอนนี้ไม่ปลอดภัย ข้าจะเอาน้ำอุ่นมาให้เจ้า แล้วเจ้าก็ไปล้างตัวที่ลานบ้าน”
พอหญิงสาวพูดจบก็เดินไปที่บ้านหินเพื่อต้มน้ำร้อนมาถังหนึ่ง ก่อนจะเทลงในอ่างขนาดใหญ่ที่ใช้อาบน้ำให้ลูก ๆ เพื่อปรับอุณหภูมิของน้ำ จากนั้นเธอจึงยัดผ้าขนหนูใส่มือหยินชาง
“เจ้าอาบน้ำตรงนี้ได้เลย เสร็จแล้วก็กลับไปนอนที่บ้านไม้ พรุ่งนี้ข้าจะมาเก็บข้าวของพวกนี้เอง”
เธอครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดเสริมต่อไปว่า
“ถ้าตอนกลางคืนเจ้าเกิดกลัวขึ้นมาก็ให้ไปเรียกข้าที่บ้านหินนะ”
ปัจจุบันหยินชางอายุ 10 ปีแล้ว เขาโตพอที่จะดูแลตัวเองได้ แถมยังมีเรื่องเพศที่แตกต่างกันด้วย เธอเลยไม่สะดวกที่จะนอนกับเขา แต่เธอสามารถขอให้หลงโม่ดูแลเขาได้
เมื่อหยินชางได้ฟังคำพูดที่เอาใจใส่ของหูเจียวเจียว เขาก็รู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ ราวกับมีแสงตะวันอันอบอุ่นสาดส่องเข้ามาขับไล่ลมหนาวออกไป
นี่คือความรู้สึกของการมีแม่หรือเปล่า?
ถ้าแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ นางจะดูแลเขาเหมือนที่ผู้หญิงคนนี้ทำไหม?
เด็กหนุ่มยืนเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ส่ายหัวสลัดความคิดเพ้อฝันออกไป ก่อนจะคำนับให้จิ้งจอกสาวเพื่อแสดงความขอบคุณ
ในเผ่าอันแสนปลอดภัยเช่นนี้ เขาไม่มีอะไรต้องกลัวอีก
ที่นี่น่าจะเป็นเผ่าที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เขาเคยอาศัยอยู่มา
หลังจากหูเจียวเจียวเดินออกไป เขาก็รีบล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาด ก่อนจะสวมกระโปรงหนังสัตว์ตัวใหม่ แล้วกลับไปที่บ้านไม้หลังเก่า
ถัดมา เขาวางโกศของหยินกู่ไว้ข้างเตียง จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้าเพราะวันนี้เป็นวันที่แสนจะยาวนานของเขา
…
วันถัดมา
เมื่อหูเจียวเจียวทำอาหารเช้าให้ลูก ๆ เสร็จแล้ว เธอกับหลงโม่ก็ไปช่วยหูหมินและหูชิงหยวนสร้างบ้านหินพร้อมกัน
ปัจจุบันในบ้านจึงเหลือเพียงหยินชางและเด็กตระกูลหลง 5 คนเท่านั้น
หลงเหยากินอาหารเช้าไม่อิ่ม ดังนั้นเขาจึงเดินวนไปรอบ ๆ โต๊ะอาหารพลางร้องกระจองอแงตลอดเวลาเพื่อขออาหารกินอีก
ขณะนี้เด็กทั้ง 5 ทะเลาะกันวุ่นวาย จนสุดท้ายพวกพี่ ๆ จึงตัดสินใจมอบหลงเหยาให้หยินชางช่วยดูแล และออกไปตัดหญ้าพร้อมถือตะกร้าเพื่อหนีให้ห่างจากเจ้าน้องชายที่แปลงร่างเป็นเจ้าตัวน่ารำคาญ
พอคนตัวเล็กเห็นว่าพี่น้องของตนหายลับตาไปแล้ว เขาก็นั่งลงบนพื้นพร้อมกับทำหน้ามุ่ยด้วยความรู้สึกเสียใจ
“มังกรขี้เหนียวกับจิ้งจอกขี้งก...”
“เสี่ยวเหยาก็แค่อยากกินเนื้อเท่านั้นเอง ฮึ่ม!”
หลังจากที่หูเจียวเจียวพบว่าในครัวมีเนื้อหายไป เธอจึงล็อกประตูห้องครัวและโกดังเก็บของไว้ตลอด ถึงแม้ว่าแม่กุญแจจะไม่แข็งแรงสำหรับเหล่าภูต แต่พวกมันก็ยังดีพอที่จะป้องกันหลงเหยาจอมตะกละได้
เมื่อหยินชางเห็นเด็กน้อยนั่งเตะขาอยู่บนพื้นพร้อมกับบ่นพึมพำไม่หยุดปาก เขาก็เกิดความลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงหนังสัตว์ ก่อนจะเดินไปหาหลงเหยาแล้วยื่นของสิ่งหนึ่งให้อีกฝ่าย