บทที่ 94 - กลับไปที่โรงเรียน
เช้าตรู่วันต่อมา ผมเดินเล่นอยู่หน้าบ้านตอนที่อ้าวเต๋อวิ่งเข้ามา “นายรอไม่ไหวเลยหรือไง? แล้วลั่วหยูล่ะ?” ผมถามเขายิ้ม ๆ
อ้าวเต๋อหายใจแรง ก่อนจะบอกว่า “ฉันแค่จะวิ่งมาบอกนายเอาไว้ก่อน ว่าให้รอพวกฉันด้วย อย่าเพิ่งเริ่มสอนโดยไม่มีพวกฉัน! เดี๋ยวฉันต้องรีบไปรับลั่วหยูมาจากในเมือง แล้วจะรีบกลับมา! นายค่อยเริ่มสอนตอนพวกเรามาถึงได้มั้ย?”
“ได้เลย! นายรีบไปเถอะ แล้วฉันจะรอ”
ผมมองตามอ้าวเต๋อวิ่งออกไป ได้แต่ส่ายหัวอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร การมีคนรักนี่มันดูเหมือนจะเหนื่อยจริง ๆ ยิ่งอย่างนี้ยิ่งทำให้ผมตัดสินใจได้ ผมจะไม่ตามจีบผู้หญิงสวย ๆ แน่นอน เพราะนั่นน่าจะทำให้เหนื่อยมากขึ้นไปอีก
“จางกง! มากินข้าวเช้า! มีใครมาหรือเปล่า?” เสียงแม่เรียกออกมาจากในบ้าน
“มาแล้วครับ! อ้าวเต๋อมาบอกว่าเขาจะไปรับลั่วหยูก่อน ให้ผมรอพวกเขาด้วย” ระหว่างที่ผมพูด ผมรีบเดินกลับเข้าไปในบ้าน อาหารเช้าวันนี้ดูหรูหรามาก นม ไข่ดาว หมั่นโถว และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง
“มาก่อนก็ได้กินก่อน” ผมคว้าหมั่นโถวทอดยัดเข้าปาก หวา!! มันยังร้อนอยู่เลยนี่!
“กินช้า ๆ ไม่มีใครแย่งลูกกินหรอก”
หลังจากที่พวกเรากินอาหารเช้าเสร็จ พวกของอ้าวเต๋อก็มาถึงพอดี ผมถามพวกเขา “พวกนายกินข้าวเช้ากันมาหรือยัง? อยากกินอะไรก่อนมั้ย?
ลั่วหยู่รีบบอก “พวกเรากินกันมาแล้ว! อ้าวเต๋อพูดตลอดว่านายเก่งเวทย์มนต์มาก รีบเริ่มสอนเถอะ ฉันอยากเรียนแล้ว”
“เธอนี่รีบร้อนกว่าอ้าวเต๋ออีกนะ เอาล่ะ!”
พวกเราพากันออกไปที่สวน ผมเริ่มบทเรียน “เอาล่ะ! พวกเราจะเรียนเวทย์มนต์แสงกัน ขั้นแรก! ถ้าเราต้องการที่จะใช้เวทย์มนต์แสง พวกเราต้องรู้วิธีการรวบรวมธาตุแสงที่อยู่รอบตัว ธาตุแสงเป็นธาตุเวทย์มนต์ที่รักความสงบ เป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่และความถูกต้อง ตอนที่เราต้องการรวบรวมธาตุแสง พวกเราต้องไม่ออกคำสั่งพวกเขา เราต้องคุยกับพวกเขา ธาตุแสงเป็นเพื่อน....”
ผมเริ่มสอนพวกเขาให้ฝึกเวทย์มนต์แสงด้วยวิธีนี้ อันที่จริงแล้ว! อ้าวเต๋อไม่อยากมาเรียนกับผมเท่าไร ดูเหมือนว่าค่ายกลถุงทรายยังประทับอยู่ในใจของเขา อย่างไรก็ตาม ลั่วหยูบังคับให้เขาต้องมาเรียนด้วยกัน เขาจะมีทางเลือกอื่นอีกหรือ นอกจากรวบรวมความกล้าหาญที่มีมาร่วมฝึกด้วย หลังจากผ่านการเรียนไปหลายวัน เขาถึงวางใจว่าไม่มีการฝึกโหด ๆ แล้ว เขาค่อย ๆ เรียนรู้อย่างสบายใจขึ้น
หลังจากผ่านไป 1 เดือน ผมสอนให้พวกเขารวบรวมธาตุแสงได้สำเร็จ และเริ่มสอนเวทย์แสงระดับพื้นฐานให้กับพวกเขา พร้อมกับเขียนคำร่ายของเวทย์ระดับกลางทิ้งไว้ให้พวกเขาศึกษากันเองในภายหลัง
ใช่แล้ว! มันถึงเวลาต้องเดินทางแล้ว ผมต้องแยกจากพวกเขาอีกครั้ง
“พ่อครับ! แม่ครับ! ดูแลตัวเองด้วยนะครับ! แล้วเดี๋ยวตอนวันหยุด ผมจะกลับมาเยี่ยมบ้าน! พวกพ่อกับแม่ต้องอย่าลืมฝึกเวทย์แสงด้วยล่ะ ผมจะตรวจสอบความก้าวหน้าตอนที่ผมกลับมาด้วย! พ่อครับ! ผมทิ้งเหล้าของเอลฟ์เอาไว้ให้พ่อขวดหนึ่งนะ ค่อย ๆ ดื่มช้า ๆ ล่ะ หมดแล้วหมดเลยนะครับคราวนี้ ไม่มีอีกแล้ว!” ตอนแรกดูเหมือนว่าพวกเขาจะซึม ๆ ที่ผมจะต้องจากไป แต่พอเห็นเหล้าแล้ว! เฮ้อ!! สายตาของพ่อเป็นประกาย แม่ผมถึงกับถาม “ลูก! ยังมีเหลืออีกมั้ย? ให้แม่เอาไว้ขวดหนึ่งด้วยก็ดี” ผมนำสุรากลับมาจากเผ่าเอลฟ์ทั้งหมด 5 ขวด ดื่มไปแล้วขวดหนึ่ง ให้พ่อไปขวดหนึ่ง ดังนั้นตอนนี้ผมเหลืออยู่แค่ 3 ขวดแล้ว ผมตัดสินใจอยู่นานพอสมควร แล้วก็หยิบออกมายื่นให้แม่ของผมขวดหนึ่ง “นี่เป็นขวดสุดท้ายแล้วครับ แม่ต้องค่อย ๆ ดื่มนะ”
แม่ของผมเก็บมันไว้อย่างดีใจ แล้วหันไปมองขู่พ่อ “พวกเราดื่มของใครของมันเลยนะ ห้ามมาขโมยของฉันเด็ดขาด!” เห็นแม่ตัวเองตกหลุมรักรสชาติของเหล้าเอลฟ์ขนาดนั้น ผมคิดว่าอาจจะเป็นเพราะมันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกฝน และแน่นอน ช่วยรักษาความเยาว์วัยได้
ผมมองดูพวกเขาตื่นเต้นกับเหล้าเอลฟ์ขนาดนี้ ผมไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี พวกเขาไม่สนใจลูกตัวเองแล้ว ผมเสียงดังเลยที่บอกกับพวกเขาอีกครั้ง “ผมจะไปจริง ๆ แล้วนะ!!”
พ่อของผมเพียงแค่โบกมือให้ “ไป! ไปเถอะ” เฮ้อ!!! ผมได้แต่ยิ้มขื่น ๆ ก่อนที่จะหันตัวกลับ แล้วเริ่มออกเดินทางไปเมืองหลวง
พวกเขามองผมเดินจากไป สบตากัน ก่อนที่พ่อของผมจะพูด “เด็กโง่เอ้ย!” แม่เอามือมาคล้องกับแขนของพ่อไว้ “เห็นเขาไปด้วยท่าทางแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นฉันคงจะเศร้ามากกว่านี้” ความคิดที่ว่าเธอจะไม่ได้เห็นลูกชายอีกอย่างน้อย ๆ ก็เกือบปี ตาของเธอเริ่มจะแดง ๆ แล้ว
ส่วนพ่อเริ่มพูดอย่างเจ้าเล่ห์ “เอาอย่างนี้เป็นไง? เอาเหล้ามาให้ผม แล้วเดี๋ยวผมพาไปเมืองหลวง ไปหาลูกด้วยกัน ดีมั้ย?”
แม่ของผมรีบซ่อนขวดเหล้าอีกครั้งทันที “ไม่มีทาง! จะไปรบกวนการเรียนของลูกทำไม! ปล่อยให้ลูกตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่เถอะ”
ออกมาจากเมืองเซินเคอ ผมก็เดินชื่นชมธรรมชาติมาเรื่อย ๆ มันเกือบจะ 2 ปีแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้อาจารย์ตี้เป็นอย่างไรบ้าง ผมเดินผ่านเข้ามาในป่าแห่งหนึ่ง พอดูแล้วว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณรอบ ๆ ผมก็หยิบเอาหนังสือผังเวทย์ออกมา ผมจำสิ่งที่อาจารย์ตี้เคยบอกเอาไว้ได้ ตอนที่พวกเราแยกกัน เขาบอกผมว่าสามารถใช้ผังเวทย์ในหนังสือเล่มนี้เพื่อกลับไปที่โรงเรียนได้ ของอย่างนี้มันต้องลอง!!
ผมค่อย ๆ เริ่มวาดผังเวทย์มนต์อย่างระมัดระวัง บรรจงวาดแต่ละเส้นอย่างตั้งใจ ผมไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดขึ้น ไม่อย่างนั้นมันจะเปลี่ยนจุดหมายของผมไปไกลโพ้นแน่ ๆ
ใช้เวลาไปสองวันกว่าที่ผังเวทย์มนต์จะเสร็จสมบูรณ์ ผมสร้างผังลับขึ้นมาอีกอย่างและซ่อนมันไว้ในผังเวทย์มนต์นี้ แน่นอนผมมีเป้าหมายอยู่! อย่างแรกก็เพื่อให้ผมใช้ผังเวทย์นี้ได้คนเดียว อย่างต่อมาคือเมื่อผมร่ายเวทย์ย้อนกลับ ผมสามารถเคลื่อนย้ายกลับมาที่นี่ได้อีกครั้ง ผมทิ้งผังเวทย์แบบเดียวกันไว้ที่เผ่าเอลฟ์ด้วย ผมถึงกระทั่งผูกความเชื่อมโยงทางจิตไว้กับพวกมันด้วย ด้วยวิธีพิเศษนี้ ผมจะสามารถรับรู้สถานการณ์ที่นั่นได้ถ้าผมต้องการ เป้าหมายหลักก็เพื่อให้ผมสามารถกลับไปได้ทันที ถ้าพวกเขาถูกโจมตีจากเผ่าเอลฟ์มืด
ผมตรวจสอบผังเวทย์อย่างละเอียดอีกครั้ง เมื่อไม่พบว่ามันมีความผิดปกติอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามอย่างที่มันควรจะเป็น ผมเข้าไปยืนอยู่ตรงกลางของผังเวทย์ แล้วเริ่มร่ายเวทย์ “ด้วยพลังเวทย์ของข้าเป็นดังสื่อกลาง ข้าขอบัญชา เคลื่อนมิติย้ายเวลา!” ในทันทีทันใด! ร่างของผมถูกดูดหายไปในผังเวทย์มนต์ ผังเวทย์เปล่งแสงสีเข้มออกมา ก่อนที่จะหายไปจากพื้นดิน
ผมใช้พลังเวทย์ของตัวเองทำให้การเคลื่อยย้ายครั้งนี้มั่นคงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยระดับพลังเวทย์ของผมตอนนี้ การควบคุมผังเวทย์มนต์ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
แสงสีขาวเรืองขึ้นมา! ผมปรากฏตัวขึ้นมาใจกลางแสงนั้น ที่นี่คือสวนด้านหลังของโรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์หลวง ไม่ใช่ว่านี้อยู่ใกล้ ๆ บ้านพักของอาจารย์ตี้หรอกเหรอ? แสดงว่าเขาวางผังเวทย์มนต์อีกข้างไว้ที่นี่ เป็นอย่างนี้ก็ดี มันช่วยลดความยุ่งยากบางอย่างได้เยอะ
ผมเพิ่งจะขยับตัวเพื่อเดินไปที่บ้านพักของอาจารย์ ประตูบ้านพักเปิดขึ้น ร่างของอาจารย์ตี้ที่ดูคุ้นเคยปรากฏขึ้น ผมรีบเร่งเข้าไปหาเขา คุกเข่าลงตรงหน้าแล้วทักทาย “อาจารย์ครับ! ผมกลับมาแล้ว”
อาจารย์ตี้ดึงตัวของผมให้ยืนขึ้น “พออาจารย์รู้สึกว่ามีพลังเวทย์ผันผวนอยู่ อาจารย์ก็เดาว่าน่าจะเป็นเธอที่กลับมา เลยรีบออกมาดู กลายเป็นว่าเธอกลับมาจริงๆ! มา! เข้าบ้านกันก่อน”
ผมเล่าเรื่องการเดินทางของผมให้เขาฟังรวดเดียวจบ มันใช้เวลาไปมากกว่า 3 ชั่วโมง หลังจากที่อาจารย์ตี้ได้ยินสิ่งที่ราชาเทพบอกเกี่ยวกับการบรรลุระดับมหาเมธีเวทย์ ที่ต้องให้ร่างกายเต็มไปด้วยดวงเวทย์สีทอง เขาตัวสั่นไปด้วยความตื่นเต้น
“ดูเหมือนว่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเธอมาก ไม่เพียงแต่เธอจะทำภารกิจที่อาจารย์มอบหมายให้ได้สำเร็จ แต่ตอนนี้เธอยังบรรลุระดับเมธีเวทย์ได้แล้วจริง ๆ ดูเหมือนว่าอาจารย์จะไม่มีอะไรสอนเธอแล้ว เธอวางแผนอนาคตไว้อย่างไรบ้าง?”
ผมตอบเขาอย่างระมัดระวัง “ผมวางแผนเอาไว้แบบนี้ครับ เข้าเรียนที่สถาบันเวทย์มนต์ระดับสูงก่อน เรียนอยู่ที่นั่นสัก 2-3 ปี ถึงแม้ว่าผมอาจจะไม่ได้เรียนรู้อะไรมากที่นั่น แต่บรรยากาศของที่นั่นน่าจะช่วยในการฝึกฝนของผมได้ ด้วยวิธีนี้ ผมจะสามารถเตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการต่อสู้กับราชามารได้ด้วย อย่างไรเสียพวกเราต้องเผชิญหน้ากับราชามารอยู่แล้วในอนาคต พวกเราต้องกำจัดเขา!”
“ได้! เอาตามนั้นก่อน! เดี๋ยวอาจารย์จัดการเรื่องพวกนี้ให้เธอเอง เธอพักผ่อนก่อนสัก 2-3 วัน แล้วค่อยไปที่สถาบันเวทย์มนต์หลวง” อาจารย์ตี้เห็นด้วยกับแผนของผม