ตอนที่แล้วบทที่ 92 - กลับบ้าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 94 - กลับไปที่โรงเรียน

บทที่ 93 - บ้านอันแสนอบอุ่น


หลังจากที่แม่ของผมได้ยินว่าผมยังต้องเดินทางออกหาประสบการณ์อีก เธอเริ่มตื่นตระหนกอีกแล้ว “ยังต้องเดินทางไกลอีกเหรอ? แค่ครั้งนี้แม่ก็เป็นห่วงแทบตายแล้ว แม่กลัวมากว่าลูกจะเจอเข้ากับเรื่องอันตราย ลูกต้องไปจริง ๆ เหรอ?”

ผมต้องกอดเธอไว้ แล้วปลอบเธอ “แม่! ถึงแม้ว่าผมจะต้องเดินทางอีกครั้ง แต่มันก็เป็นเรื่องของอีกตั้ง 2-3 ปีข้างหน้าโน่น พวกเรายังไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง พวกเราวางแผนล่วงหน้าไม่ได้หรอกครับ บางทีมันอาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ได้” เธอเริ่มใจเย็นลงบ้างแล้ว “เอาเถอะ! ไม่พูดแล้ว! ลูกคุยกับพ่อไปก่อน แม่จะไปทำกับข้าวก่อน”

“แม่ครับ ทำเพิ่มอีก 2-3 อย่างนะครับ ผมเรียกอ้าวเต๋อมากินข้าวเย็นด้วยกัน”

“ได้! เดี๋ยวแม่ทำให้”

หลังจากที่แม่เดินเข้าครัวไป ผมหันมาคุยกับพ่อ “พ่อครับ! เดี๋ยวตอนผมเข้าเรียนที่สถาบันเวทย์มนต์หลวงแล้ว ผมกลัวว่าผมต้องออกเดินทางจริง ๆ แล้วคราวนี้น่าจะต้องไปนานด้วย” ผมเริ่มเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับภารกิจที่ราชาเทพมอบหมายให้กับพวกเรา

พ่อของผมถอนหายใจไม่รู้กี่ครั้ง ก่อนจะกล่าว “ลูกพ่อ! เพื่อโลกที่อาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขหรือ? เอาเถอะ! ไปเลย! ลูกไม่ต้องเป็นห่วงพ่อกับแม่ ถ้าลูกสามารถได้รับการสืบทอดจากพระเจ้า พวกเราจะภูมิใจกับลูกมาก”

ผมซึมลงเล็กน้อย สะอื้นนิด ๆ “พ..พ่อ! ขอบคุณครับที่เข้าใจ”

จากนั้นผมเปิดกระเป๋าเก็บของมิติแล้วหยิบถุงใส่เงินออกมา “อาจารย์ตี้ให้ผมไว้เพื่อใช้จ่ายระหว่างการเดินทาง ผมไม่ค่อยได้ใช้มันมากนัก ผมจะแบ่งไว้ให้พ่อกับแม่บ้างนะครับ”

พ่อของผมยิ้มกว้าง “ดี ๆ ดีมาก! จางกงเป็นเด็กกตัญญูแล้ว รู้จักให้เงินพ่อแม่แล้ว ฮ่าฮ่า!” แต่ตอนที่เขาเปิดถึงออกดูจำนวนเงิน เขาถึงกับอ้าปากค้าง ในนั้นมันเหมือนกับหีบสมบัติแหละ มีเหรียญเพชรส่องประกายแวววาวอยู่เต็มถุง

“โว้!!! ทำไมมันเยอะขนาดนี้! ลูกเก็บเอาไว้ใช้เองเถอะ”

“ผมยังมีอยู่ที่ตัวอีกเกือบ 500 เหรียญ พ่อกับแม่ไม่ต้องกังวล เอาเงินนี่ไว้ใช้ได้เลย แล้วเลิกขี้เหนียวได้แล้ว”

