บทที่ 196: นางเองก็ต้องการรับเลี้ยงเด็กด้วยเช่นกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น พอหูเจียวเจียวรู้เรื่องการตายของหยินกู่ เธอก็รีบมุ่งหน้ามาที่บ้านไม้ ตอนที่มาถึงเธอเห็นหยินชางนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงพลางจับมือของพี่ชายไว้ไม่ยอมปล่อย
ในขณะที่หัวหน้าเผ่ากับภูตชาย 2 คนที่เป็นคนเฝ้าประตูกำลังยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ข้าง ๆ
“ท่านผู้เฒ่า เราควรทำยังไงดี?”
“พอข้าเข้าไปใกล้ เขาก็กัดข้าเหมือนหมาบ้า ข้าเลยไม่รู้ว่าจะจัดการกับเขายังไง...”
ภูตทั้ง 2 ที่ทำหน้าที่เฝ้ายามทำหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ไม่ใช่ว่าภูตชาย 2 คนไม่มีทางเลือก แต่พวกเขาก็สงสารที่เห็นเด็กหนุ่มเป็นเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากใช้กำลังบังคับอีกฝ่าย
หูเจียวเจียวหันไปมองตามเนื้อตัวคนที่กำลังบ่น แล้วเห็นว่ามีรอยฟันตรงมือของเขา อีกทั้งส่วนที่ลึกที่สุดมีเลือดไหลออกมาด้วย
ชายคนนี้อดทนมากที่ไม่ลงมือทำอะไรรุนแรงกับหยินชาง
ต่อมา จิ้งจอกสาวลูบหว่างคิ้วตัวเองอย่างคิดไม่ตก เขาเป็นเด็กที่ดื้อมากจริง ๆ...
“ท่านผู้เฒ่า เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง” หูเจียวเจียวหันกลับไปมองผู้อาวุโสของเผ่า “ข้ากำลังจะหาเวลาไปคุยกับท่านเรื่องนี้อยู่พอดี ข้าอยากพาเขาไปอยู่ที่บ้านของข้า ท่านจะคัดค้านอะไรไหม?”
ชายสูงวัยที่ได้ยินเช่นนั้นมีสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้าเองก็อยากเลี้ยงดูเขาด้วยหรือ?”
สำหรับเด็กที่กำพร้าพ่อแม่ ทางเผ่าจะช่วยเลี้ยงดูพวกเขาจนเติบใหญ่ แต่โดยปกติแล้วจะไม่มีภูตคนไหนรับเลี้ยงพวกเขาเป็นกิจลักษณะ
เพราะลูกของคนอื่นก็คือคนแปลกหน้าในสายตาของเหล่าภูต
“ใช่ ข้าต้องการเลี้ยงดูเขา” หญิงสาวพยักหน้าตอบอย่างจริงจัง
เธอกำลังจะพูดเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่หลังจากกลับไปถึงบ้านมันก็เย็นมากแล้ว เธอจึงไม่ไปหาหัวหน้าเผ่าเพราะเกรงว่าจะรบกวนอีกฝ่าย
“แต่…” ชายชราพูดขึ้นมาแบบลังเล
เมื่อจิ้งจอกสาวเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของอีกคน เธอจึงถามด้วยความสงสัย
“ท่านผู้เฒ่า ข้ารับเลี้ยงเด็กคนนี้ไม่ได้หรือ?”
“การรับเลี้ยงเขาน่ะทำได้ แต่หวงเยว่มาบอกข้าเมื่อวานว่านางต้องการรับเด็กคนนี้ไปดูแลเป็นลูกบุญธรรม และข้าได้ตอบตกลงไปแล้ว คือ...”
