ตอนที่ 14 แผนเอาคืน
มินโฮคุกเข่าที่ขอบเตียงและยกเตียงขึ้นเล็กน้อย และมุดตัวเองเข้าไปใต้เตียงโดยมีแค่ส่วนก้นเท่านั้นที่โผล่ออกมา
มู่เหลียงกลับมาถึงบ้านโดยแบกถังน้ำมาสองถังใหญ่ และเห็นเด็กสาวในสภาพนั้น
มู่เหลียงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
“ทำอะไรของเธอหนะ มินโฮ?”
“ว้าย!”
มินโฮสะดุ้งสุดตัว
ปึ้ง!
หัวของมินโฮกระแทกเข้ากับเตียงอย่างแรง
มินโฮค่อยๆ มุดออกมา ด้วยสีหน้าเยเกพร้อมกับแสดงสีหน้าเจ็บปวด
มู่เหลียงยิ้มมุมปากก่อนจะถาม
“เป็นไง ยังสบายดีอยู่ไหม?”
มินโฮจ้องมู่เหลียงด้วยสายตาหงุดหงิด เธอมีคำถามเต็มไปหมด และอยากบ่นมู่เหลียงมากที่เข้ามาทำให้เธอตกใจแบบนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อน
“งั้นเรากินข้าวกันก่อนดีกว่า”
มู่เหลียงพูดอย่างสบายๆ เพื่อตัดบทของเด็กน้อย
“ในนั้นคือ??”
มินโฮสังเกตเห็นถังไม้ที่มู่เหลียงเอากลับมาและเกิดสงสัย
ก่อนที่เธอจะมองมู่เหลียงอย่างเคืองๆ และพูดขึ้นมาว่า
“นี้มู่เหลียงนายทำอะไรของนายหน่ะ!! นายเล่นขนของมาหมดบ้านหัวหน้าค่ายเลยงั้นหรอ!!”
“ไม่ๆ ที่จริงยังเหลืออีกต้องหลายอย่างที่ไม่ได้เอามาด้วย”
มู่เหลียงตอบกลับไปอย่างซื่อๆ
เมื่อเขาย้อนคิดถึงตอนที่อยู่ในบ้านหัวหน้าค่าย ก็รู้สึกอยากจะวนกลับไปขนของที่เหลืออีกครั้ง
แต่ตอนที่เขาออกมาจากบ้าน มู่เหลียงก็เห็นว่าเริ่มมีคนถยอยมาที่บ้านหัวหน้าค่ายเยอะขึ้น
นั้นแปลว่าพ่อบ้านไม่ทำให้เขาผิดหวัง
“มู่..เหลียง!! นายนี้มัน…ช่างไร้ยางอายจริงๆ!”
มินโฮถึงกับเอาสองมือขึ้นปิดหน้าแล้วพูดออกมาราวกับว่าสิ่งที่เธอคาดเดาไว้นั้นถูกต้อง
มินโฮนั้นโน้มหน้าเข้าไปหามู่เหลียง ด้วยแก้มที่ปูดแดง
และเตือนด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ครั้งหน้า!! หากว่านายคิดจะทำอะไรแบบนี้อีก บอกกันก่อนเข้าใจไหม!”
เพราะเธอนั้นคิดหัวแทบแตกว่าจะเอาของพวกนี้ไปซ่อนไว้ที่ไหน และกลัวคนมาเจอเข้าสุดๆ
“พอดี…แผนมันเปลี่ยนกลางทางน่ะ ฉันก็แค่อยากได้น้ำเท่านั้นเอง”
มู่เหลียงผายมือออก ราวกับว่ามันช่วยไม่ได้
หากว่าใครได้ยินความคิดชั่วร้ายของหัวหน้าค่ายเข้า และทำได้อย่างมู่เหลียงเขาก็คงลงมือทำเช่นเดียวกัน
“แบบนี้หากหัวหน้าค่ายรู้เข้าว่าน้ำถูกขโมยมา พวกเราจะเดือดร้อน”
มินโฮพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลงก่อนจะถามว่า
“เอาเป็นว่าเราขนของพวกนี้ไปซ่อนไว้กับเจ้าเต่าทมิฬก่อนดีไหม? มู่เหลียงคิดว่าไง”
“ไม่ต้องซ่อนอะไรทั้งนั้นแหละ”
มู่เหลียงโบกมือห้ามเอาไว้
“ไม่ได้สิ! เดี๋ยวหัวหน้าค่ายต้องส่งคนออกมาค้นหาน้ำแน่”
มินโฮกระทืบเท้าเบาๆ ด้วยความกระวนกระวายใจ ก่อนจะพูดต่อ
“แล้วมันยังมีอีกหลายอย่างที่ซ่อนไม่ได้ด้วย เราเก็บไว้ที่นี่ไม่ได้”
“ทำไมต้องกลัวหัวหน้าค่ายด้วย…..ฉันฆ่าเขาไปแล้ว”
มู่เหลียงพูดอย่างใจเย็น ราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อย
“ห้ะ!?!”
มินโฮถึงกับนัยน์ตาเบิกกว้าง
ก่อนที่จะจ้องมองมู่เหลียงตาเขม็งราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด และคิดว่าเขาล้อเล่น
“เรื่องจริง…”
มู่เหลียงยืนยันคำพูดของเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะเล่าว่าหัวหน้าค่ายนั้นสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มโจรเคราโลหิต
“สมควรแล้ว!! ตายไปซะก็ดีคนสารเลวแบบนี้!”
มินโฮนั้นโกรธมากเมื่อรู้เรื่องทั้งหมด
ก่อนที่จะปรากฏรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากของมู่เหลียง ขณะที่ดูการแสดงออกของมินโฮอย่างเงียบๆ และรู้สึกว่ามันดูน่ารัก
“หือ…มะ-มองอะไร”
มินโฮหน้าแดงขึ้นมาทันที
“ป่าวๆ ไม่มีอะไรหรอก”
มู่เหลียงละสายตาออกไปก่อนจะพูดขึ้น
“พรุ่งนี้ผู้คนในค่ายจะอพยพออกไปหมดแล้ว”
แววตาสีฟ้าใสของมินโฮเป็นประกายทันที และถามขึ้นอย่างสนอดสนใจ
“งั้นพวกเราจะออกเดินทางเลยไหม?”
“ยังก่อน…เราจะอยู่ที่ค่ายนี้อีก 2 วัน”
มู่เหลียงส่ายหัว
“แต่มันอันตรายเกินไป ไม่รู้ว่าพวกเคราโลหิตจะบุกมาเมื่อไหร่ด้วย”
มินโฮพูดอย่างไม่พอใจ
“ไม่มีอะไรอันตรายหรอก…เราแค่รอให้สายของกลุ่มเคราโลหิตมาถึงก่อน”
มู่เหลียงพูดพร้อมกับแสยะยิ้ม มันช่างเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยเลศนัย
“เดี๋ยวนะ….นี้นายคิดจะทำอะไร”
มินโฮถามด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีเท่าไรนัก
“ก็แค่จะไปขโมยของจากพวกเคราโลหิตเท่านั้นเอง”
มู่เหลียงตอบอย่างใจเย็น
“เอ๋!!!”
มินโฮตาโตเป็นไข่ห่านด้วยความตกใจ
เด็กสาวกำลังคิดว่าเธอฟังผิดหรือหูเธอเพี้ยนไปรึป่าว ก่อนที่เธอจะถามด้วยท่าทางตะกุกตะกักดูน่ารักไม่น้อย
“มะ–มะมู่เหลียง นะ-นาย พ-พูดเล่นอีกแล้วใช่ไหม”
“ไม่ฉันเอาจริง ฉันจะไปที่ค่ายของพวกโจรและไปขโมยของมันออกมาให้หมด!”
มู่เหลียงรู้ว่าหัวหน้าค่ายนั้นร่วมมือกับพวกกลุ่มโจร และให้พวกมันเข้ามาโจมตีค่าย และเขาเองก็คิดเช่นเดียวกัน
เขาจะตลบหลังพวกมัน และบุกไปยังค่ายของพวกโจรบ้าง
เขาจะใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำ และเขาจะเข้าไปขโมยทั้งของมีค่า และผลึกสัตว์อสูรออกมา
“มู่เหลียง!! นายมันบ้าเกินไปแล้ว!”
สีหน้าของมินโฮนั้นซีดเซียวลงทันที เมื่อได้ยินสิ่งที่มู่เหลียงคิด ก่อนที่จะเข้าไปดึงแขนของเขาเอาไว้
เธอพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมมู่เหลียงทันที
“พวกโจรมีกันต้องเยอะ อาจจะมากกว่า 500 คนเลยก็ได้ หากไม่ระวังนายจะตายเอาได้นะ!”
“แผนการของฉันไม่ต้องเผชิญหน้ากับพวกมันทั้งหมดหรอก”
มู่เหลียงยกนิ้วชี้ขึ้นมาก่อนจะถามอย่างเอ็นดูว่า
“จำเจ้าโจรที่เราฆ่าไปเมื่อตอนกลางวันได้ไหม?”
“ได้”
มินโฮพยักหน้าตอบ
“วันนี้มันไม่ได้กลับไปรายงานที่ฐาน”
มู่เหลียงเริ่มค่อยๆ เล่าแผนการของเขาให้มินโฮฟัง
“แล้วที่นี้พวกโจรมันก็จะส่งคนมาใหม่ในวันพรุ่งนี้”
“และจุดที่กลุ่มของเคราโลหิตอยู่นั้นคงจะห่างจากที่นี่ไปหลายวัน และกว่าที่มันจะมาถึงก็คงอีก 2 วันได้”
มู่เหลียงเริ่มนึกถึงสิ่งที่ได้รู้มาระหว่างที่เขารีดข้อมูลจากพวกโจรวันนี้
ก่อนที่เขาจะพูดต่อไป
“อีกสองวัน เราจะแกล้งทำเป็นว่าคนในค่ายนั้นอพยพไปหมดแล้ว”
“มินโฮ ถ้าเธอเป็นพวกโจรเคราโลหิต เธอจะส่งคนออกไปตามล่าไหม?”
มู่เหลียงถามขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์
“ก็…ก็น่าจะทำแบบนั้น”
มินโฮตอบอย่างไม่มั่นใจ
“นายคิดว่า…พอคนที่มันส่งมาไม่เจอใคร ก็จะรีบกลับไปแจ้งหัวหน้าของพวกมันทันทีงั้นหรอ”
มู่เหลียงกางมือออกและตอบอย่างสุขุม
“พอพวกโจรเคราโลหิตรู้ตัวแล้วว่าถูกหลอก พวกมันก็จะไม่คิดหน้าคิดหลัง และต้องการล้างแค้นที่มาหลอกพวกมัน”
“มันก็อาจจะเป็นแบบนั้น”
มินโฮพยักหน้าเห็นด้วย
“แต่ในความเป็นจริงแล้ว พอกลุ่มของโจรเคราโลหิตมาถึงจริงๆ ก็ 3 วันให้หลังจากผู้คนในค่ายอพยพไปแล้ว และพวกมันก็จะมาเก้อและหาใครไม่เจอ”
มู่เหลียงก็พูดขึ้นกับตัวเองว่า
“แล้วตอนนั้นแหละ…..พวกมันจะทั้งโมโห และฉุนขาด แล้วยิ่งในสถานการณ์ที่สับสนเช่นนี้ พวกมันจะลืมคิด เวลานั้นที่ค่ายของพวกมันจะมีคนอยู่ไม่กี่คน เราจะใช้จังหวะนั้นเข้าไปขโมยทุกอย่างจากพวกมัน!”
แผนการนี้ใจความสำคัญของมันอยู่ที่เวลา ต้องทำให้พวกกลุ่มโจรออกมาจากค่ายให้ได้อย่างน้อย 1 วัน
แต่ประเด็นคือเขาจะทำยังไงให้คนที่จะถูกส่งมานั้นเห็นว่าคนในค่ายกำลังอพยพออกไป
“นายแน่ใจในแผนนี้จริงๆ งั้นหรอ”
มินโฮถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล
“ก็ค่อนข้าง แต่ช่างมันเถอะ ยังอีกต้องสองวัน”
มู่เหลียงส่ายหัวก่อนจะตอบอย่างสบายๆ
แผนการนี้คุ้มค่าที่จะลอง
หากทำสำเร็จ เขาจะไม่ขาดแคลนผลึกสัตว์อสูร และอาจจะวิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงของเขาให้ถึงระดับ 4 ได้