บทที่ 92 - กลับบ้าน
หลังจากที่เราบอกลาเอลฟ์ธรรมชาติที่เป็นมิตรเหล่านั้นแล้ว พวกเราเริ่มมุ่งหน้ากลับบ้าน เราเดินทางมาอย่างไร้ปัญหาใด ๆ จนถึงชายแดนของอาณาจักรซิวต้า นอกจากผมแล้ว ทุกคนที่เหลือมีความรู้สึกถึงความผูกพันขึ้นมา แน่ล่ะพวกเขากลับมาถึงอาณาจักรบ้านเกิดของพวกเขาแล้ว
หลังจากผ่านไปอีก 3 วัน พวกเราหยุดอยู่บนทางแยกใหญ่แห่งหนึ่ง ถนนสายหนึ่งนำไปสู่เมืองซิวต้า ส่วนอีกเส้นจะมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรอ้ายเซี่ย มันถึงเวลาต้องแยกย้ายแล้ว
พี่ใหญ่จ้านหู่เป็นฝ่ายเริ่ม “จางกง! เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดีล่ะ ข้าจะเดินทางไปเมืองซิวต้ากับคนที่เหลือ หลังจากเยี่ยมท่านพ่อกับคนอื่น ๆ ในครอบครัวแล้ว ข้าจะกลับไปที่หมู่บ้านโจร แล้วจะเริ่มฝึกฝนอยู่ที่นั่น”
ผมตอบกลับ “พี่ใหญ่! พี่ก็ต้องดูแลตัวเองเหมือนกัน หลังจากที่ผมกลับไปที่อ้ายเซี่ยแล้ว ผมก็จะฝึกฝนให้เต็มที่ อีกประมาณ 3 ปี ช่วงนั้นผมน่าจะแข็งแกร่งพอที่จะตามหาสิ่งสืบทอดของพระเจ้าแล้ว ผมจะกลับมาหาพี่ก่อน”
“ทุกคนต้องพยายามให้เต็มที่! จางกง! หลังจากนี้ 3 ปี พวกเราเจอกันใหม่ที่ซิวต้า!” ซิวซือกล่าว
ผมพยักหน้ารับ ขอบตาของผมเริ่มชื้นหน่อย ๆ “ได้เลย! ตอนที่พวกนายกลับไปถึงแล้ว ฝากทักทายอาจารย์เหวินให้ฉันด้วยนะ ตงรื่อ! นายก็ควรหยุดคิดว่าตัวเองไม่มีค่าได้แล้ว นอกจากพวกเรา ไม่มีใครอื่นในโลกนี้แล้วที่ได้รับการสืบทอดอาวุธเทพ พวกเรายิ่งใหญ่ยอดเยี่ยม แน่นอนน้องสาวหงเสวียเป็นเด็กดี นายต้องทำดีต่อเธอด้วย”
ตงรื่อกอดไหล่ผม “จางกง! ขอบใจนายมาก ฉันจะคิดถึงนาย! ระหว่างทางกลับบ้านก็ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ” เขาน้ำตาซึมออกมานิดหน่อย
พวกเรารวมตัวกันเป็นครั้งสุดท้าย ผมสูดลมหายใจเข้ามาเต็มปอด พยายามกลั้นน้ำตา ก่อนที่จะกล่าวลากับพวกเขา “ทุกคนดูแลตัวเอง! หน่วยรบศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรานั้นยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ฉันไปก่อนล่ะ”
หลังจากที่พูดจบ ผมหมุนตัวกลับไปทางอาณาจักรอ้ายเซี่ย และเริ่มออกเดินไปบนถนนที่มุ่งหน้าไปทางนั้น น้ำตาที่ผมกลั้นไหวมันเริ่มไหลออกมา
มันยังเหลือเวลาอีก 3 เดือนถึงจะครบเวลา 2 ปีที่ผมนัดหมายกับอาจารย์ตี้ไว้ ตอนนี้ความคิดแรกในหัวของผมก็คือกลับบ้านไปหาพ่อแม่ของผมก่อน มันก็เกือบ 2 ปีแล้วเหมือนกันที่ผมไม่ได้เจอพวกเขา ผมคิดถึงพวกเขามากเหมือนกัน
ด้วยความที่เป็นผมตัวคนเดียว ผมพยายามเดินทางให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีผู้คน ผมจะใช้การเคลื่อนย้ายระยะใกล้ทันที มันน่าจะใช้เวลาเพียงแค่ 10 วันในการเดินทางไปเมืองเซินเคอ ผมจะเจอพ่อกับแม่เร็ว ๆ นี้แล้ว เดี๋ยวก่อน! ผมต้องหาของฝากให้พวกเขาด้วยสินะ เพื่อพ่อกับแม่ ผมเลยซื้อขนมที่แม่ชอบ กับผลไม้ที่พ่อชอบ จากร้านที่พวกเขาคุ้นเคยในเมืองเซินเคอกลับไปฝากพวกเขา แน่นอนผมถือกลับไปบ้านเองกับมือเลยนะ
ในที่สุดผมก็กลับมาถึงหมู่บ้านที่คุ้นเคย เด็ก ๆ ในหมู่บ้านมองมาที่ผมอย่างสงสัย มันเห็นได้ชัดว่าในสายตาพวกเขาผมเป็นคนจากนอกหมู่บ้าน
อ๊ะ! นั่นใครยืนอยู่ตรงนั้น? รูปร่างท่าทางคุ้น ๆ ที่อยู่ห่างจากผมไปด้านหน้าประมาณ 50 เมตร เขาตัวสูง ดูมีร่างกายที่แข็งแรงบึกบึน มีเด็กผู้หญิงที่ตัวเล็ก ๆ ดูหน้าตาสวยงามยืนอยู่ข้าง ๆ พวกเขาดูสนิทสนมกันดี
ผมรีบแอบวิ่งเข้าไปหา แล้วตบไหล่ของชายตัวใหญ่อย่างแรง เขาหันหลังกลับมาอย่างตกใจ “อ้าวเต๋อ! เป็นนายจริง ๆ”
เขามองผมอย่างสงสัย แล้วก็ค่อย ๆ เปลี่ยนท่าทีไป จากสายตาสงสัยกลายเป็นตกตะลึงในที่สุด “จางกง! นายเหรอ? เป็นนายจริง ๆ” พวกเรากอดกันอย่างตื่นเต้น
อ้าวเต๋อรีบพูด “ในที่สุดนายก็หาทางกลับบ้านเจอแล้ว แม่นายบ่นว่าคิดถึงนายอยู่ทุกวัน นายตัวสูงขึ้นนะ ดำขึ้นด้วย ฉันล่ะอิจฉานายที่ได้เข้าไปเรียนเวทย์มนต์ในเมืองหลวง”
สาวน้อยที่อยู่ข้างอ้าวเต๋อดึงเขาไปถาม “อ้าวเต๋อ! เขาคือใครเหรอ?” ตอนนี้เอง ผมเริ่มมองเธอแบบสังเกตชัด ๆ เธอเป็นสาวสวยคนหนึ่ง มีดวงตาที่กลมโตดูจริงใจ อยู่ในชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนแสดงให้เห็นถึงรูปร่างที่เล็กและบอบบาง เธอไว้ผมเปียที่ถักเป็นเส้นใหญ่และยาวทีเดียว
อ้าวเต๋อมองผมแล้วยิ้มอึกอัก ก่อนที่จะบอกผม “มา! เดี๋ยวฉันแนะนำให้รู้จักกัน นี่คือคนรักของฉันเองชื่อ หงลั่วหยู ส่วนนี่คือเว่ยจางกง เขาเป็นเพื่อนสนิทของผมตั้งแต่เด็ก เป็นนักเวทย์ที่เก่งมาก”
ผมยิ้มให้อ้าวเต๋อก่อนจะยื่นมือของผมออกไป “สวัสดี เธอเรียกฉันว่าจางกงเฉย ๆ ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ลั่วหยูจับมือผมอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะทักทายตอบ “สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
ผมปล่อยมือจากเธอ แล้วหันไปกระแทกหมัดใส่อ้าวเต๋อเบา ๆ “เจ้าอันธพาล ทำไมถึงหาคนรักสวย ๆ ได้กันนะ ฉันล่ะอิจฉาจริง ๆ!”
เขาหัวเราะเสียงดัง “นั่นถูกต้องเป็นอย่างมาก! ลั่วหยูเป็นถึงดาวโรงเรียนของพวกเราเลยนะ ฉันต้องพยายามตามตื้อเธออยู่ตั้งนานกว่าเธอจะตอบรับฉัน สภาพของนายดีกว่าฉันตั้งเยอะ นายน่าจะมีสาว ๆ มารุมไม่น้อยแน่ ๆ” หลังจากได้ฟังอ้าวเต๋อพูด ลั่วหยูปล่อยหมัดเข้าใส่เขาเหมือนกัน แต่คงจะแรงกว่าผมไม่น้อย เพราะอ้าวเต๋อถึงกับร้องลั่นทีเดียว
ส่วนผมได้แต่เกาหัวตัวเอง “ฉันก็ลืมคิดเรื่องนี้ไป เดี๋ยวรอให้ฉันเข้าสถาบันเวทย์มนต์ก่อน แล้วจะลองหาดูบ้าง ฮ่าฮ่า!”
“ฉันได้ยินจากแม่นายว่าอาจารย์ของนายให้ออกเดินทางหาประสบการณ์ เป็นยังไงบ้าง? การเดินทางไม่ได้ทำให้การเรียนของนายช้าลงใช่มั้ย?”
“นั่นมันไม่มีปัญหาอะไรหรอก การได้ออกไปท่องเที่ยวก็มีประโยชน์กับการเรียนของฉันเหมือนกัน เอาล่ะ! ฉันไม่รบกวนพวกนายแล้ว ฉันก็รีบจะกลับบ้านด้วย แล้วมากินข้าวเย็นด้วยกันสิ”
“ได้เลย! เดี๋ยวคืนนี้ฉันไปหานายที่บ้าน พวกเราพี่น้องออกไปหาอะไรดื่มกันหน่อยเป็นไง?”
