บทที่ 987 (108) แผนร้าย (ตอนฟรี)
บทที่ 987 (108) แผนร้าย
“อะไรทำให้คุณคิดแบบนั้น?” จี้เส้าฮงอดไม่ได้ที่จะถาม
จี้เฟิงหยิบบุหรี่ออกมาแล้วยื่นให้จี้เส้าฮง จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ในบรรดาคนรอบตัวของอู๋จื้อเหอ คนที่มีความสามารถมากที่สุดคงหนีไม่พ้นสองพ่อลูกตระกูลหรง หรงเผิงกับหรงซูเยี่ยน พวกเขาสองคนควบคุมทรัพย์สินจำนวนมหาศาลของหรงเผิงกรุ๊ป ถ้าอู๋จื้อเหอรู้จักใช้มันอย่างถูกต้อง มันจะเป็นดาบอันคมกริบที่อยู่ยงคงกระพันอย่างแน่นอน”
“นั่นก็จริง!” จี้เส้าฮงพยักหน้า เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะสงบสติอารมณ์เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีมูลค่าทรัพย์สินนับหมื่นล้าน อิทธิพลมหาศาลแบบนั้นน่ากลัวจริงๆ
ทรัพย์สินหลายหมื่นล้านอาจเป็นตัวแทนของงานหลายหมื่นตำแหน่ง เพียงพอที่จะส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองหรือแม้แต่มณฑล!
“ดังนั้น อู๋จื้อเหอจะมีความขัดแย้งกับใครก็ได้ ยกเว้นหรงซูเยี่ยน!” จี้เฟิงหัวเราะ “เพราะเมื่อไหร่ที่หรงซูเยี่ยนมีความแค้นอยู่ในใจ มันอาจส่งผลกระทบต่อเค้าโครงโดยรวมของตระกูลอู๋”
จี้เส้าฮงยิ้มและพูดว่า “มันคงไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง? ฉันไม่คิดว่าการที่คู่รักทะเลาะกันจะทำให้เรื่องมันบานปลายใหญ่โตได้ขนาดนั้น อีกอย่างแฟนกันทะเลาะกันมันเรื่องปกติ นอนเคลียร์กันก็จบแล้ว”
“พี่เส้าฮง คู่รักที่คุณพูดถึงมันคือคู่รักธรรมดาทั่วไป!” จี้เฟิงหัวเราะและพูดว่า “คุณลืมใครบางคนไปหรือเปล่า?”
“ใคร?”
“เจิ้งหยูซิ่ว!” จี้เฟิงกล่าว “อย่ามองข้ามเจิ้งหยูซิ่วเชียว ถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิงที่พูดไม่คิดและน่ารำคาญมาก แต่ในหลายๆกรณี เธอสามารถแสดงมันออกมาได้ดีมาก เป็นบทบาทที่สำคัญ คนแบบนี้มีความคิดที่เจ้าเล่ห์และชอบใช้กลโกงโง่ๆ”
เมื่อเห็นท่าทางที่ค่อนข้างงุนงงของจี้เส้าฮง จี้เฟิงก็ยิ้มและพูดว่า “มีบางเรื่องที่คุณอาจจะคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะสามารถทำเรื่องโง่ๆได้มากมายขนาดไหน ก่อนหน้านี้ที่เจียงโจว เจิ้งหยูซิ่วใช้วิธีที่น่ารังเกียจมากมายในการใส่ร้ายหรงเป่ากังซึ่งเป็นน้องชายของหรงซูเยี่ยน...”
จี้เฟิงอธิบายอย่างคร่าวๆ เรื่องที่เจิ้งหยูซิ่วจัดแจงให้เด็กๆในตระกูลเจิ้งทุบตีลูกชายของเจิ้งหยวนซาน และในขณะเดียวกันยังบอกว่าหรงซูเยี่ยนต้องการแก้แค้น เลยสั่งให้ลูกน้องของเธอโจมตีเด็กๆตระกูลเจิ้งในคลับเฮ้าส์ ซึ่งเป็นตอนที่เขาไปเจอพอดี
จี้เส้าฮงรู้สึกประหลาดใจ “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า... เจิ้งหยูซิ่วกับหรงซูเยี่ยนไม่ถูกกันน่ะสิ?”
“ถูกต้อง!” จี้เฟิงยักไหล่และพูดด้วยรอยยิ้ม “จากจุดนี้ เราสามารถเห็นความสัมพันธ์ระหว่างเจิ้งหยูซิ่วและหรงซูเยี่ยนได้ว่ามันมีรอยร้าวที่ชัดเจน แล้วคิดดูสิ ตอนนี้มีความขัดแย้งระหว่างอู๋จื้อเหอและหรงซูเยี่ยนเกิดขึ้น เจิ้งหยูซิ่วจะทำยังไง? เธอจะไม่ฉวยโอกาสนี้ทำเรื่องวุ่นวายเหรอ?”
จี้เส้าฮงหัวเราะออกมาทันที “งั้นเธอก็คงไม่ยอมพลาดแน่!”
“นั่นคือเหตุผลที่ฉันบอกว่าความขัดแย้งระหว่างหรงซูเยี่ยนและอู๋จื้อเหอไม่มีเหมือนคู่รักทั่วไป” จี้เฟิงยิ้มและกล่าวว่า “ตราบใดที่มีเจิ้งหยูซิ่วอยู่ใกล้ๆ ความขัดแย้งระหว่างหรงซูเยี่ยนและอู๋จื้อเหอจะยิ่งถลำลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ก็คงจะมีความขัดแย้งกันมาบ้างแล้วไม่น้อย แต่วันนี้อาจมีบางอย่างที่เป็นตัวจุดประกายให้มันระเบิดออกมาจนอาจถึงขั้นเลิกรากัน หรือต่อให้จะไม่เลิกกันในวันนี้ แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็มีแต่จะย่ำแย่ลงเรื่อยๆ”
ต้องขอบอกว่าการคาดเดาของจี้เฟิงนั้นแทบจะใกล้เคียงกับความเป็นจริงเกือบ 100% แต่เขาไม่ได้รู้เลยว่าปัญหาความขัดแย้งของหรงซูเยี่ยนและอู๋จื้อเหอในครั้งนี้ เขานั่นแหละคือสาเหตุหลัก!
ถ้าเขารู้เรื่องนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร
“อันที่จริง สองพ่อลูกตระกูลหรงไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือชั้นดีสำหรับอู๋จื้อเหอเท่านั้น แต่ยังเป็นอาวุธลับที่ยิ่งใหญ่สำหรับตระกูลอู๋ทั้งหมดด้วย!” จี้เฟิงที่ไม่รู้เลยว่าเขานั่นแหละคือตัวการของการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างอู๋จื้อเหอและหรงซูเยี่ยนในครั้งนี้ยังคงพูดคุยกับจี้เส้าฮงอย่างจริงจัง
“บางทีเจิ้งหยูซิ่วคงจะเกลียดหรงซูเยี่ยนมาก หรือบางทีเธออาจจะมีความต้องการบางอย่าง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในอนาคตหรงซูเยี่ยนจะไปไกลจากอู๋จื้อเหออย่างแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลย!”
“ถ้าเจิ้งหยูซิ่วเป็นอย่างที่คุณพูดจริงๆ ผลลัพธ์ก็ชัดเจนแล้วล่ะ!” จี้เส้าฮงพยักหน้าเล็กน้อยด้วยแววตาที่เจ้าเล่ห์ “เสี่ยวเฟิง ฉันว่านี่เป็นโอกาสที่ดี เราควรใช้โอกาสนี้ลงมือทำอะไรสักหน่อยดีไหม?”
“ทำไมล่ะ? จู่ๆก็ฮึกเหิมเพราะคิดแผนการบางอย่างออกเหรอ?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
จี้เส้าฮงพยักหน้าและยอมรับสิ่งนี้อย่างตรงไปตรงมา “หากเราสามารถแยกตระกูลอู๋และหรงเผิงกรุ๊ปได้ ก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับเราอย่างแน่นอน แล้วจะไม่ให้ฉันตื่นเต้นฮึกเหิมได้อย่างไร?”
การคุกคามของหรงเผิงกรุ๊ปนั้นยิ่งใหญ่เกินไป เพราะแค่บริษัทในเครืออย่างหวงกงกรุ๊ปก็ทำให้จี้เส้าฮงต้องปวดหัวมากแล้ว
ด้วยโอกาสที่ดีในตอนนี้ จี้เส้าฮงจึงรู้สึกเหมือนเห็นทางสว่างและไม่อยากจะพลาดมันไป
จี้เฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉันคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา แม้ว่าจะมีความขัดแย้งระหว่างหรงซูเยี่ยนและอู๋จื้อเหอ แต่ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะแยกทางกันจริงๆ อย่างน้อยพวกเขาก็มีบางอย่างที่ต้องการเหมือนกันและทำให้ต้องเกี่ยวข้องกันต่อไป นั่นก็คือ ‘ผลประโยชน์’ ยังไงล่ะ”
“ไม่ง่ายเลยสินะ...” จี้เส้าฮงส่ายหัวด้วยความเสียดาย “น่าเสียดาย อุตส่าห์รู้จุดแต่ผิดเวลา!”
ก็อย่างที่จี้เฟิงพูด แม้ว่าความขัดแย้งระหว่างหรงซูเยี่ยนและอู๋จื้อเหอจะเกิดขึ้นแล้วจริงๆ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างหรงเผิงกรุ๊ปและตระกูลอู๋จะไม่แตกหักง่ายๆ ท้ายที่สุดแล้ว หรงเผิงและหรงซูเยี่ยน สองพ่อลูกตระกูลหรงสามารถพูดได้ว่าเป็นโฆษกของตระกูลอู๋ ถ้าไม่ใช่คนที่น่าเชื่อถือเป็นพิเศษ ตระกูลอู๋จะไว้ใจให้ควบคุมกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร?
ความสัมพันธ์แบบนี้ไม่สามารถถูกทำลายได้ด้วยการทะเลาะกันเพียงครั้งเดียวหรือสองครั้ง!
“อันที่จริง ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขา” จี้เส้าฮงเบิกตากว้างและเกิดความคิดบางอย่าง “เสี่ยวเฟิง มีวิธีที่จะทำลายความสัมพันธ์ที่มั่นคงระหว่างพวกเขาอย่างรวดเร็ว”
“หืม?”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะตกใจ “ยังไง?”
“อย่างที่คุณบอก ที่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามั่นคงเป็นเพราะมีความต้องการบางอย่างเหมือนกัน” จี้เส้าฮงพูดด้วยรอยยิ้ม “แล้วความต้องการของพวกเขาคืออะไร? แน่นอนว่ามันคือหรงเผิงกรุ๊ป! อันที่จริงแล้ว ถ้าพูดกันตามตรง หรงเผิงกรุ๊ปเกิดขึ้นได้จากการที่ทั้งสองก่อร่างสร้างมันขึ้นมาด้วยกัน เพียงแต่ตระกูลอู๋ครอบครองในสัดส่วนที่มากกว่า ในขณะที่ตระกูลหรงอาจครอบครองในส่วนเล็กๆใช่ไหม?”
จี้เฟิงพยักหน้า “ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น หากตระกูลหรงครอบครองส่วนใหญ่ ก็คงไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ซ่อนอยู่ของตระกูลอู๋ เพียงแต่ก็ต้องอาศัยความรู้ความสามารถจากทางฝั่งตระกูลหรงด้วย พวกเขาต้องร่วมมือกัน!”
“นั่นไงล่ะ!” จี้เส้าฮงพูดอย่างตื่นเต้น “ดังนั้น ตราบใดที่ผลประโยชน์ของหรงเผิงกรุ๊ปได้รับความเสียหายและถูกโจมตีอย่างหนัก ฉันเกรงว่าทั้งสองฝ่ายคงไม่สามารถรับผลลัพธ์แบบนี้ได้ เมื่อถึงเวลานั้น บทบาทสำคัญอีกส่วนหนึ่งก็คือเจิ้งหยูซิ่ว ขอแค่เธอสร้างปัญหาหรือทำการก่อกวนเพียงเล็กน้อย ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายก็จะพังลงอย่างรวดเร็ว เพราะจากพื้นฐานที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันของพวกเขาไม่มีอยู่แล้ว!”
“พี่ชายเส้าฮง พูดซะง่ายเชียว คิดว่าการโจมตีหรงเผิงกรุ๊ปจนได้รับความเสียหายอย่างหนักมันทำกันได้ง่ายๆเหรอ?” จี้เฟิงยิ้มอย่างขมขื่น
ทำไมเขาจะไม่ต้องการสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับหรงเผิงกรุ๊ปล่ะ? นั่นแหละคือเป้าหมายในตอนนี้ด้วยซ้ำ
แต่ปัญหาคือ เถิงเฟยกรุ๊ปของเขายังอ่อนแอเกินไป ไม่ต้องพูดถึงการโจมตีให้หรงเผิงกรุ๊ปเกิดความเสียหายร้ายแรง แม้วิธีการรับมือจากการโจมตีของหรงเผิงกรุ๊ป จี้เฟิงก็ตกที่นั่งลำบากมากแล้ว!
“คุณไม่เข้าใจว่าฉันกำลังหมายถึงอะไร!”
จี้เส้าฮงส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับหรงเผิงกรุ๊ปโดยตรง เราสามารถเริ่มต้นจากสาขาย่อยก่อน ตัวอย่างเช่นบริษัทหวงกงที่กำลังวางแผนจะตั้งถิ่นฐานในเมืองฮั่วเหอ ตราบเท่าที่ทริกเกอร์ที่คุณกำลังพัฒนาอยู่มีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมทีวี จากนั้นเราก็ดำเนินการอีกเล็กน้อยเพื่อยึดช่องทางของบริษัทหวงกงและแทนที่ด้วยผลิตภัณฑ์ของเราและทำให้บริษัทหวงกงสูญเสียทุกอย่าง!”
“และเมื่อบริษัทหวงกงได้รับความเสียหาย อู๋จื้อเหอจะต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน และจะต้องเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้!” จี้เฟิงกล่าวต่อ “ประกอบกับเจิ้งหยูซิ่วที่คอยกวนน้ำให้ขุ่นอยู่ในนั้น... ถึงแม้ว่าตระกูลอู๋กับสองพ่อลูกตระกูลหรงจะยังไม่แตกหักกันอย่างสมบูรณ์ แต่อย่างน้อยรอยร้าวที่เกิดขึ้นจะไม่ใช่เล็กๆอย่างแน่นอน!”
“นั่นแหละใช่เลย!” จี้เส้าฮงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ฉันได้ยินมาว่าบริษัทหวงกงวางแผนที่จะลงทุนประมาณ 100 ล้านหยวนในเมืองฮั่วเหอเพื่อสร้างฐานการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ อย่ามองว่าหรงเผิงกรุ๊ปแข็งแกร่งแล้วจะใช้เงิน 100 ล้านได้โดยไม่เสียดาย เพราะจะไม่ใช่แค่ขนหน้าแข้งแน่ๆที่ร่วง!”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสยอง แผนการร้ายกาจอะไรอย่างนี้!
ขอบอกเลยว่าแผนนี้ค่อนข้างโหดเหี้ยมและไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆเพิ่มเติม เพราะจี้เฟิงตั้งใจจะซื้อโรงงานเด็กซ์ซิงอิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้ว ตอนนี้การทำแบบนี้เป็นเพียงขั้นตอนเดียวที่จะครอบครองช่องทางของบริษัทหวงกง ด้วยการมีอยู่ของเทคโนโลยีม่านแสงสามมิติเสมือนจริง มันจึงไม่ยากที่จะทำเช่นนี้
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแทรกแซงของเจิ้งหยูซิ่ว แต่จี้เฟิงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เพราะเจิ้งหยูซิ่วจะคว้าโอกาสนี้อย่างแน่นอน
กล่าวคือ แผนของจี้เส้าฮงนำปัจจัยทั้งหมดมาร้อยเรียงกันให้ลงตัวและทำให้มองเห็นภาพของประโยชน์อื่นๆเพิ่มมากขึ้น
“พี่ชายเส้าฮง พูดก็พูดเถอะ แผนการของคุณนี่มันช่าง... ช่างน่าชื่นชมจริงๆ!” จี้เฟิงพูดอย่างหนักแน่น ไม่น่าแปลกใจเลยที่จี้เส้าฮงจะมีชื่อเสียงที่แข็งแกร่งในหยานจิง จี้เส้าฮงผู้นี้ถือได้ว่ามีความคิดที่หลักแหลมและเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมากทีเดียว
เมื่อได้มาเห็นด้วยตาตัวเองในตอนนี้ มันเป็นชื่อเสียงที่เขาสมควรได้รับแล้วจริงๆ!
จี้เส้าฮงโบกมือและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สิ่งนี้ต้องได้รับการสนับสนุนจากทริกเกอร์ของคุณ ไม่เช่นนั้น ต่อให้วิธีการของฉันจะดีแค่ไหน ก็ไม่รู้จะเริ่มหรือจะจบยังไงเลย ดังนั้นอย่ามาชมให้ฉันเหลิงเลย!”
จี้เฟิงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่จริง ขนาดฉันมีเทคโนโลยีอยู่ในมือ ยังคิดไม่ได้ขนาดนี้เลย!”
“ก็นะ หากพวกเราพี่น้องร่วมแรงร่วมใจกัน สามารถเติมเต็มซึ่งกันและกันได้ ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวแล้ว!” จี้เส้าฮงยิ้มเล็กน้อย
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าและหัวเราะ การที่จี้เส้าฮงตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่ดีมากจริงๆ
“น่าเสียดาย หรงซูเยี่ยนเป็นผู้หญิงที่เก่งและมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม ฉันรู้สึกเสียดายเธอจริงๆ...” จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม ก่อนจะอธิบายเสริม “แต่สงครามไม่สามารถเอาชนะได้โดยไม่ได้รับบาดแผล เราแค่ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้อย่างเต็มที่ก็พอ!”
จี้เส้าฮงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เสี่ยวเฟิง ในเมื่อคุณชื่นชมเธอมากขาดนี้ ทำไมคุณถึงไม่ดึงเธอเข้ามาล่ะ ให้มาเป็นมือขวาของคุณก็ได้ ตอนเธออยู่กับตระกูลอู๋เธอเป็นดาบที่คมกริบ แต่ถ้าได้เธอมาอยู่กับคุณ เธอจะเป็นดาบคมกริบที่อาบยาพิษในการต่อกรกับตระกูลอู๋เลยล่ะ!”
“เหอๆ..” จี้เฟิงหัวเราะอย่างอึ้งๆ เขาโบกมือ “ขอร้อง.. อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย”
“ทำไม? คุณไม่ชอบหรงซูเยี่ยนที่เป็นเครื่องมือของอู๋จื้อเหอเหรอ?” จี้เส้าฮงพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งเลยนะ”
“พี่ชายเส้าฮง หรงซูเยี่ยนเป็นอาวุธชั้นดีจริงๆอันนี้ไม่เถียง แต่ถ้ามาอยู่กับฉันในรูปแบบนั้น เธอจะกลายเป็นมีดที่มาจ่อคอฉันเองนี่แหละ!” จี้เฟิงยิ้มอย่างขมขื่น
ทั้งสองคนหัวเราะในเวลาเดียวกัน
ในเวลานี้ หรงซูเยี่ยนที่ถูกพูดถึง กำลังซุกหน้าของเธอไว้ในผ้านวม แม้ว่าเธอจะหยุดร้องไห้แล้ว แต่หัวใจของเธอยังคงเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความผิดหวังอย่างสุดซึ้ง
สิ่งที่อู๋จื้อเหอพูดก่อนหน้านี้ทำให้เธอเจ็บปวดมากจริงๆ
....จบบทที่ 987~