ตอนที่ 204: เตรียมยาพิษ
ตอนที่ 204: เตรียมยาพิษ
หลังจากเซี่ยเฟยได้รับพิษของเซราฟิมเรียบร้อยแล้ว เขาก็โดยสารยานเอเรสมุ่งหน้ากลับไปยังดาวเฮกสตาร์
ระหว่างทางเซี่ยเฟยขังตัวเองเอาไว้ภายในห้องโดยใช้ประโยชน์จากการเดินทางช่วง 8 ชั่วโมงนี้ในการเตรียมพิษเอาไว้ให้พร้อม ท้ายที่สุดฉินหมางก็กำลังตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นการเตรียมความพร้อมให้เร็วขึ้นเพียงแค่ 1 นาทีก็อาจจะส่งผลชี้เป็นชี้ตายชีวิตของชายชราในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ได้
ด้านหน้าของชายหนุ่มมีขวดแก้วเรียงเป็นแถวอยู่อย่างเป็นระเบียบ โดยด้านในของขวดแก้วแต่ละขวดเป็นของเหลวสีดำสนิทที่ส่งกลิ่นเหม็นออกมาตลอดเวลา
ชายหนุ่มค่อย ๆ เทพิษลงในเครื่องสกัดเพื่อให้พิษมีความบริสุทธิ์ ซึ่งโดยปกติพิษของเซราฟิมก็มีความร้ายแรงถึงชีวิตอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าหลังจากเขาได้ทำการสกัดพิษชนิดนี้มันจะทำให้ยาพิษที่ถูกผลิตออกมามีความน่ากลัวถึงระดับไหน
อย่างไรก็ตามหากพวกเขาต้องการที่จะระงับพิษภายในร่างกายของฉินหมาง พวกเขาก็จำเป็นจะต้องใช้พิษที่รุนแรงกว่า การสกัดสารพิษจึงเป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้พิษรุนแรงขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย
เซี่ยเฟยเคยสกัดวัตถุดิบสำหรับการปรุงน้ำยาเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาทำการสกัดสารพิษระดับสูง โชคดีที่เขาเป็นนักปรุงยาที่มีประสบการณ์ประกอบกับวิธีการปรุงยาของอันธเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ มันจึงทำให้กระบวนการสกัดเป็นไปอย่างราบรื่น
หลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มก็เก็บขวดพิษบริสุทธิ์เข้าไปในแหวนมิติ ซึ่งถ้าหากพิษภายในขวดนี้ไหลซึมออกมามันก็อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างไม่สามารถจินตนาการได้ เขาจึงค่อย ๆ ทำทุกอย่างอย่างระมัดระวัง
ขณะเดียวกันเครื่องสกัดที่นำมาใช้สกัดสารพิษพวกนี้ก็ไม่สามารถที่จะนำมาใช้การได้อีก เซี่ยเฟยจึงใช้ผ้าห่อเครื่องเอาไว้อย่างระมัดระวังและเก็บพวกมันเอาไว้เป็นอย่างดีเพื่อจะนำเครื่องพวกนี้ออกไปทิ้งในภายหลัง
เมื่อจัดการธุระทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเซี่ยเฟยก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกับถอดหน้ากากกรองอากาศออกไป จากนั้นชายหนุ่มก็จุดบุหรี่เพื่อคลายความเครียดพร้อมกับนำผลเนตรนาคาออกมากินฟื้นฟูความเหนื่อยล้าในร่างกาย
ในระหว่างการต่อสู้ร่างกายของเขาก็ได้รับอาการบาดเจ็บเพียงแต่อาการบาดเจ็บนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาจากเซราฟิม แต่มันเป็นผลกระทบจากการที่เขาฝืนใช้เทคนิคดีม่อนแอคออกมา ซึ่งในระหว่างกระบวนการกลั่นเขาก็ได้สูดดมพิษของเซราฟิมเข้าไปเล็กน้อย มันจึงทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้าอยู่มากพอสมควร
ต่อมาเซี่ยเฟยก็ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงพร้อมกับหลับสนิทไปในเวลาเพียงแค่ไม่นาน โดยเขาตั้งใจจะใช้ช่วงเวลานี้ในการฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาอย่างรวดเร็ว เพราะทันทีที่เขากลับไปถึงดาวเฮกสตาร์เขาก็จะต้องใช้สมาธิในระหว่างการปรุงยา ซึ่งในขั้นตอนนั้นมันก็ไม่มีช่องว่างให้เขาผิดพลาดเลยแม้แต่นิดเดียว
ระหว่างที่ชายหนุ่มหลับสนิทมันก็มีเส้นใยสีเงินเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนยื่นออกมาจากพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขา ก่อนที่เส้นใยแปลกประหลาดพวกนี้จะได้เข้าไปเชื่อมต่อกับอวัยวะภายในทุกส่วนของร่างกาย
ในเวลาเดียวกันสารพิษสีดำก็เริ่มรวมตัวภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาอย่างช้า ๆ กลับกลายเป็นว่าพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเซี่ยเฟยกำลังชำระล้างพิษภายในร่างกายโดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัว!
อันธเฝ้าดูกระบวนการทุกอย่างนี้อย่างเงียบ ๆ ก่อนที่เขาจะกลับเข้าไปภายในสร้อยด้วยรอยยิ้ม และถึงแม้ว่ากระบวนการนี้จะเป็นกระบวนการที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เขาก็เริ่มคุ้นชินกับความแปลกประหลาดภายในร่างกายของเซี่ยเฟยแล้ว
กระบวนการทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่นานพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของชายหนุ่มก็กำจัดสารพิษในร่างกายของเขาได้จนหมด ซึ่งในกระบวนการนี้มันก็ดูเหมือนจะทำให้พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ถูกเปิดออกกว้างมากขึ้นกว่าเดิม
ในความเป็นจริงพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเซี่ยเฟยเปิดออกอย่างเต็มที่ก่อนที่เขาจะเข้าไปในดาวมรดกแล้ว ซึ่งหลังจากที่เขากลับมาดาวมรดกก็ไม่ได้มอบพลังพิเศษชนิดที่ 2 ให้กับเซี่ยเฟยเท่านั้น แต่มันยังมีอะไรบางอย่างที่ไม่รู้จักกำลังเปลี่ยนแปลงร่างกายของชายหนุ่มไปอย่างช้า ๆ ด้วย
เมื่อถึงเวลาที่เอเรสลงจอด เซี่ยเฟยก็ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความกระฉับกระเฉง ถึงแม้ว่าเขาจะนอนหลับพักผ่อนไปเพียงแค่ 2 ชั่วโมง แต่เขากลับรู้สึกสดชื่นราวกับว่าได้พักผ่อนมาเป็นเวลานาน
หลังชายหนุ่มเดินลงมาจากยาน เขาก็ได้พบกับหลิงเฟิงที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“พี่ใหญ่กับพี่รองอยู่ในโรงพยาบาลกับอาจารย์ ฉันเลยว่างมาหานายแค่คนเดียว” หลิงเฟิงกล่าว
“พี่สามหาของให้ผมได้ครบแล้วหรือยังครับ?” เซี่ยเฟยถามอย่างกระตือรือร้น
“ครบแล้ว ตอนนี้ของทุกอย่างอยู่ในห้องปิดกั้นสารเคมีของโรงงานที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล อาจารย์ถึงกับสั่งปิดโรงงานชั่วคราวและสั่งให้ผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 20 คนคอยคุ้มกันพื้นที่โดยรอบโรงงานนี้เอาไว้ เพื่อให้นายสามารถใช้โรงงานนี้ได้โดยไม่ถูกรบกวน” หลิงเฟิงกล่าว
“ขอบคุณมากครับ ว่าแต่คุณตาฉินหมางเป็นยังไงบ้าง?”
“อาการของผู้อาวุโสไม่ค่อยดีนัก เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเขาได้เข้าสู่อาการโคม่า หลังจากตื่นขึ้นมาผู้อาวุโสก็พูดชื่อขึ้นมา 2-3 ชื่อ ซึ่งชื่อของอาจารย์ก็อยู่หนึ่งในนั้นด้วย” หลิงเฟิงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“พวกเรารีบออกเดินทางกันเถอะ” เซี่ยเฟยไม่ออกความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับอาการของฉินหมาง แต่เขารีบเดินเข้าไปภายในรถที่จอดรออยู่ก่อนแล้วด้วยความเร่งรีบ
—
โรงงานอุตสาหกรรมเคมีบนดาวโลกมักที่จะปล่อยสารพิษออกมาจากโรงงานทำให้มันมีกลิ่นแปลก ๆ เล็ดลอดออกมาจากโรงงานตลอดเวลา แม้แต่พืชพรรณแม่น้ำในบริเวณนั้นก็อาจจะถูกปนเปื้อนไปด้วยสารเคมีที่มีพิษ
แต่โรงงานอุตสาหกรรมเคมีที่เซี่ยเฟยเดินทางมามีอากาศถ่ายเทที่สะดวกและไม่มีกลิ่นสารเคมีแปลก ๆ ในอากาศเลย ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีของพันธมิตรที่พัฒนาไปไกลกว่าดาวโลก
รถที่เซี่ยเฟยโดยสารมาหยุดอยู่ตรงหน้าอาคารเวิร์กช็อปสีขาว ด้านหน้าประตูของอาคารถูกเฝ้าเอาไว้ด้วยเจ้าหน้าที่จัสทิสในเครื่องแบบ 2 คน ซึ่งพวกเขาก็เปิดประตูให้เซี่ยเฟยและหลิงเฟิงด้วยใบหน้าที่จริงจัง
เมื่อประตูถูกเปิดออกมันก็มีข้อควรปฎิบัติสำหรับผู้เข้าไปในอาคารที่มีการป้องกันถึง 3 ชั้น โดยขั้นตอนแรกผู้เข้าไปในอาคารจะต้องสวมใส่ชุดป้องกันที่ปกปิดมิดชิด ขั้นตอนที่ 2 พวกเขาต้องเดินเข้าไปในห้องฆ่าเชื้อและพื้นที่ชั้นที่ 3 ถึงจะเป็นพื้นที่สำหรับการปฎิบัติการที่แบ่งแยกออกเป็นส่วน ๆ
เซี่ยเฟยพยักหน้าส่งสัญญาณให้หลิงเฟิง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปภายในห้องเวิร์กช็อปตามลำพัง ขณะที่พวกหลิงเฟิงและเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ขอยืนเฝ้าอยู่ที่ประตู
“เปิดพื้นที่ชั้นที่ 2 ได้” เซี่ยเฟยพูดผ่านระบบสื่อสารหลังจากที่เขาได้สวมใส่ชุดป้องกันเรียบร้อยแล้ว
คลื่น! วิ้ง! ฟู่!
ประตูห้องฆ่าเชื้อเปิดออกอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะมีลำแสงทำลายเชื้อโรคและสปริงเกอร์จำนวนนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทุกชนิด เพื่อทำความสะอาดทั่วทั้งร่างของชายหนุ่ม
หลังจากผ่านกระบวนการที่ยุ่งยากไปประมาณ 5 นาที ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้เดินเข้าไปในพื้นที่ชั้นสุดท้ายซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับปฏิบัติการ
พิษของเซราฟิมมีความอันตรายถึงชีวิต แม้แต่พิษที่หยดลงบนพื้นเพียงแค่หยดเดียวก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อคนบริเวณโดยรอบได้เลย ดังนั้นทูรามจึงได้เตรียมห้องปฏิบัติการที่มิดชิดขนาดนี้เอาไว้ให้กับเขา
ชายหนุ่มมองไปยังชุดเครื่องมือทุกชนิดภายในห้อง ก่อนจะเห็นวัตถุดิบที่จำเป็นถูกวางเอาไว้บนโต๊ะจนครบหมดแล้ว โดยวัตถุดิบพวกนี้ถูกจัดวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบทำให้เซี่ยเฟยสามารถหยิบจับทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย
“เอาล่ะ พวกเรามาเริ่มกันเถอะ!”
—
นอกห้องทดลองหลิงเฟิงเพิ่งได้รับการติดต่อมาจากทูราม
“เซี่ยเฟยกำลังทำอะไรอยู่?”
“ดูเหมือนว่าเขากำลังจะปรุงยาอะไรสักอย่างครับ” หลิงเฟิงรายงานหลังจากมองการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยผ่านกล้องวงจรปิด
ในความเป็นจริงทูรามก็พอจะเดาตั้งแต่แรกแล้วว่าเซี่ยเฟยคงจะทำการปรุงน้ำยาอะไรสักอย่าง เพียงแต่การเอาพิษของเซราฟิมมาเป็นส่วนผสมของน้ำยาทำให้เขารู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย เพราะเขาไม่เคยได้ยินว่ามันมีน้ำยาชนิดไหนต้องใช้พิษของเซราฟิมเป็นส่วนผสมด้วย
ถึงแม้เขาจะโทรหาผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงยาภายในพันธมิตรแล้ว แต่นักปรุงยาที่มีชื่อเสียงทุกคนต่างก็ไม่เคยได้ยินน้ำยาที่ใช้พิษของเซราฟิมเป็นส่วนผสมมาก่อนเลย ทูรามจึงส่งหลิงเฟิงมาสังเกตการณ์การปรุงยาของเซี่ยเฟย
สัญญาณวิดีโอจากกล้องวงจรปิดถูกแชร์ไปยังระบบสื่อสารของทูราม ก่อนที่ชายชราจะได้เห็นเซี่ยเฟยทำการปรุงยาอย่างลื่นไหล ซึ่งมันหมายความว่าชายหนุ่มคนนี้มีประสบการณ์ในการปรุงยามาอย่างโชกโชน
ถึงแม้ว่าทูรามจะปรุงยาไม่เป็นแต่เขาก็พอจะมีความรู้ในเรื่องนี้อยู่บ้างว่าทุก ๆ ขั้นตอนของการปรุงยาจำเป็นจะต้องจับเวลาอย่างแม่นยำ แม้แต่อัตราการไหลของน้ำยาที่ถูกเทเข้าใส่ภาชนะก็จำเป็นจะต้องถูกควบคุมอย่างเข้มงวด
“เซี่ยเฟยเชี่ยวชาญเรื่องปรุงยาด้วยเหรอเนี่ย?” ทูรามพึมพำกับตัวเอง ซึ่งหลังจากเขาคิดเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดกับหลิงเฟิงขึ้นมาว่า
“นายอยู่ตรงนั้นคอยระวังให้เซี่ยเฟยไปก่อน แต่อย่าเข้าไปรบกวนเขาอย่างเด็ดขาด”
“ได้ครับ” หลิงเฟิงกล่าวด้วยความเคารพ
แม้ว่าภายในใจของเซี่ยเฟยจะกระวนกระวายมากแค่ไหน แต่ชายหนุ่มก็ทำการปรุงยาทุกขั้นตอนอย่างระมัดระวัง เพราะแม้แต่ความผิดพลาดในระหว่างกระบวนการเพียงแค่เล็กน้อย มันก็อาจจะส่งผลกระทบทำให้การผลิตน้ำยาตามสูตรของอันธล้มเหลวได้
อันธยืนมองดูการปรุงยาของเซี่ยเฟยด้วยความเคร่งเครียด แต่หลังจากที่ของเหลวหลากสีสันได้รวมตัวเข้าด้วยกัน เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความผ่อนคลาย
ยาพิษชนิดนี้เป็นน้ำยาที่เขาเพิ่งทำการคิดค้นขึ้นมาเท่านั้น แต่มันยังไม่เคยมีใครทดลองปรุงน้ำยาชนิดนี้ขึ้นมาก่อนเลย ดังนั้นภายในใจของอันธจึงค่อนข้างที่จะรู้สึกกังวล
ในที่สุดวัตถุดิบทั้ง 17 ชนิดก็ได้หลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ ก่อนที่มันจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างคาดไม่ถึง
จู่ ๆ มันก็มีฟองสีน้ำตาลเล็ก ๆ เป็นจำนวนมากค่อย ๆ ผุดขึ้นมาจากขวดน้ำยา ซึ่งมันเป็นสัญญาณว่าคุณสมบัติทางยาของน้ำยาภายในขวดกำลังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
เซี่ยเฟยจ้องมองน้ำยาตรงหน้าอย่างระมัดระวังและรอจนกระทั่งมันไม่มีฟองอากาศเหลืออยู่แล้ว ก่อนที่เขาจะกดนิ้วลงบนเครื่องเพื่อให้เครื่องผสมหยุดการทำงานอย่างช้า ๆ
ชายหนุ่มทำการปิดผนึกขวดน้ำยาภายในมือ ก่อนที่เขาจะรีบออกไปจากห้องปฏิบัติการ
“ว่าไงบ้าง? นายทำสำเร็จไหม?” หลิงเฟิงถามหลังจากเซี่ยเฟยเดินออกมาด้านนอก
“ครับ” เซี่ยเฟยพยักหน้ารับแต่สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายความตึงเครียดเลยแม้แต่น้อย เพราะท้ายที่สุดน้ำยาชนิดนี้ยังไม่เคยผ่านการทดลอง ดังนั้นเขาจึงยังไม่สามารถสรุปผลลัพธ์ของน้ำยาชนิดนี้ได้
“น้องชายนายปรุงยาอะไรขึ้นมากันแน่?” หลิงเฟิงถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะครับ ตอนนี้ช่วยส่งผมไปที่โรงพยาบาลก่อน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับโบกมือไปมา
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลโดยถือน้ำยาที่กำหนดชีวิตและความตายของฉินหมางเอาไว้ในมือ
***************