ในฐานะผู้นำสูงสุดของเผ่า เขาไม่มีวันกลับคำพูดตัวเอง
“หวงเยว่? นางจะรับเลี้ยงเขาเป็นลูกไว้เพื่ออะไร...” หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นเพราะไม่เข้าใจเจตนาของนาง
ทันทีที่สิ้นเสียงของเธอ ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินเข้ามาจากประตู
“หูเจียวเจียว ข้าขอโทษจริง ๆ ท่านผู้เฒ่าตกลงให้ข้ารับเลี้ยงหยินชางแล้ว”
หวงเยว่เผยรอยยิ้มจาง ๆ และพูดกับจิ้งจอกสาวด้วยสีหน้าลำบากใจ
“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะอยากรับหยินชางไปเลี้ยงดูเหมือนกัน แต่ครอบครัวเจ้ามีลูก 5 คนแล้ว การดูแลเด็กเพิ่มอีกสักคนคงจะลำบากมาก...”
หูเจียวเจียวปรายตามองหงส์สาวอย่างเย็นชา เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายก็แค่แสร้งทำเป็นคนใจดี
มันจะเป็นเหตุบังเอิญได้อย่างไรที่นางจะอยากรับเลี้ยงหยินชางด้วยตัวเอง
“เจ้าไม่ต้องกังวลหรอกว่ามันจะเป็นงานหนักสำหรับครอบครัวของเราหรือไม่ หลงโม่เก่งในการล่าและสามารถเลี้ยงลูกได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
จิ้งจอกสาวพูดแบบไม่ยอมถอย
ถึงแม้ว่าจะไม่มีมังกรหนุ่มคอยช่วยเหลือ เธอก็ยังมีมิติที่เต็มไปด้วยเสบียงมากมาย!
สิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดคือหงส์สาวจะไม่สามารถเลี้ยงเด็กคนนี้เองได้
เมื่อหวงเยว่เห็นท่าทางไม่แยแสของหูเจียวเจียว นางก็รีบอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่เป็นห่วงเจ้า ข้าไม่อยากทำให้หลงโม่เหนื่อยเกินไป การล่าสัตว์มันเหนื่อยและอันตรายมาก...”
ฝ่ายที่ได้ฟังรู้สึกขบขันกับคำพูดจอมปลอมของอีกคน
“ทำไมเจ้าถึงชอบเป็นห่วงเป็นใยคู่คนอื่นนัก อ้อ... ข้าลืมไป เจ้าไม่มีคู่ และเจ้ายังต้องรอรับการช่วยเหลือจากเผ่า”
แม่จิ้งจอกมองคู่สนทนาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าที่แสดงออกเกินจริง “ที่แท้เจ้าก็อยากยืมมือคนอื่นมาเลี้ยงลูกให้นี่เอง เจ้าฉลาดมากนะ”
เมื่อภูตชาย 2 คนที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็มองไปที่หวงเยว่เหมือนกำลังมองตัวประหลาด
สิ่งที่หูเจียวเจียวพูดนั้นถูกต้อง หวงเยว่ไม่มีคู่หรือลูก นางจะต้องใช้เสบียงของเผ่าเพื่อเลี้ยงดูหยินชาง แล้วระหว่างการที่นางรับเด็กไปเลี้ยงดูกับการที่เด็กได้รับการดูแลจากเผ่ามันต่างกันตรงไหน?
ใช่สิ…
ความแตกต่างก็คือหงส์สาวจะได้รับผลประโยชน์มากกว่าการมีชื่อเสียงที่ดี
ยามนี้รอยยิ้มของหวงเยว่ชะงักค้างไปหลังจากถูกคำพูดของจิ้งจอกสาวตอกหน้า
ในไม่ช้านางก็ทำสีหน้าเศร้าหมองอีกครั้ง พลางกัดริมฝีปากแล้วตอบว่า
“หูเจียวเจียว เจ้าเข้าใจข้าผิด ข้าได้พบคนที่เหมาะสมแล้ว ข้าจะอาศัยอยู่กับเขาหลังจากที่รับเลี้ยงหยินชาง”
“แม้ว่าข้าจะไม่เคยเลี้ยงลูกมาก่อน แต่ข้าก็จะรักเขาให้เหมือนกับลูกในไส้ของข้า...”
หญิงสาวหลุบตาลงแบบนึกเสียใจ แต่พอลับตาคนอื่นมันกลับฉายแววอำมหิต
หูเจียวเจียว!
นังจิ้งจอกคนนี้ขัดขวางนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าถึงเวลาที่ปีศาจพวกนั้นบุกเข้ามาในเผ่า นางจะเป็นคนจัดการนังนี่เอง!
จากนั้นหวงเยว่แอบชำเลืองมองไปทางหยินชางที่กำลังคุกเข่าอยู่ข้างเตียงที่พี่ชายนอนอย่างสงบ
นางเคยเห็นเด็กคนนี้ในเผ่าที่ถูกทำลาย แต่โชคดีที่เขาเป็นใบ้และไม่สามารถระบุตัวตนของนางได้แม้ว่าเขาจะจำนางได้ก็ตาม
ทว่าหญิงสาวต้องพาเด็กหนุ่มไปอยู่ใกล้ตัวแล้วหาทางปลิดชีวิตอีกฝ่ายเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
นางทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อน้องชายของตน นางจะไม่มีวันทำพลาดอีกเด็ดขาด!
เมื่อหวงเยว่คิดว่าเหล่าภูตที่อยู่ในเหตุการณ์จะเปลี่ยนใจ หูเจียวเจียวก็กล่าวต่อไปว่า
“คู่ของเจ้าช่างน่าสงสารจริง ๆ เขาต้องเลี้ยงลูกของคนอื่นก่อนที่จะมีลูกของตัวเอง”
จากนั้นเธอมองไปที่หงส์สาวก่อนจะพยักหน้าพร้อมเผยรอยยิ้มแฝงความนัย “ข้าแค่เป็นห่วงคู่ของเจ้า เจ้าไม่โกรธข้าใช่ไหม?”
เพื่อจัดการกับคนตอแหล เธอจำเป็นต้องตอแหลกลับ ไม่โกง!
“นี่เจ้า!”
หวงเยว่กัดกรามด้วยความโกรธ แต่เพื่อรักษาภาพลักษณ์อันสง่างามที่ตัวเองอุตส่าห์สร้างขึ้น นางจึงทำได้เพียงกลืนโทสะลงท้องไปเท่านั้น
“ในเมื่อหวงเยว่อยากรับหยินชางไปเลี้ยง งั้นก็ให้นางดูแลเขาเถอะ ท่านผู้เฒ่า”
จิ้งจอกสาวก้าวถอยหลังไปยืนข้างหัวหน้าเผ่าและมองภูตหญิงผู้แสนดีด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่เปลี่ยน
“เอาล่ะ” ชายสูงวัยผงกหัว เขาหันไปมองคนที่ต้องการอุปการะเลี้ยงดูเด็กแล้วพูดว่า “หวงเยว่ เจ้าพาหยินชางกลับไปเถอะ เราจะนำร่างของหยินกู่ออกไป”
เนื่องจากภูตไม่มีธรรมเนียมการฝังศพเหมือนมนุษย์ และศพจะถูกโยนเข้าไปในป่า
นี่คือสัจธรรมของโลก คนเราถือกำเนิดขึ้นมาจากธรรมชาติ สุดท้ายก็ต้องหวนคืนสู่ธรรมชาติ
หวงเยว่แสดงสีหน้าประหลาดใจพลางคิดว่าทำไมหูเจียวเจียวคนนี้ช่างพูดช่างคุยขึ้นมาเสียอย่างนั้น?
“ตกลง ท่านผู้เฒ่า” หญิงสาวตอบโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา และกระตือรือร้นที่จะพาหยินชางไปจากที่นี่
ตอนที่หงส์สาวเพิ่งมาถึงบ้านไม้ นางไม่รู้เรื่องที่ภูตชาย 2 คนถูกหยินชางกัดทันทีที่ไปแตะตัวเขา
ในสายตาของนาง นี่เป็นเพียงแค่เด็กอ่อนแอเท่านั้น ตราบใดที่นางพูดเกลี้ยกล่อมไม่กี่คำ เขาก็จะเชื่อฟังตนแน่นอน
ขณะนี้หวงเยว่เดินไปหยุดยืนข้างเตียงที่มีร่างไร้วิญญาณนอนอยู่ ก่อนจะก้มตัวลงเพื่อมองหน้าหยินชางแล้วพูดเบา ๆ พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน
“หยินชาง กลับบ้านกับข้านะ”
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นเพื่อมองดูเจ้าของเสียง ในตอนนั้นเอง รูม่านตาของเขาหดตัวลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับที่ความตื่นตระหนกฉายวาบในดวงตา
เขาเคยเห็นผู้หญิงคนนี้!
ในเผ่าที่ถูกทำลาย พวกภูตของเผ่าได้พานางกลับมาด้วย แล้วจู่ ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ที่เผ่าถูกภูตหมาป่าโจมตีแบบฉับพลัน
นางอยู่กับภูตหมาป่ากลุ่มนั้น!
“ไปกันเถอะหยินชาง ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน ต่อจากนี้ไปเราจะเป็นครอบครัวเดียวกัน...”
หวงเยว่ยังคงพยายามพูดโน้มน้าวใจเด็กชายตรงหน้า
หยินชางซ่อนอารมณ์ทั้งหมดของเขาไว้ในดวงตาโดยกลบเกลื่อนมันด้วยสีหน้าไม่แยแส จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะใช้หัวพุ่งกระแทกเข้าใส่หญิงสาวเต็มกำลัง
“ย้ากกกก!” ในเวลาเดียวกันเขาก็เปล่งเสียงคำรามเหมือนสัตว์ร้าย
ทั้งหมดมันเป็นเพราะนาง!
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ที่ดึงดูดให้ภูตหมาป่ามาทำลายเผ่าจนพังพินาศ เขาและพี่ชายจะยังคงอยู่ที่นั่นอย่างสงบและปลอดภัย นางเป็นคนฆ่าหยินกู่!
ทางด้านหวงเยว่ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถูกเด็กชนเข้าที่ท้อง แล้วนางก็เซไปข้างหลังด้วยความเจ็บปวด พลางกุมท้องของตัวเองแล้วกรีดร้อง “กรี๊ดดดดด!”
“หวงเยว่ เจ้าเป็นไรไหม!?” เมื่อภูตชายที่อยู่ข้าง ๆ เห็นว่าหญิงสาวได้รับบาดเจ็บ เขาจึงเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
ยามนี้ใบหน้าของหงส์สาวเปลี่ยนเป็นสีซีดเพราะเจ็บจนจุก นางรู้สึกว่าลำไส้ของตนเหมือนจะแตก และนางก็ได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจ
ไอ้ลูกหมาตัวนี้ควรจะตายตั้งแต่อยู่ในเผ่านั้น!
ปัจจุบันยังมีคนอื่นอยู่ในเหตุการณ์ด้วย นางจึงทำได้เพียงส่ายหัวตอบคำถามของชายคนนั้น
“ข้าไม่เป็นไร เขาคงไม่ได้ตั้งใจ อย่าทำร้ายเขา...”
ทันทีที่นางกล่าวจบ ภูตหนุ่มก็พูดขึ้นมาว่า
“จริงสิ ข้าลืมบอกไป เด็กคนนี้อารมณ์ร้ายและจะทำร้ายคนอื่น เจ้าต้องระวังตัวด้วย”
“หรือจะให้หูเจียวเจียวรับเขาไปเลี้ยงดี? ข้าจำได้ว่าเด็กคนนี้ไม่ขัดขืนในตอนที่นางเข้าใกล้เขาเมื่อวานนี้”
หวงเยว่ที่ได้ยินเช่นนั้นโกรธมากจนขบฟันแน่น แต่นางก็ยังหันไปพูดกับเขาอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ข้าทำได้”
หงส์สาวพูดจบแล้วก็ตั้งท่าจะเดินไปหาหยินชางอีกครั้ง ทว่านางถูกดวงตาที่ดุร้ายของเด็กหนุ่มจ้องเขม็ง ทำให้นางหวาดกลัวและถอยหลังไป 2 ก้าวโดยไม่กล้าเข้าใกล้อีกฝ่าย