เขาโดยลั่วหยูดึงหูทันที “นายไม่ได้รับอนุญาตให้ไปดื่ม! นายจะกลายเป็นพวกขี้เมาอยู่แล้ว!” เห็นอย่างนั้น ผมหัวเราะออกมา “พวกนายคุยกันไปนะ! ฉันไปก่อน” แล้วผมก็รีบหนีออกมา
ถึงหน้าบ้านแล้ว! แน่นอน! ผมเริ่มตะโกน “พ่อครับ! แม่ครับ! ผมกลับมาแล้ว! ผมกลับบ้านแล้ว!”
ประตูบ้านเปิด! แล้วแม่ก็เดินออกมาจากข้างใน หลังจากที่ไม่ได้เจอเธอมาเกือบ 2 ปี แม่ดูแก่ขึ้นเล็กน้อย “จางกง!! ลูกแม่! ในที่สุดลูกก็กลับมาบ้านจนได้ แม่คิดถึงจะตายอยู่แล้ว” แม่เปิดประตูให้กว้างขึ้น แล้วตรงเข้ามากอดผมแน่น ผมรีบกอดเธอกลับ ก่อนจะกล่าวอ้อน “แม่! ผมก็คิดถึงแม่มากจริง ๆ” น้ำตาผมเริ่มไหล
พ่อของผมเดินตามออกมาติด ๆ ยิ้มกว้างเชียว “จางกง! ในที่สุดก็กลับบ้าน ตั้งแต่ลูกออกเดินทาง แม่เขาร้องไห้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว บ่นคิดถึงลูกอยู่ทุกวัน”
“พ่อ” ผมปล่อยตัวแม่แล้ว รีบย้ายตัวเองไปกอดพ่อบ้าง พ่อเริ่มบ่น “พอแล้ว! แค่ลูกกลับบ้านมาก็ดีแล้ว มา! เข้าบ้านกันก่อน วันนี้บังเอิญพวกเราหยุดงานพักผ่อนพอดี ไม่อย่างนั้นต้องรอจนเย็นถึงจะเจอพวกเรา เดี๋ยวให้แม่เขาทำกับข้าวสัก 2-3 อย่าง พวกเราพ่อลูกมาดื่มกัน”
“เยี่ยมเลยครับ ผมคิดถึงฝีมือแม่มาตั้งนานแล้ว อาหารข้างนอกนั่นสู้ฝีมือแม่ไม่ได้เลย กินที่ไหนก็ไม่เหมือนกินข้าวบ้าน! ฝีมือแม่นี่ดีที่สุดแล้ว!”
หลังจากเข้ามานั่งในบ้านแล้ว พ่อผมเริ่มซัก “การเดินทางเป็นยังไงบ้าง? เจออะไรมาบ้าง?”
ผมเริ่มคิดคำตอบ “มันดีมากครับ ผมไม่ค่อยได้เจอปัญหาอะไรมากนัก มันสามารถพูดได้ว่าการเดินทางครั้งนี้ประสบความสำเร็จ” หลังจากนี้ ผมก็เริ่มเล่าประสบการณ์ในช่วงเวลาปีกว่า ๆ ให้พวกเขาฟัง แน่นอน! ไม่มีทางที่พวกเขาจะได้ยินเรื่องอันตรายหรอก ผมจะทำให้พวกเขาไม่สบายใจทำไม?
ได้ยินที่ผมเล่าเรื่องออกมาแล้ว แม่กล่าวว่า “ดีแล้ว ๆ แค่กลับบ้านมาอย่างปลอดภัยก็ดีมากแล้ว”
“พ่อกับแม่! ทำไมไม่ไปเมืองหลวงกับผมล่ะ? ตอนนี้ผมแน่ใจว่าผมดูแลพ่อกับแม่ได้แล้ว” ผมถามพวกเขา
ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วบอกว่า “ไม่ดีกว่า! ลูกยังต้องเรียนหนังสือให้เต็มที่ แล้วแม่ของลูกกับพ่อก็ชินกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แล้ว อยู่ที่นี่มีเพื่อนอยู่เยอะแยะ เป็นคนดีกันทั้งนั้น อยู่ที่นี่น่าจะเหมาะสำหรับพวกเรามากกว่า”
ผมกำลังจะพยายามโน้มน้าวต่อ แต่แม่ตัดบทว่า “ลูกต้องแค่มาเยี่ยมพวกเราให้บ่อยหน่อยแค่นั้นเอง พวกเราไม่ไปเมืองหลวงแน่”
“ได้ครับ! แต่หลังจากที่ผมเข้าเรียนที่สถาบันเวทย์มนต์หลวงแล้ว อีก 2-3 ปีผมคงต้องออกเดินทางไปหาประสบการณ์อีกครั้งนะครับ”