ตอนที่ 3 ฉันจะไปแล้ว
ในวันที่โลกพังพินาศแบบนี้ และไม่หลงเหลืออารยธรรมใดๆ อยู่เลย
ทำให้สัตว์และพืชพันธ์ไม้ต่างๆ ก็กลายพันธ์ และถูกเรียกว่าสัตว์อสูร
มนุษย์เองก็เช่นเดียวกัน แต่การกลายพันธ์ของมนุษย์นั้นเหนือกว่า
การกลายพันธ์ของมนุษย์แบ่งออกเป็นสามประเภท 1.ผู้ตื่น 2.ผู้กลายพันธ์ 3.ผู้ทรงพลัง
ผู้ตื่นนั้นเกิดขึ้นได้หนึ่งในหมื่นคนเท่านั้น ผู้ตื่นจะได้รับทักษะหรือความสามารถพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีความหลากหลาย
ผู้กลายพันธ์ เกิดขึ้นได้หนึ่งในพัน โดยผู้กลายพันธ์ร่างกายของพวกเขาจะเปลี่ยนไปตามยีนส์พันธุกรรมที่เปลี่ยนไป อย่างเช่นกลายเป็นมนุษย์ครึ่งสัตว์เป็นต้น
ผู้ทรงพลังเช่นเดียวกับผู้กลายพันธ์ ร่างกายจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ยังคงสภาพมนุษย์อยู่
ข้อมูลพวกนี้คือสิ่งที่มู่เหลียงได้เรียนรู้มาจากมินโฮในช่วงที่เขาพักฟื้นตัว
“เอ๋! มู่เหลียงเป็นผู้ตื่นงั้นหรอ”
แววตาของมินโฮนั้นดูไม่ได้ยินดีกับสิ่งนี้เลย
“ใช่ ความสามารถของฉันคือการฝึกฝนสัตว์และสิ่งมีชีวิต”
มู่เหลียงกล่าวต่อและพยักหน้าน้อย
แต่ความจริงแล้ว ความสามารถของเขามาจากระบบ แต่มู่เหลียงโกหกว่ามันคือทักษะของการเป็นผู้ตื่น
“มู่เหลียง นายน่ะ….คงแข็งแกร่งมากเลยสินะ”
มินโฮเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ก็คว้าแขนของมู่เหลียงเอาไว้โดยที่ไม่รู้ว่าจะแสดงสีหน้าอย่างไร
เด็กน้อยเคยได้ยินจากพี่สาวของเธอว่า ในค่ายของพวกเขาไม่มีใครเป็นผู้ตื่นเลยสักคน มีแต่พวกผู้กลายพันธุ์และผู้ทรงพลังเท่านั้น
“จุ๊ๆ อย่าพูดดังไปเดี๋ยวคนอื่นผ่านมาได้ยิน!”
มู่เหลียงเอานิ้วชี้ขึ้นมาแตะริมฝีปากเป็นท่าบอกให้มินโฮนั้นพูดเบาๆ
“อ้า…ใช่ๆ ฉันลืมไปว่าเรื่องของนายเป็นความลับ!”
มินโฮเอามือขึ้นมาปิดปากน้อยๆ ของเธอ พร้อมกับพยักหน้าขึ้นลงอย่างเชื่อฟัง
แต่เด็กน้อยก็ได้มีปัญหาใหม่เข้ามาในชีวิตอีกครั้ง นั้นคือมู่เหลียงนั้นเป็นผู้ตื่น คงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะอยู่กับเธอที่นี่ต่อ
มู่เหลียงเห็นความเปลี่ยนแปลงจากมินโฮ และมองด้วยความประหลาดใจ เพราะอยู่ๆ ท่าทีของมินโฮก็ดูกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก
มู่เหลี่ยงเองก็ไม่ใส่ใจมากนัก ก่อนจะถามคำถามขึ้นในใจ
“ระบบนี้ไม่ได้หมายความว่าฉันได้รับสืบทอดพลังของเจ้าเต่ามาแล้วงั้นหรอ?”
-ติ๊ง! เจ้านายต้องการสืบทอดพลังมาจากเต่าหิน และรับทักษะ หนามหินหรือไม่-
“รับ”
-ติ๊ง! ทักษะหนามหิน….กำลังถ่ายโอนข้อมูล….ปรับแต่ง…..การสืบทอดพลังเสร็จสิ้น-
มู่เหลียงฟังเสียงที่ดังขึ้นภายในใจราวกับเสียงของคอมพิวเตอร์ แล้วอยู่ๆ ทั่วทั้งร่างของเขาก็รู้สึกได้ถึงความเย็นสบายมันได้ไหลผ่านไปทุกอณูของร่างกาย และตามมาด้วยความรู้สึกราวกับถูกกระแสน้ำอุ่นพัดผ่านอีกที
“ระบบ ขอดูค่าสถานะของฉันอีกรอบ”
ผู้ฝึก : มู่เหลียง
ถึกทน 6
ว่องไว 4.3
กำลัง 5
ปราณ 8.7
อายุไข 24 / 100 ปี
แต้มฝึกฝน 0 (คืนค่าทุกวัน และสะสมได้)
แต้มวิวัฒนาการ 0
ความสามารถ หนามหิน
…..
สิ่งที่ฝึกฝน เต่าหิน(ระดับ 1)
…..
หลังจากที่เห็นหน้าต่างแสดงข้อมูลเขาก็ถึงกับตกใจ
ค่าสถานะต่างๆ ของเขาเปลี่ยนไป แม้แต่อายุไขก็เพิ่มขึ้นเป็น 100 ปี
หากแบบนี้เขาฝึกฝนเจ้าเต่าจนมันวิวัฒนาการไปเรื่อยๆ อายุขัยของเขาจะไม่เพิ่มขึ้นเป็นพันปี หมื่นปีเลยงั้นหรอ?
แล้วแต้มฝึกฝนที่ใช้ในการทำสิ่งต่างๆ ในระบบจะฟื้นคืนกลับมาทุกๆ วัน และเขาจะสามารถฝึกสัตว์อสูรตัวอื่นเพิ่มได้อีก
ตราบใดที่เขาได้รับพลังจากสัตว์อสูรที่เขาฝึกฝนได้ อายุขัยของเขาก็จะยืดออกไปเรื่อยๆ อีกทั้งพลังเองก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไร้ขีดจำกัด
“แล้ว…หนามหิน มันเป็นความสามารถแบบไหน?”
มู่เหลียงเห็นว่าที่ชื่อความสามารถไม่บอกรายละเอียดเกี่ยวกับหนามหินเลย แม้แต่น้อยทำให้เขาตัดสินใจทดสอบมันด้วยตัวของเขาเอง
เขาเรียกใช้งานหนามหินผ่านความคิด ก่อนที่พื้นดินที่ห่างออกไปจากตัวของเขาจะพุ่งขึ้นมาจากพื้นเป็นหนามแหลม ขนาดเท่าฝ่ามือได้
เต่าหินนั้นมองมู่เหลียงก่อนที่จะเอียงหัวของมัน และมองมู่เหลียงด้วยนัยน์ตาสีเขียวมรกตของมันด้วยความสงสัย
“พลังนี้ไม่เลวเลย! เอาไว้เล่นงานเท้าของศัตรูแบบทีเผลอได้!! และช่วยลดความคล่องตัวของคนที่โดนเข้าไป!”
“แล้วถ้าเกิดว่าศัตรูล้มลงกับพื้น ก็ใช้หนามหินโจมตีซ้ำได้ และปิดฉากได้ในครั้งเดียว!”
ความรู้และกลยุทธ์ทางการทหารของมู่เหลียงนั้นอยู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัวไม่หยุดกับแนวทางการใช้หนามหินนี้
ก่อนที่เขาจะมองไปยังหน้าจอข้อมูลสถานะตัวเองอีกครั้ง และเห็นว่าการใช้ความสามารถพวกนี้จะต้องใช้ค่าสถานะของปราณ กับกำลังหรือความถึกทน
“จากค่าสถานะของเราตอนนี้สามารถใช้หนามหินนี้ได้ 6 ครั้ง และทุกครั้งถึกทนจะลดลงจนหมด”
“หากเป็นแบบนี้เราต้องสงวนเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินสามครั้ง และสามารถใช้ได้ต่อวันแค่ 3 ครั้งเท่านั้น”
มู่เหลี่ยงเริ่มวางแผนการใช้พลังอย่างดิบดี
สิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ว่าของอะไรที่จะใช้ในการเพิ่มพลังให้กับเต่าตัวนี้ได้ จากที่ระบบเคยบอกเอาไว้ว่าสามารถหาแต้มฝึกฝนได้จากทางอื่น
และเขาได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า เขาจะทำให้เต่าหินตัวนี้กลายเป็นสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างเต่าทมิฬในตำนาน
“มู่เหลียง…ถ้านายเป็นผู้ตื่น…ทำไมวันนั้นมู่เหลียงถึงเป็นลมล้มพับแบบนั้นได้ล่ะ?”
จู่ๆ มินโฮก็ถามขึ้นมาทำให้มู่เหลี่ยงหันมาสนใจมินโฮอีกครั้ง
“วะ..วันนั้นข้าถูกสัตว์มีพิษเล่นงานเข้าน่ะ”
มู่เหลี่ยงเตรียมข้อแก้ตัวและเหตุผลไว้นานแล้วที่จะหลอกเด็กสาว
เขายังไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ว่าเขาเป็นผู้ข้ามโลก และคงบอกใครไม่ได้
“ถ้างั้นอาการบาดเจ็บของมู่เหลียงดีขึ้นแล้ว …..นายก็คงจะไปจากที่นี่แล้วใช่ไหม…”
มินโฮนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพักแล้ว เด็กน้อยก็พอจะคิดได้ว่า
มู่เหลียงเป็นถึงผู้ตื่น เขาจะอยู่ต่อหรือไม่ ต่อให้ไม่ต้องถามเด็กน้อยก็รู้คำตอบและไม่อยากจะถามมันออกไป
“อืมใช่…ยังไงฉันก็คงจะออกเดินทางต่อ”
มู่เหลียงพยักหน้าเบาๆ
ยังไงวันหนึ่งเขาก็ต้องออกไปจากค่ายแห่งนี้
การออกไปข้างนอกนั้น มู่เหลียงจะได้พบเจอกับสัตว์อสูรใหม่ๆ ที่เขาสามารถฝึกฝนพวกมันได้ และได้รับพลังใหม่ๆ อย่างที่ไม่มีที่สิ้นสุด
มินโฮนั้นกัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะพูดออกมา
“แล้วมู่เหลียงจะไปเมื่อไหร่…”
“อีกสองวันข้างหน้า”
มู่เหลียงตอบ และวางแผนแล้วว่าอีกสองวันเขาจะออกเดินทาง
เพราะร่างกายของเขาพอที่จะแข็งแรงมากขึ้นแล้ว และฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ
เหตุผลที่เขายังอยู่ต่อ ก็เพื่อหาดูว่าอะไรในค่ายแห่งนี้พอจะเป็นแหล่งพลังงานให้กับระบบได้
“นั้นมัน…เร็วจัง….ชะ—ช่วยอยู่ต่อจากนั้นอีกสองสามวันไม่ได้เหรอ”
มินโฮเวลานี้กำลังกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา และพยายามไม่มองไปทางมู่เหลียง
“ลืมไปแล้วหรอ….ว่าอีกสามวันมินโฮต้องจ่ายค่าส่วยแล้ว”
มู่เหลียงนั้นเข้าไปใกล้ๆ มินโฮแล้วเอามืดเช็ดคาบฝุ่นออกจากแก้มของเด็กน้อย
แต่เด็กสาวคนนี้ยังพยายามที่จะปลอมตัวเป็นเด็กชายต่อ และเอาฝุ่นขึ้นมาทาหน้าทาตาอีกครั้ง
จากนั้น เด็กน้อยก็จัดผ้าที่โพกหัวของเธอให้แน่นขึ้น และกระชับถุงผ้าข้างเอวที่สภาพนั้นถูกปะแล้วปะอีก
“ฉันจะไปจับกิ้งก่ามาเพิ่มเอง!! นายต้องเชื่อในตัวฉัน!”
มินโฮคว้ามือของมู่เหลียงและบีบไว้จนแน่น ราวกับกำลังให้สัญญากับมู่เหลียง
“งั้นมินโฮฉันขอถามอะไรสักหน่อย”
มู่เหลียงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“เอาเป็นว่าในอีกสองวันข้างหน้านี้ มินโฮสนใจเดินทางไปกับฉันไหม?”
“ฉะ…ฉัน ฉัน…”
มินโฮถึงกับตอบไม่ถูกและพูดอย่างกระอักกระอ่วน
เด็กสาวนึกถึงตอนที่พี่ของเธอจากไป โดยคำพูดสุดท้ายที่พี่สาวของเธอพูดเอาไว้คือ “น้องรอพี่อยู่ที่นี่น่ะ ไม่นานพี่จะกลับมา”
“มินโฮไม่ต้องรีบตอบตอนนี้ก็ได้ เอาเป็นว่าอีกสองวันค่อยให้คำตอบอีกที”
มู่เหลียงนั้นพูดปลอบใจมินโฮอย่างอ่อนโยน
มู่เหลี่ยงเข้าใจดีว่าทั้งคู่พึ่งจะรู้จักกันได้ 5 วัน การจะขอให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งออกเดินทางไปกับเขาด้วยนั้นคงเป็นเรื่องยาก และตัดสินใจลำบากสำหรับเด็ก
“อื้อ….”
มินโฮผงกหัวเบาๆ ตอนนี้ทั้งสีหน้าแววตา และจิตใจของเด็กสาวว้าวุ้นไปหมด
จะไปกับมู่เหลียงดี หรือว่าจะรอพี่สาวของเธอกลับมา?
แต่หากเธอไปก็จะไม่มีวันได้เจอหน้าพี่สาวของเธออีกเลย
การตัดสินใจนี้มันยากมากสำหรับเด็กสาวคนหนึ่ง!