เสียงของอ้าวเต๋อดังเข้ามาพอดี เขามาถึงหน้าบ้านแล้ว “จางกง! ฉันมาแล้ว! ออกมาเปิดประตูให้หน่อย”

“เข้ามา!” ผมออกไปเปิดประตูแล้วพาอ้าวเต๋อกับลั่วหยูเข้ามาในบ้าน

อ้าวเต๋อทักทาย “สวัสดีครับ คุณลุง”

“ดี! มาเยี่ยมกันก็ดีแล้ว มา! เข้ามานั่งกันก่อน อ้อ! ลั่วหยูมาด้วยเหรอ? นั่งก่อน ๆ” พ่อของผมถามด้วยรอยยิ้ม

ลั่วหยูหน้าแดงนิด ๆ ตอนที่ทักทายกลับ “สวัสดีค่ะ คุณลุง”

พ่อส่งเสียงหัวเราะ “สวัสดี! เสี่ยวลั่วหยู เธอนี่ก็ดูสวยขึ้นทุกวันเลยนะ”

ผมต้องถามอย่างสงสัย “พ่อ! พ่อเคยเจอเธอมาก่อนเหรอครับ?”

“แน่นอน! แถมเจอบ่อยด้วย! ก็ทุกวันสองคนนี้จะเดินคู่กันอยู่ตลอด พวกคนในหมู่บ้านเห็นเธอ รู้จักเธอกันทุกคนนั่นแหละ ฮ่าฮ่า” พ่อของผมพูด

ตอนนี้แม่เริ่มนำอาหารเข้ามาวางที่โต๊ะแล้ว “ใช่! ลูกดูอ้าวเต๋อสิ! มีแฟนสวยเชียว แล้วเมื่อไหร่ลูกจะพากลับมาให้แม่เห็นบ้างสักคน?”

“ผมก็อยากพามาอยู่นะ แต่มันหาไม่ได้นะสิ ผมไม่ได้หล่อเหมือนอ้าวเต๋อนะ ใครจะยอมมากับผม?”

“แม่ไม่ได้จะให้ลูกหาผู้หญิงที่สวยมาก ๆ เสียหน่อย แค่ดูแลลูกได้ดี ก็ถือว่าเป็นคนสวยแล้ว แค่นั้นแม่ก็พอใจแล้ว” แม่ของผมกดดันเข้าใส่ผม

ผมได้แต่ยิ้ม ก่อนตอบ “ผมก็คิดเหมือนกันนั่นแหละครับ แต่ว่า! ผมอยากหาแค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ ผมเคยเจอผู้หญิงสวย ๆ นะ แม่รู้มั้ย? พวกเธอนิสัยไม่ดีเลยล่ะ รับมือยากมาก!”

อ้าวเต๋อเถียงออกมาทันที “ใครบอก!! นายลองดูลั่วหยูนี่สิ เธอออกจะนิสัยดี เอาใจง่ายจะตาย” ลั่วหยูหน้าแดง พูดอะไรไม่ออก

ผมได้แต่พยายามจะทำเสียงเข้มเข้าใส่เขา “นั่นมันเป็นเพราะนายโชคดี! มาเลย! รีบมาช่วยฉันเข้าไปยกอาหารกัน!”

ทุกคนเริ่มขยับตัวมาช่วยกัน ไม่นานบนโต๊ะก็เต็มไปด้วยของกินแล้ว พวกเราเริ่มกินกันอย่างมีความสุข ผมเอาเหล้าของเผ่าเอลฟ์ออกมา ท่ามกลางสายตาที่มองอย่างสงสัยของทุกคน

ผมพยายามพูดให้ดูลึกลับ “นี่เป็นสุราผลไม้หอมของเผ่าเอลฟ์ธรรมชาติ มันหายากมาก ผมต้องทำอะไรให้พวกเขาตั้งหลายอย่าง กว่าที่เขาจะมอบมาให้เป็นของขวัญ! ทุกคนลองชิมดู” ผมเริ่มรินใส่แก้วเล็ก ๆ ให้กับทุกคน กลิ่นของมันหอมฟุ้งกระจายออกไปทั่วบ้าน

ทุกคนมองแก้วที่ตั้งอยู่ตรงหน้าอย่างสงสัย พ่อของผม ที่เป็นนักดื่มคนหนึ่ง เอ่ยปาก “นี่เป็นเหล้าที่ดีจริง ๆ แค่ได้กลิ่นก็รู้แล้ว หอมมาก!”

“รสชาติของมันยังเยี่ยมกว่ากลิ่นอีก รีบ ๆ ลองเลย!” เป็นไปตามที่คาด เหล้าของเอลฟ์สะกดทุกคนเอาไว้ได้ แค่ในเวลาไม่นาน เหล้าทั้งขวดก็หมดลง พวกเขาเรียกร้องที่จะดื่มอีก แน่นอน! ผมโกหกพวกเขาว่าผมมีแค่ขวดเดียว

พอไม่มีเหล้าแล้ว! แม่ของผมวกกลับไปหยิบเอาเรื่องเดิมมากดดันผม “จางกง! คราวนี้ตอนที่ลูกกลับไปเรียนที่สถาบัน ลูกต้องพาคนรักกลับมาให้แม่ดูให้ได้ ห้ามมีข้ออ้างเด็ดขาด ถ้าไม่พามา! แม่ไม่ยกโทษให้แน่ ๆ ตอนนี้ลูกอายุเกือบ 20 แล้ว คนอื่นเขาเริ่มแต่งงานกันตั้งแต่อายุ 18-19 แล้ว แต่ลูกยังหาคนรักไม่ได้เลย!”

ผมหันไปมองหน้าพ่อเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่กลายเป็นว่า “เรื่องนี้! พ่อช่วยลูกไม่ได้หรอก พ่อก็อยากให้ลูกแต่งงานเร็ว ๆ เหมือนกัน จะได้มีหลานให้พ่อเร็ว ๆ ฮ่าฮ่า” ได้ยินพ่อพูดย้ำมาอีก เฮ้อ! ผมได้แต่นั่งนิ่ง ๆ

“ได้ ๆ! คราวนี้ผมจะรีบหาลูกสะใภ้น่าเกลียด ๆ มาให้พ่อกับแม่สักคน!” ผมแกล้งตอบพวกเขา

แต่แม่กลับยิ้ม “ไม่มีปัญหา! แค่ไม่ขี้เหร่กว่าแม่ก็พอแล้ว!”

พ่อลดเสียงลง “พ่อขออย่างหนึ่ง อย่าหาคนที่เหมือนกับแม่ของลูกมานะ! ลูกต้องหาคนที่พูดน้อย ๆ หน่อย ไม่อย่างนั้นลูกต้องทนไปตลอดชีวิตเลยนะ”

แน่นอนคำพูดแบบนี้ไม่หลุดรอดไปจากหูของแม่ผมหรอก แม่หูดีจะตาย และแน่นอนพ่อจะตาย ฮ่าฮ่า! ตามคาด เสียงอันเกรี้ยวกราดดังออกมา “ทำไม! ฉันพูดมากหรือไง? ฉันนิสัยไม่ดีนักใช่มั้ย? ต้องทนอยู่ด้วยมากใช่มั้ย? ต่อไปซักเสื้อผ้าทำกับข้าวเองเลย ฉันไม่ทำให้แล้ว! ฉันดูแลอยู่ทุกวัน ไม่ชมก็ไม่ว่าอะไร ยังมาว่ากันอีกว่าฉันไม่ดี!!”

พ่อผมต้องร้องขอชีวิตแล้ว เขารีบระล่ำระลัก “ไม่! ไม่! ภรรยาของผมดีที่สุดในโลกแล้ว สวยที่สุด สุภาพที่สุด ฉลาดที่สุด และใจดีที่สุดเลย!! เธอเป็นภรรยาที่เป็นยอดเยี่ยม เป็นแม่ตัวอย่างเลย” อาการของพ่อทำให้พวกเราพากันหัวเราะ

แม่ยังไม่หยุด “ตาแก่น่าสมเพช!”

พ่อรีบเปลี่ยนเรื่อง “ลูกจะกลับไปเมืองหลวง กลับไปที่โรงเรียนเมื่อไหร่?” แม่ผมก็รีบหันมารอคำตอบ

ผมยิ้มให้พวกเขาก่อนตอบ “คราวนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนพ่อกับแม่ให้นานหน่อย น่าจะอยู่ได้เป็นเดือน หลังจากนั้นค่อยไปเมืองหลวง เป็นยังไงบ้างครับ ฟังดูดีมั้ยครับ?”

แม่ผมพยักหน้ารับรู้ ยิ้มหน้าบาน “ฟังดูดีมาก! คราวนี้อยู่ได้นานหน่อย ตอนนี้ปี ๆ หนึ่ง พ่อกับแม่อยู่กันสองคน มองหน้ากันเอง 300 กว่าวัน ลูกไม่รู้หรอกว่ามันเหงาอยู่เหมือนกันนะ”

คราวนี้เป็นทีของพ่อบ้าง “ทำไมเธอยังบอกว่าเหงาอีก ทำไม! มีผมอยู่ไม่พอหรือยังไง?”

แม่ยิ้ม “ฮ่าฮ่า! แล้วใครบอกให้พูดว่าฉันนิสัยไม่ดีก่อนล่ะ?”

ผมนึกบางอย่างขึ้นได้ เลยรีบพูดขึ้นมา “อา! ใช่แล้ว! พ่อ! แม่! พ่อกับแม่อยากเรียนเวทย์มนต์ระดับสูงบ้างมั้ย? ผมสอนให้ได้! ตอนที่ผมไม่อยู่ พ่อกับแม่จะได้ใช้เวลาว่างฝึกฝน จะได้ไม่มีเวลาเหงา” ต้องให้พ่อกับแม่มีการเตรียมตัวไว้บ้าง

แม่ผมมีอาการตื่นเต้น แต่ยังถาม “นี่มันฟังดูเยี่ยมไปเลย เป็นความคิดที่ดี! แต่เวทย์มนต์ที่ลูกเรียนคือเวทย์แสง พ่อของลูกเป็นนักเวทย์ลม ส่วนแม่เป็นนักเวทย์น้ำ พวกเราจะเรียนได้หรือ?”

ผมตอบ “มันไม่มีปัญหาหรอกครับ พลังเวทย์ของพ่อกับแม่ยังไม่ได้สูงมากนัก ต่อให้ต้องเปลี่ยนสายเวทย์มนต์ไปเลย มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ที่ต้องทำก็แค่เริ่มเรียนเวทย์มนต์แห่งแสงใหม่ตั้งแต่ต้น ยังไงเสีย เวทย์แสงก็ใช้รักษาคนได้ดีกว่าเวทย์น้ำอยู่แล้ว อีกอย่างพลังโจมตีของเวทย์แสงระดับสูงก็แข็งแกร่งมากด้วย”

“อย่างนั้นก็ได้!” พ่อเอ่ยขึ้น “อยู่เฉย ๆ มันก็เบื่อ ๆ เหมือนกัน เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เลยเป็นไง? พ่อกับแม่ของลูกจะเริ่มเรียนเวทย์แสง”

“นับพวกเราเข้าไปด้วย พวกเราก็อยากเรียน!” อ้าวเต๋อรีบเสนอตัว

“ได้!! แล้วผมจะเริ่มสอนทุกคนพรุ่งนี้เลย เริ่มเรียนกันตั้งแต่เช้า” ตอนนี้ผมเป็นเมธีเวทย์แสงแล้ว ในโลกนี้ นอกจากอาจารย์ตี้! ผมน่าจะเป็นคนที่เข้าใจเวทย์มนต์แห่งแสงได้ดีที่สุด ดังนั้นการสอนพวกเขาไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ยากเย็นอะไร

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด