ตอนที่แล้วบทที่ 104 - บทสรุปของการประลอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 106 – กลับไปรายงานที่บ้าน

บทที่ 105 – ทำให้เธอวุ่นวายใจ


ตอนที่ผมเดินออกมานอกห้อง มันเงียบมาก! เงียบเกินไป! ทุกคนไปไหนกันหมด? พอผมลงมาถึงชั้นล่าง ตาเฒ่าที่เป็นคนเฝ้าหอพักมองผมอย่างยิ้ม ๆ และพยักหน้าให้ผม “เธอไปเรียนสายแล้วนะ! ทำไมยังไม่รีบอีก?”

ผมตกใจ “นี่มันเวลาเท่าไหร่แล้ว? ผมสายแล้วเหรอ?”

เขาตอบกลับ “ถ้าเธอยังไม่รีบ ไปไม่ทันคาบที่สามแน่ ๆ”

อา!! นี่มันสายขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ผมกล่าวขอบคุณเขา แล้วรีบวิ่งเลย ข้าวปลาไม่ต้องกันมันแล้ว! ตอนที่ผมมาถึงห้องเรียนของตัวเอง เป็นอาจารย์หยูซือหลานที่กำลังสอนอยู่ อ่ะ!! ยังไงก็ไม่รอด สายก็คือสาย! เชิดหน้าเข้าไว้!

ผมตะโกนเลย “ขออนุญาตเข้าห้องเรียนครับ!”

ได้ยินเสียงตอบออกมา “อนุญาต”

ผมเดินเข้าไปในห้องแบบก้มหัวอย่างสำนึกผิด “อาจารย์ครับ ผมขอโทษที่มาเรียนสายครับ” แม้ว่าจะก้มหน้าอยู่แต่ผมรู้สึกได้ว่าทุกคนในห้องกำลังมองมาที่ผม

อาจารย์หยูกล่าวเตือน “จำเอาไว้ก็แล้วกัน แล้วคราวหน้าอย่างมาสายอีก รีบเข้าไปนั่งประจำที่ได้แล้ว” ฮ่าฮ่า! อาจารย์หยูนี่ใจดีจริง ๆ ดูเหมือนว่าวันนี้ผมจะรอดตายแฮะ ผมรู้สึกโล่งใจและรีบเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม วันนี้ในห้องมันรู้สึกบรรยากาศแปลก ๆ ไป สายตาของนักศึกษาดูเปลี่ยนไป มันก็ไม่ได้มองออกยากขนาดนั้น ผมรู้สึกว่าสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพ จนบางทีมันถึงขนาดแสดงความเทิดทูนเลยแหละ การประลองเมื่อวานไม่เสียเปล่าแล้ว การเอาชนะฟงเหลียงได้ ส่งผลต่อเพื่อนร่วมชั้นของผมมากเลย!

ผมแอบมองไปที่มู่จือที่นั่งอยู่ถัดไป เธอเป็นคนเดียวที่ไม่ได้มองมาที่ผมเลย ตั้งแต่ผมเดินเข้าห้องมา ผมกระซิบให้เธอได้ยิน “เฮ้! เมื่อวานเธอได้ไปดูฉันสู้กับฟงเหลียงมั้ย? เธอไปให้กำลังใจฉันด้วยใช่มั้ย?”

มู่จือไม่ได้หันหน้ามามองผม แต่ตอบกลับมาอย่างเย็นชา “ฉันไม่ได้ไป! แล้วนายก็เลิกมาพูดกับฉันระหว่างเรียนด้วย มันรบกวนฉัน”

ผมเบ้ปาก ก่อนจะหยิบเอากระดาษออกมาจากกระเป๋า สงครามแห่งจดหมายรักจะเริ่มขึ้นอีกครั้งแล้ว ผมตั้งหน้าตั้งตาเขียนลงไปบนกระดาษอย่างเมามัน ไม่สนใจว่าจะหมดคาบแล้วหรือไม่ จนในที่สุด พอจบคาบเรียนที่สี่ ผมก็เขียนจดหมายความยาวแค่ 2,000 คำได้เสร็จ

แน่นอนนี่มันเป็นผลงานชั้นยอด สิ่งที่ผมเขียนไม่มีทางซ้ำซากอยู่แล้ว ผมแค่ใช้ความรู้สึกตอนที่ทำการประลองมาถ่ายทอดให้เธอฟัง แถมท้ายด้วยการหยอดเธอไปอีก 2-3 ประโยค อันนี้ลืมไม่ได้เลย! ผมพับจดหมายอย่างสวยงาม พร้อมกับคิดในใจ หวังว่าเธอคงจะไม่ฉีกมันทิ้งนะคราวนี้! ถ้าเกิดเธอฉีกมันทิ้ง นั่นหมายถึงผมน่าจะล้มเหลวแล้ว โอกาสในการทำให้เธอตกหลุมรักผมจะเหลืออยู่น้อยมากเลย ตอนนี้! ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ความรู้สึกอยากแก้แค้นมันจาง ๆ ลงแล้ว ผมถึงกับชอบความเย็นชาของเธอ แทนที่จะรู้สึกเกลียดมัน!

ผมวางจดหมายไว้บนโต๊ะของเธอ แล้วรอดูว่าเธอจะทำยังไงกับมัน เธอหันมามองผม ๆ เลยยิ้มให้เธอกลับ เธอหยิบจดหมายไปเปิดอ่านดู พอเห็นว่ามันไม่ได้เป็นจดหมายรักพร่ำเพ้ออะไร แต่มีประสบการณ์ในการประลองรวมอยู่ด้วย เธอเริ่มอ่านมันอย่างจริงจัง และดูสนใจเนื้อหามาก ฮ่าฮ่า! ยอดเยี่ยม ๆ ยังมีหวังอยู่!

หลังจากเธออ่านจบ เธอพลิกไปที่หน้าสุดท้ายของจดหมาย แล้วเขียนอะไรบางอย่างลงไป ก่อนที่จะยื่นมันกลับมาให้ผม นั่นทำให้ผมเกือบจะร้องออกมาด้วยความดีใจ ไม่ใช่แค่ว่าเธอไม่ได้ฉีกจดหมายของผม ถึงกลับเขียนตอบมาด้วย ความตื้นตันมันท่วมท้นขึ้นมาทั้งตัวของผม

ผมรับจดหมายกลับมาก่อนจะเห็นตัวหนังสือที่เธอเขียน ผมตกใจมาก!! ไม่! ไม่ใช่เพราะเนื้อหาที่เธอเขียนมา แต่เป็นเพราะลายมือของเธอต่างหาก ทำไมมันแย่ ไม่! ทำไมมันห่วยขนาดนี้! นี่มันตัวหนังสือหรือว่ารูปลูกอ๊อด? ผมต้องเงยหน้าหันไปมองเธออีกครั้งให้แน่ใจ ก่อนจะหันกลับมาอ่านมันอีกครั้ง ด้วยอาการพยายามกลั้นหัวเราะ ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำความเข้าใจกับลูกอ๊อดของเธอ

ถือว่ายังโชคดี ความสามารถในการถอดรหัสของผมยอดเยี่ยมไม่น้อย ผมยังสามารถเข้าใจสิ่งที่เธอเขียนได้ ‘นายถือว่าแข็งแกร่งมากที่สามารถเอาชนะฟงเหลียงได้ แต่มันไม่มีทางที่เราจะคบกันได้ ต่อจากนี้ไป กรุณาอย่ามารบกวนฉันอีก!’

ผมอ่านสิ่งที่เธอเขียน ผมไม่ได้รู้สึกเศร้าเลย แต่กลับรู้สึกดีใจอย่างมาก! ผมกระตุ้นความรู้สึกของเธอได้แล้ว! นี่มันต่างจากความรู้สึกไม่แยแสแบบเมื่อก่อน ตอนนี้เธอตอบกลับผม อย่างนี้เรียกว่ามีความหวัง! ความหวังครั้งใหญ่! ฮ่าฮ่า!

ผมบรรจงพับจดหมายเก็บไว้อย่างดี แม้ว่าความจริงใจ (?) ของผมจะยังไปไม่ถึงเธอทั้งหมด ผมจะทำอย่างนี้ต่อพรุ่งนี้ ผมเชื่อว่าถ้าผมยังไม่ยอมแพ้ มันต้องได้ผลแน่

หลังจากเลิกเรียน ผมเจอหม่าเคอ “ทำไมเมื่อเช้านายไม่มาเรียกฉัน?”

หม่าเคอตอบ “ผมกลัวว่าพี่จะยังไม่ฟื้นตัวจากเมื่อวาน มันดูหนักมากอยู่น่ะ ผมเลยกะว่าจะปล่อยให้พี่ได้พัก แต่ดูจากท่าทางของพี่ตอนนี้แล้ว พี่น่าจะหายดีแล้วสินะ?”

ผมกล่าวกับเขาอย่างค่อนข้างร่าเริง “แน่นอน! ฉันสบายดีแล้ว ตอนนี้ความเร็วในการฟื้นฟูพลังเวทย์ของฉันสูงมาก พักนิดหน่อยก็สบายแล้ว ไปเถอะ! รีบไปหาอะไรกินกัน ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว!”

หลังจากเข้าไปในโรงอาหาร ผมเริ่มแสดงให้รู้ว่าฉายาถังใส่ข้าวธาตุแสงของผมไม่ได้มีไว้เล่น ๆ ผมกวาดอาหารจำนวนมากมาวางเตรียมไว้ที่โต๊ะอย่างเตรียมพร้อม แต่ก่อนที่ผมจะได้ลงมือ กลิ่นหอมที่น่าดึงดูก็ลอยเข้ามา ไม่ใช่กลิ่นอาหาร! แต่เป็นไหสุ่ย! เธอเดินมานั่งลงที่โต๊ะเดียวกับพวกเรา

“จางกง! นายเป็นยังไงบ้าง อาการบาดเจ็บของนายดีขึ้นหรือยัง?” เธอถามออกมา

ผมยิ้มให้เธอ ก่อนตอบ “ฉันต้องขอบคุณเธอสำหรับเรื่องนี้ ถ้าไม่ได้เธอช่วยรักษาเมื่อวาน วันนี้ฉันอาจจะยังต้องนอนอยู่บนเตียง”

ไหสุ่ยยิ้ม “แค่นายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว!” หลังจากพูดประโยคนี้จบ เหมือนเธอจะรู้สึกอะไรบางอย่าง ใบหน้าเล็ก ๆ ที่สวยงามของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง

หม่าเคอเริ่มล้อเธอ “เธอหน้าแดงทำไม?”

ไหสุ่ยจ้องหน้าเขา แล้วเบ้ปาก “ก็แค่ดีใจที่เขาไม่เป็นอะไร!”

ผมรับขัดจังหวะพวกเขาทันที ปล่อยไว้ไม่ได้ “ไหสุ่ย! ฟงเหลียงเป็นยังไงบ้าง? เขาพ้นขีดอันตรายหรือยัง? น่าจะไม่เป็นอะไรแล้วใช่มั้ย?”

“เขาไม่เป็นอะไรแล้ว! เขาไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้ว แถมยังฟื้นแล้วด้วย แต่คงต้องใช้เวลานานไม่น้อย กว่าที่เขาจะฟื้นฟูได้เต็มที่ การโจมตีของนายมันรุนแรงมากจริง ๆ” เธอกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ผมได้แต่ถอนหายใจ “อย่างกับว่าตอนนั้นฉันมีทางเลือกอื่น! เธอไม่ได้เห็นการประลองหรือยังไง? เวทย์บทนั้นมันผิดปกติเป็นอย่างมาก มันเหมือนเวทย์มนต์มืดเลย ถ้าฉันไม่ใช้พลังเต็มที่ วันนี้เธออาจจะไม่ได้เห็นฉันแล้ว!”

ไหสุ่ยหัวเราะคิกคัก “ฟงเหลียงไม่ได้โทษนายในเรื่องนี้ แต่อยากขอบคุณนายที่ช่วยรักษาเขาได้ทันเมื่อวานนี้ ไม่อย่างนั้นเขาอาจถึงตายได้ นั่นก็ถือว่าโชคดีแล้วที่ไม่มีใครเป็นอันตรายถึงชีวิต ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการประลองที่ยุติธรรม แต่ถ้ามีใครตายขึ้นมา มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันได้ง่าย ๆ แล้ว แถมเขายังเป็นคนของตระกูลรื่อที่แข็งแกร่งด้วย อ้อ! เกี่ยวกับตระกูลรื่อ นายต้องระวังพวกเขาให้ดี! ไม่มีใครรู้หรอกว่าพวกเขาจะแก้แค้นเมื่อไหร่ เมื่อวานนี้ปู่ของฟงเหลียง ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูล ‘รื่อซื่อฟง’ โกรธมากเลยนะ ตอนที่เห็นอาการบาดเจ็บของเขา ถ้านายไม่ได้อยู่ในสถาบัน เขาคงวิ่งมาเอาคืนแล้ว ตาเฒ่าหัวแข็งนี่ยอมทำทุกอย่างเพื่อรักษาชื่อเสียงของตระกูลของเขาเลย นายต้องเก็บตัวหน่อยนะตอนนี้ ตาแก่นี่น่าจะใจเย็นลงบ้างหลังจากฟงเหลียงอาการดีขึ้นกว่านี้”

ผมพูดยิ้ม ๆ “ขอบใจที่บอกฉันเรื่องนี้ แต่ตระกูลรื่ออยากจะแก้แค้นแล้วยังไงล่ะ? จะลงมือโดยใช้อำนาจของตระกูลได้ยังไง? ฉันกับฟงเหลียงประลองกันอย่างเป็นทางการ ฉันล่ะอยากรู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรฉันได้!”

ไห่รื่อรีบเตือนหลังจากได้ยินผมพูดแบบนั้น “เบาเสียงหน่อย! ถ้ามีใครได้ยินนายจะเดือดร้อนเอาได้ เหมือนกับนายไม่รู้ว่าอาณาจักรอาจจะเกิดความวุ่นวายอย่างนั้นแหละ? ตอนนี้องค์ราชาอยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้ว ถ้าพระองค์สิ้นพระชนม์ ต้องเกิดสงครามชิงอำนาจอย่างแน่นอน แล้วตระกูลรื่อก็อยู่ในสามตระกูลใหญ่ พวกเขามีอำนาจมหาศาลอยู่ในอาณาจักรนี้”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด