ตอนที่แล้วบทที่ 189: เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากในทุ่งหญ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 191: เขาคงมีชีวิตได้อีกไม่นาน

บทที่ 190: ช่วยชีวิตภูต 2 คน


“นั่นเสียงอะไรน่ะ?” หูเจียวเจียวชะงักเท้าที่กำลังก้าวอย่างกะทันหันก่อนจะมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาระแวดระวัง

ในที่สุดเธอก็สัมผัสได้ว่าเสียงดังมาจากข้างหลังที่อยู่ไกลออกไปมากกว่า 10 เมตร

“ช่วยข้าด้วย…”

เสียงแผ่วเบาดังขึ้นอีกครั้งราวกับว่าคนคนนั้นใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว

จากนั้นจิ้งจอกสาวก็ได้ยินชัดเจนว่ามีคนกำลังร้องขอความช่วยเหลืออยู่

ในเวลานั้นบังเอิญมีลมพัดผ่านมาพอดี ตอนที่เธอเดินเข้าไปใกล้ต้นตอของเสียงอีก 2-3 ก้าวจึงได้กลิ่นเลือดแรง ๆ โชยมาจากในทุ่งหญ้า และกลิ่นก็ถูกลมพัดหายไปอย่างรวดเร็ว

ถัดมา หูเจียวเจียวแหวกหญ้าดูอย่างระมัดระวัง และสิ่งที่เธอเห็นเป็นสิ่งแรกคือมือที่เปื้อนเลือด…

ขณะนี้หญ้าที่หนาทึบปกคลุมร่างของภูตคนนั้นอยู่ เธอจึงมองไม่เห็นภาพรวมของอีกฝ่าย แต่เธอแน่ใจได้ว่าคนตรงหน้าต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่นอน

ภูตที่บาดเจ็บดูเหมือนจะสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังเข้ามาใกล้ตน เสียงขอความช่วยเหลือจึงดังขึ้นพร้อมกับเสียงไอรุนแรง

“ได้โปรด...แค่ก ๆ ช่วยข้าด้วย...”

ภูตคนนี้คือใคร? เหตุใดเขาถึงมาปรากฏตัวใกล้เผ่าของพวกเธอ?

หูเจียวเจียวคิดพร้อมขมวดคิ้ว ตอนนี้มีความคิดมากมายวิ่งวนอยู่ในหัว แต่เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าจะรู้ตัวแล้วว่าเธออยู่ใกล้ ๆ

ดังนั้นจิ้งจอกสาวจึงพูดขึ้นมาว่า

“ไม่ต้องกลัว ข้าจะช่วยเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ”

หญิงสาวพูดจบแล้วก็หันหลังกลับวิ่งไปทางอื่น

ส่วนภูตที่ได้รับบาดเจ็บได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งห่างออกไปเรื่อย ๆ

“...”

และเสียงร้องขอความช่วยเหลือก็อ่อนลงไปเช่นกัน

ทางด้านหูเจียวเจียวกลับไปตามหาหัวหน้าเผ่า สถานการณ์ตอนนี้มันแปลกมาก เธอพบคนแปลกหน้าที่กำลังบาดเจ็บอยู่ในทุ่งหญ้านอกเผ่า เธอจึงไม่กล้าช่วยเขาด้วยตัวเอง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย หญิงสาวคิดว่าตนควรไปตามหัวหน้าเผ่าให้มาช่วยเหลือคนคนนั้นดีกว่า

“ท่านผู้เฒ่า!”

จิ้งจอกสาวตะโกนเรียกชายชราขณะที่เธอแหวกผ่านหญ้าสูงออกไป แต่หญ้าที่นี่รกมากจริง ๆ แถมยังสูงเกือบถึงหัว ไม่อย่างนั้นผู้บาดเจ็บคงจะถูกค้นพบไปนานแล้ว

เมื่อผู้นำสูงสุดได้ยินเสียงของหูเจียวเจียว เขาก็รีบมาหาหญิงสาวโดยเร็ว

“เกิดอะไรขึ้น?” หัวหน้าเผ่าถามอย่างประหม่าเพราะเขาได้ยินน้ำเสียงตื่นตระหนกของอีกคน

“มีภูตนอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น” หญิงสาวชี้ไปยังทิศทางที่เธอวิ่งกลับมาเมื่อสักครู่

“ภูต? มีภูตอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไม่มีภูตคนอื่นอาศัยอยู่ใกล้กับเผ่าของเรา”

สีหน้าของชายสูงวัยเคร่งเครียดขึ้น ต่อมา เขากวักมือเรียกภูตชายที่แข็งแกร่ง 2-3 คนให้ตามเขาไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

จากความจริงที่ว่าถ้ามีภูตเสียชีวิตอยู่ที่นี่ ซากศพพวกนี้จะดึงดูดสัตว์ป่าให้เข้ามากิน แล้วพวกเขาจะต้องระวังสัตว์เหล่านี้ในยามที่สร้างสะพาน

อย่างไรเสีย คนในเผ่าก็ต้องนำศพผู้เคราะห์ร้ายออกไปจากที่นี่อยู่ดี

ขณะนี้หูเจียวเจียวเดินตามหลังหัวหน้าเผ่าและภูตคนอื่น ๆ ไปทันที

ไม่นานทุกคนก็มาถึงที่ที่จิ้งจอกสาวเคยพบผู้บาดเจ็บ จากนั้นภูตชาย 2 คนก็ก้าวไปแหวกหญ้าสูงที่อยู่รอบ ๆ พวกตนออกไป จนในที่สุดหญิงสาวก็เห็นชัดเจนว่ามีผู้ชายนอนอยู่บนพื้น

ชายคนนั้นมีเลือดไหลไม่หยุด แถมร่างกายของเขาก็มีสภาพที่ย่ำแย่ ประกอบกับบาดแผลทั้งเล็กและใหญ่มากมายตามตัวทำให้เธอไม่สามารถบอกได้ว่าเลือดไหลมาจากบาดแผลตรงไหน

ทว่ามันน่าแปลกที่มีเด็กผู้ชายนอนอยู่ข้าง ๆ เขาด้วย

เด็กชายคนนี้มีอายุประมาณ 10 ปี แม้ว่าจะมีคราบเลือดตามร่างกายเขา แต่เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บของเขานั้นเบากว่าคนที่โตกว่ามาก

ปัจจุบันเด็กหนุ่มผู้ที่หมดสติถูกภูตชายกอดไว้ในอ้อมแขนพร้อมปกป้องเขาจากภัยอันตรายเต็มที่

ท่าทางที่ชายหนุ่มแสดงออกมาดูเหมือนกำลังกังวลว่าคนที่เข้ามาจะทำร้ายเด็ก เขาจึงพยายามใช้ร่างกายของตัวเองบังอีกคนไว้ เพื่อต้องการบอกว่าถ้าใครกล้าทำร้ายเด็กในอ้อมกอดจะต้องข้ามศพของเขาไปก่อน

ถึงแม้ว่าตนจะบาดเจ็บปางตาย แต่เขาก็ยังปกป้องเด็กคนนี้ด้วยชีวิตของเขา

ทันทีที่หัวหน้าเผ่าได้เห็นภาพตรงหน้าก็ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น

“ท่านผู้เฒ่า เราจะทำยังไงดี? เราต้องนำพวกเขากลับไปที่เผ่าหรือไม่?” ภูตชายคนหนึ่งถามขึ้นมา

ส่วนภูตอีกคนก็พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“เขาบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าเขาจะถูกพากลับไปที่เผ่า หมอของเผ่าเราก็ไม่สามารถช่วยเขาได้อยู่ดี...”

หลังจากทุกคนเงียบอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดคนเป็นหัวหน้าเผ่าก็ยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้พาภูตที่บาดเจ็บทั้ง 2 กลับไปยังเผ่าของตน

“เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยคุยกันอีกที”

อย่างน้อยเด็กก็มีโอกาสรอด และเขาคงไม่อยากตื่นขึ้นมาโดยเห็นซากศพของภูตที่ปกป้องเขาอยู่

โดยธรรมชาติแล้วภูตเต็มใจที่จะช่วยผู้หญิงและเด็กมากกว่า เพราะถึงอย่างไรผู้หญิงและเด็กก็เป็นพื้นฐานที่ช่วยให้เผ่าเจริญเติบโต

ส่วนภูตที่เหลืออีก 8 คนยังคงอยู่ในทุ่งหญ้าแห้งแล้งเพื่อทำงานต่อไป ขณะที่หูเจียวเจียวเองก็กลับไปพร้อมกับพวกผู้นำสูงสุด

อีกด้านหนึ่ง

หลงโม่มาที่บ้านของหูชิงหยวนก่อนเวลานัด

ก่อนจะออกเดินทางไปที่บ้านของอีกฝ่าย เขาหยิบวัตถุดิบบางอย่างจากครัวของจิ้งจอกสาวติดมือมาด้วย

“หลงโม่ ทำไมเจ้ามาเร็วจัง?” เมื่อหูชิงหยวนกลับมาจากบ้านของหู่จิง เขาก็พบว่ามังกรหนุ่มมายืนอยู่นอกลานบ้านแล้ว

เนื่องจากบ้านของชายหนุ่มไม่ค่อยมีอะไรมาก ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้เสือสาวอาศัยอยู่บ้านหลังเดิมต่อไป แล้วค่อยให้นางย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านใหม่หลังจากที่บ้านหินถูกสร้างขึ้น จากนั้นเขาก็จะย้ายไปอาศัยอยู่ที่บ้านหินของภรรยาในตอนกลางคืนด้วย

หูชิงหยวนไม่คาดคิดว่าหลงโม่จะกระตือรือร้นในการช่วยเขาสร้างบ้านหินมากขนาดนี้

นั่นทำให้เขารู้สึกประทับใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วอารมณ์ดีขึ้นทันที เขาจัดการพับแขนเสื้อขึ้นพลางพูดว่า

“ข้าพร้อมแล้ว ไปสร้างบ้านหินกันเถอะ”

“ไม่ต้องรีบร้อน” มังกรหนุ่มยกมือขึ้นห้ามปรามพี่ชายคนที่ 4 ของหูเจียวเจียว

“ถ้าเจ้าไม่รีบ แล้วเจ้ามาที่นี่เร็วขนาดนี้ทำไม?” หูชิงหยวนชะงักไปชั่วครู่ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยตนสร้างบ้านหรอกหรือ?

หลงโม่ชำเลืองมองคนถามพร้อมทำหน้าเคร่งขรึมซึ่งไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

“สิ่งที่ท่านสัญญาก่อนหน้านั้นท่านนับหรือไม่?”

“หา อะไรนะ?” จิ้งจอกหนุ่มยังคงสับสนเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเห็นคนตรงหน้ามองมาด้วยสายตาคมกริบ เขาก็จำได้ทันที

“อ๋อ ก็แค่ชิมอาหาร ไม่มีปัญหาหรอก”

ชายหนุ่มโบกมือตอบแบบไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจสักนิด

ถ้าหูชิงหยวนรู้ว่าลูก ๆ ท้องเสียหลังจากกินอาหารที่พ่อมังกรทำ เขาคงไม่ตอบตกลงง่ายแบบนี้

ช่างน่าสงสารที่เขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับฝีมือการทำอาหารของหลงโม่…

ตอนที่เขาได้เห็นเนื้อย่างของอีกฝ่ายครั้งล่าสุด เขาคิดเพียงว่ามังกรหนุ่มแค่ไร้ฝีมือเหมือนตัวเองเท่านั้น

ยามนี้เป็นเวลาช่วงเช้า พวกเขาทั้ง 2 เริ่มฝึกฝนการทำอาหารอยู่ในลานบ้าน โดยที่หลงโม่หยิบวัตถุดิบออกมาทีละอย่างตามลำดับที่ตนจำได้

ส่วนหูชิงหยวนก็คอยมองอยู่ข้าง ๆ อย่างสนใจ

ชายหนุ่มเห็นว่าการเคลื่อนไหวของอีกคน ‘เชี่ยวชาญ’ ซึ่งท่าทางนั้นดูไม่เหมือนคนที่ทำอาหารไม่เป็นเลย

“หลงโม่ ไอ้อันสีขาวนี้คืออะไร?” เขาหยิบวัตถุดิบแปลกตาขึ้นมาถาม

“กระเทียม”

“อะไรนะ?”

จิ้งจอกหนุ่มมีเครื่องหมายคำถามเด่นหลาอยู่บนใบหน้า

ทว่ามังกรหนุ่มกำลังตั้งอกตั้งใจกับการทำ ‘อาหาร’ จึงไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย เนื่องจากเขาทำอาหารจานนี้ขึ้นมาเพื่อให้หูชิงหยวนกิน ดังนั้นสำหรับขั้นตอนต่าง ๆ ในการประกอบอาหาร เขาต้องการประหยัดเวลาเท่าที่จะประหยัดได้

เขาตัดสินใจว่าจะปอกแค่เปลือกกระเทียมโดยไม่ต้องสับ

ส่วนเนื้อวัวสามารถหั่นเป็นชิ้นใหญ่ ๆ ได้ ไม่ว่าหน้าตามันจะออกมาเป็นอย่างไร มันก็เป็นเนื้อวัวอยู่ดี

ต่อมา หลงโม่เอาเนื้อไปปรุงให้สุกก่อนแล้วนำมาคลุกเคล้าให้เข้ากับส่วนผสม จากนั้นเขาก็ใส่เนื้อลงในหม้ออย่างมั่นใจ

“หลงโม่ ข้ามีคำถามจะถามเจ้า”

ทันใดนั้นหูชิงหยวนก็โน้มตัวมาพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย “เจ้าทำยังไงให้น้องสาวของข้ามีความสุข?”

“มีความสุข?” มังกรหนุ่มทวนคำพูดอย่างสงสัย

ครู่ถัดมา เจ้าของคำถามยืดตัวตรงก่อนจะยกมือทั้ง 2 ข้างขึ้นเพื่ออธิบาย “เอ่อ คือว่า… เวลาที่เจ้าต้องการทำให้น้องสาวของข้ามีความสุข เจ้าจะทำยังไงหรือ?”

จิ้งจอกหนุ่มได้ยินมาว่าหู่จิงไม่มีพ่อแม่ และแม้ว่านางจะเป็นผู้หญิง แต่นางก็ใช้ชีวิตลำบากมาก ดังนั้นเขาจึงต้องการทำให้คนรักมีความสุข

ทางด้านหลงโม่ที่ได้ฟังคำถาม ภาพแรกในความคิดของเขาคือหูเจียวเจียวกำลังอุ้มกระต่ายตัวน้อยด้วยรอยยิ้มที่สดใส เขาจึงตอบว่า

“จับลูกกระต่ายมาให้นาง”

“มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?” ดวงตาของหูชิงหยวนเบิกกว้าง แต่เขาก็ยังไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียว

“อืม มันง่ายขนาดนั้นเลย” มังกรหนุ่มผงกหัวยืนยันคำพูดของตัวเอง

จากนั้นคนเป็นพี่ชายของหูเจียวเจียวแตะคางตนเองและพยักหน้า “ที่แท้การเอาใจผู้หญิงนั้นง่ายมาก”

สักวันหนึ่งเขาจะไปจับลูกกระต่ายมาทำให้หู่จิงมีความสุข!

ทันทีที่จิ้งจอกหนุ่มพูดจบ เขาก็ได้กลิ่นไหม้ เขาจึงหันไปมองที่มาของกลิ่นก่อนจะรีบวิ่งไปดับไฟอย่างลนลาน

“หลงโม่ หม้อของเจ้ากำลังพ่นควันออกมาเต็มเลย!!”

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: พ่อหนุ่มมังกรระเบิดครัวซะแล้ว งานนี้พี่สี่ของเราจะขิตไหม 55555

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด