บทที่ 191: เขาคงมีชีวิตได้อีกไม่นาน
หลังจากที่ผู้ชายทั้ง 2 วุ่นวายกันอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดพวกเขาก็ดับไฟได้สำเร็จก่อนที่หม้อจะถูกยกลงจากเตา
หูชิงหยวนมองไปที่เนื้อในหม้อด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ “มันยังกินได้หรือเปล่า?”
จิ้งจอกหนุ่มเห็นเนื้อ 2 ชิ้นขนาดเท่าฝ่ามืออยู่ในหม้อ โดยส่วนด้านล่างไหม้เกรียมติดอยู่กับก้นหม้อ อีกทั้งข้างในไม่มีน้ำเหลือเลยสักหยด
ดูเหมือนว่ามังกรหนุ่มจะใช้ไฟแรงเกินไป แล้วช่วงจังหวะที่พวกเขาหันมาคุยกัน น้ำในหม้อก็เหือดแห้งไปจนหมด
“น่าจะได้…”
หลงโม่ขมวดคิ้วพลางใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทำการแงะเนื้อออกจากหม้อแล้วใส่กระเทียมลงไปคนให้เข้ากัน ทว่าในหม้อมันแห้งมาก เขาจึงเติมน้ำลงไปเพิ่ม
ในตอนท้าย เขาหยิบขวดสีเขียวเล็ก ๆ ออกมาจากถุงหนังสัตว์ของเขาเพื่อบีบมันใส่ลงในหม้อ เสร็จแล้วเขาก็ทำการคนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน
ชายหนุ่มจำได้ว่าหูเจียวเจียวเทขวดนี้เป็นขั้นตอนสุดท้ายด้วย แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่อยู่ข้างในไม่ใช่สีเขียว…
แต่ใครจะไปสนกันล่ะ เพราะถึงอย่างไรมันก็ไปผสมกันในหม้ออยู่ดี
ในไม่ช้า เนื้อสับคั่วพริกสีดำปนเขียวก็ถูกเทออกจากหม้อ
หูชิงหยวนที่ได้เห็นหน้าตาอาหารฝีมือน้องเขยก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ “ใครสอนให้เจ้าทำอาหารชนิดนี้?”
จู่ ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีกับเจ้าสิ่งนี้…
“เจียวเจียวสอนข้า” หลงโม่ตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
เมื่อจิ้งจอกหนุ่มได้ยินชื่อของน้องสาวสุดที่รักก็รู้สึกโล่งใจและหยิบชามเนื้อสับคั่วพริกขึ้นมา
“ถ้าเจียวเจียวสอนเจ้ามาก็ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย”
มังกรหนุ่มเป็นคนที่รอบคอบมาก เขาเตรียมช้อนขนาดใหญ่มาไว้ให้อีกฝ่ายด้วย
บัดนี้หูชิงหยวนเม้มริมฝีปากมองไปที่อาหารสีเข้ม จากนั้นเขาตักเนื้อสีดำปนเขียวขึ้นมาแล้วยัดเข้าไปในปากตัวเอง
วินาทีนั้นรสเผ็ดร้อนแผ่ซ่านจากปลายลิ้นสู่เพดานปากและจมูก ก่อนจะพุ่งขึ้นสมองทันที!
ทันใดนั้นดวงตาของคนที่ได้ลิ้มลองอาหารก็เบิกกว้าง รูม่านตาของเขาขยายขึ้น และเส้นเลือดในขมับโป่งออก เขาพ่นเนื้อออกมาอย่างรวดเร็ว แต่รสชาติที่ยังคละคลุ้งอยู่ในปากของเขาไม่เพียงแค่ไม่จางหายไปเท่านั้น แต่ยังรุนแรงขึ้นอีกด้วย
“ถุย! แค่ก ๆๆ! นี่มันอะไรกัน...”
“ข้ารับไม่ไหวอีกแล้ว หลงโม่ นี่เจ้าพยายามจะวางยาข้าให้ตายใช่ไหม!?”
ตอนนี้รสชาติที่ติดอยู่ในปากของจิ้งจอกหนุ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เขากระโดดเหยง ๆ อยู่กับที่ ในขณะที่เขารู้สึกว่าหัวของตัวเองกำลังจะระเบิด
นี่ไม่ใช่สิ่งที่ภูตกินได้เลยสักนิด!
…
ณ บ้านของหูเจียวเจียว
หลงเหยาโผล่หัวออกมามองรอบ ๆ ประตูห้องครัว พอไม่เห็นใคร เขาจึงแอบเข้าไปคลำหาของบางอย่างที่มุมหนึ่ง
“ขวดของเสี่ยวเหยาอยู่ไหน ทำไมมันหายไป แปลกชะมัด...”
หลังจากที่เจ้าตัวเล็กควานหาอยู่นาน เขาก็ไม่พบสิ่งที่ตนซ่อนไว้ แล้วในที่สุดเขาก็ทำหน้าท้อแท้
ก่อนหน้านี้หลงเหยาเห็นว่าแม่จิ้งจอกกินมันพร้อมกับปลาชนิดหนึ่งซึ่งมันดูน่าอร่อยมาก เขาจึงแอบซ่อนเจ้าขวดนี้ไว้ในตอนที่นางเผลอ วันนี้เขามาที่นี่เพื่อจะแอบกินมัน แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะหายไปแล้ว
เด็กน้อยจำสิ่งที่แม่ของตนเรียกชื่อของมันได้
เจี้ยมั่ว*?
*เจี้ยมั่ว (芥末) วาซาบิ
เวลาต่อมา หลงเหยาที่หา ‘ขวด’ ไม่เจอเดินออกจากครัวด้วยความผิดหวัง โดยคิดว่าหูเจียวเจียวพบมันและนำกลับไปแล้ว
“พี่รองโกหกว่าที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด แต่ห้องครัวไม่ปลอดภัยเลย!”
หลงเหยาบ่นพึมพำด้วยความไม่พอใจ
…
“เจียวเจียว อาการบาดเจ็บของพวกเขาเป็นยังไงบ้าง?” คิ้วของคนเป็นหัวหน้าเผ่าขมวดแน่น
“เด็กมีเพียงอาการบาดเจ็บที่ภายนอก ไม่มีอะไรร้ายแรง แต่...” จิ้งจอกสาวเหลือบมองไปยังภูตที่โตเต็มวัยแล้วส่ายหัวเบา ๆ
“เขาบาดเจ็บสาหัสมาก ข้าทำได้แค่ช่วยห้ามเลือด มีบาดแผลฉกรรจ์บนหลังของเขา ผู้ชายคนนี้น่าจะถูกวางยาพิษ และข้าก็รักษาเขาไม่ได้”
ถ้าเป็นพิษงูก็ยังพอมีหนทางรักษา เพราะในมิติของเธอมีเซรุ่ม แต่แผลที่หลังของภูตชายไม่ได้ถูกงูกัด มันดูเหมือนถูกกรงเล็บข่วนเสียมากกว่า
บาดแผลบนร่างกายของชายหนุ่มยังสดอยู่ แต่พิษได้กระจายไปทั่วร่างแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าพิษนั้นรุนแรงแค่ไหน
“ไม่มีหนทางช่วยแล้วหรือ?” ใบหน้าของผู้นำสูงสุดเคร่งเครียดขึ้น เขาถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง
“เว้นแต่จะมีหมอผี” หูเจียวเจียวตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เนื่องจากภูตชายมีอาการบาดเจ็บที่สาหัสเกินไป หัวหน้าเผ่าจึงไม่มีเวลาจัดการอีกฝ่ายอย่างเหมาะสม จึงได้แต่พาทั้งคู่มาวางไว้ในพื้นที่เปิดโล่งของเผ่า
ความจริงที่ว่าพวกเขาช่วยชีวิตภูตแปลกหน้าทั้ง 2 มาก็กลายเป็นข่าวที่แพร่ไปถึงหูของทุกคนในเผ่า แล้วภูตหลายคนก็มาเฝ้าดูพวกหูเจียวเจียว พอได้เห็นท่าทางอันน่าสังเวชของภูตที่บาดเจ็บ บางคนถึงขั้นไม่กล้ามองพวกเขาตรง ๆ ด้วยซ้ำ
“ข้าไม่รู้ว่าภูต 2 คนนี้มาจากไหน และพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ยังไง” ชายสูงวัยกล่าวพลางถอนหายใจ
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่าก็คือ เขากังวลว่าผู้ร้ายที่ทำให้ภูตทั้ง 2 บาดเจ็บสาหัสจะเป็นอันตรายต่อคนในเผ่า
“ท่านผู้เฒ่า ให้ข้ารักษาบาดแผลของพวกเขาก่อน”
“อืม”
แม้ว่า 2 คนนี้จะมีบาดแผลตามตัว แต่พวกเขาไม่ได้เปลี่ยนร่างเป็นสัตว์ และอยู่ในร่างมนุษย์ หูเจียวเจียวทำได้เพียงแค่ทำความสะอาดบาดแผลให้ภูตหนุ่มก่อนจะทายาจินฉวง**เพื่อห้ามเลือด แต่เธอไม่สามารถทำอะไรกับบาดแผลขนาดใหญ่ที่หลังของเขาได้
**ยาจินฉวง (金疮药) เป็นยาโบราณที่มีลักษณะเป็นผง ช่วยในการรักษาบาดแผลและห้ามเลือด
โชคดีที่ผู้ชายคนนี้อยู่ในอาการโคม่าซึ่งง่ายต่อการหยิบจับสิ่งใดก็ตามโดยที่เธอไม่ต้องระแวงว่าจะถูกสงสัย
ในขณะที่แขนและเข่าของเด็กผู้ชายมีรอยขีดข่วนลึก ส่วนหน้าผากมีเลือดออกมากกว่าที่อื่น จิ้งจอกสาวกำลังจะพันผ้าพันแผลให้เขาเพื่อป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้อ
ทว่าก่อนที่เธอจะทันได้สัมผัสอีกฝ่าย เขาก็ลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วเบี่ยงตัวหลบมือของเธอไป
ดวงตาของเด็กหนุ่มมีสีดำแวววาวเผยให้เห็นถึงความรู้สึกหวาดระแวงและไม่ไว้ใจ อีกทั้งเขาตั้งท่าป้องกันตัวรวมถึงพร้อมที่จะโจมตีเธอได้ทุกเมื่อ
ถ้าหากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ตอนนี้เจ้าตัวเล็กเหมือนสัตว์ดุร้ายตัวหนึ่ง
เพียงแต่ว่าสัตว์ร้ายตัวนี้ยังเป็นเด็กอยู่ ท่าทางที่เขาแสดงออกจึงอาจจะไม่น่ากลัวสักเท่าไหร่
“อย่ากลัวไปเลย ข้าไม่ทำร้ายเจ้า ข้าแค่อยากช่วยเจ้าทำแผล แผลของเจ้ายังมีเลือดไหลอยู่” หูเจียวเจียวยกมือขึ้นโดยหันฝ่ามือไปทางเด็กตรงหน้าเพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าเธอบริสุทธิ์ใจ
ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะได้ยินคำพูดของจิ้งจอกสาว แต่ความระแวดระวังในสายตาของเขาไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย เขาทำเพียงแค่มองเธออย่างสงสัย ซึ่งดวงตาสีดำคู่นั้นดูคล้ายราตรีที่มืดมิดไร้แสง
จากนั้นเขาก็มองไปรอบ ๆ ตัว ในไม่ช้าเขาก็พบกับผู้ชายคนหนึ่งที่นอนหมดสติอยู่
ภาพนั้นทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งไปหาอีกคนและหมอบตัวลงพลางตวัดตาจ้องพวกภูตที่อยู่ใกล้ ๆ อย่างดุดันราวกับว่าใครก็ตามที่เข้ามาใกล้ เขาจะต่อสู้กับศัตรูจนตัวตาย
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นภาพที่เกิดขึ้นก็รู้สึกหมดหนทาง เด็กหนุ่มคนนี้หวาดระแวงเกินไป ฉะนั้นการขอให้เขาร่วมมือกับเธอคงจะเป็นไปได้ยาก
ขณะที่หญิงสาวลังเลว่าจะปล่อยให้ภูตในเผ่าจับเด็กคนนี้ออกไปก่อนดีหรือไม่ ทันใดนั้นชายที่นอนอยู่บนพื้นก็ส่งเสียงไอ
“แค่ก ๆ...”
พอเด็กผู้น่าสงสารได้ยินเสียงไอ เขาก็รีบหันขวับไปมองต้นเสียง ก่อนจะใช้มือทั้ง 2 ประคองศีรษะของชายผู้นั้น ยามนี้ใบหน้าที่ถูกชะโลมไปด้วยเลือดรวมถึงสิ่งสกปรกอาจจะทำให้มองเห็นเค้าเดิมของเจ้าตัวไม่ชัดเจน แต่มันไม่ยากที่จะสังเกตเห็นความประหม่าและความกังวลจากแววตาของเด็กหนุ่ม
ไม่กี่อึดใจต่อมา ชายที่นอนอยู่บนพื้นลืมตาขึ้นมองดูเด็กชายด้วยความยากลำบาก เมื่อเห็นว่าอีกคนยังมีชีวิตอยู่ เขาก็รู้สึกโล่งใจ ริมฝีปากของเขาซึ่งกลายเป็นสีคล้ำอมม่วงเนื่องจากพิษเผยรอยยิ้มแห้ง ๆ
“ชาง… เจ้าไม่เป็นไร... ไม่เป็นไรนะ...”
เด็กชายยังคงไม่พูดอะไร ขณะนี้เขาเอาแต่เกาะหนังสัตว์ที่ขาดวิ่นบนแขนของคนตัวโต กำปั้นเล็ก ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวจากแรงบีบที่มากเกินไป และรูม่านตาสีดำของเขาดูเหมือนจะมืดมนยิ่งขึ้น
ในเวลาเดียวกัน ชายผู้นั้นมองดูบาดแผลที่ได้รับการรักษาบนร่างกายของตนเองจึงเดาว่าภูตที่อยู่รอบ ๆ ช่วยชีวิตเขาไว้
ต่อมา ชายหนุ่มกวาดตาไปที่พวกหูเจียวเจียวแล้วพูดขอบคุณด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“ขอบคุณที่ช่วยข้าไว้... ข้าชื่อหยินกู่ ส่วนเขาชื่อ... แค่ก ๆ!”
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบประโยค เขาก็ไออย่างรุนแรงอีกครั้งจนพ่นเลือดสีดำออกมาเต็มปากในขณะที่ร่างกายของเจ้าตัวกระตุก
อาการไม่สู้ดีของภูตชายส่งผลให้เด็กหนุ่มหน้าซีดเผือดพร้อมกับรีบช่วยพยุงคนตรงหน้า
“หยุดพูดได้แล้ว ตอนนี้ร่างกายของเจ้าอ่อนแอมาก เจ้าต้องพักผ่อนก่อน แล้วค่อยบอกข้าว่าเจ้าต้องการจะพูดอะไร” หูเจียวเจียวกล่าวแทรกขึ้นมา
แต่… ผู้ชายคนนี้คงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
เมื่อหัวหน้าเผ่าเห็นว่าชายหนุ่มตื่นขึ้นมาแล้ว เขาจึงสั่งให้คนในเผ่าพาอีกฝ่ายไปพักฟื้นในบ้านไม้ที่ไม่มีคนอยู่ ขณะเดียวกัน เด็กชายตัวน้อยก็เดินตามหลังคนเจ็บไปติด ๆ
ทันทีที่ชายคนนั้นมาถึงสถานที่พัก บาดแผลของเขาก็มีเลือดไหลออกมาอีกครั้งเนื่องจากได้รับการกระทบกระเทือนจากการเคลื่อนย้าย สำหรับพิษที่เขาได้รับ แม้แต่ยาห้ามเลือดที่หูเจียวเจียวเอาออกมาจากมิติก็ใช้ไม่ได้ผล
หญิงสาวจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องช่วยประคับประคองอาการบาดเจ็บของเขาต่อไป
ทางด้านเด็กหนุ่มเนื้อตัวมอมแมม เขายืนอยู่ที่มุมประตูเพื่อเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเธออย่างระแวดระวัง
ในขณะนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงใสก้องกังวานดังขึ้นมาจากด้านหลังเขา
“เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่กับแม่ของข้า?”