ตอนที่ 201: เซราฟิม
ตอนที่ 201: เซราฟิม
“ถึงแม้ว่ามันจะมีอุปสรรคอยู่บ้างแต่ผมก็พาลุงพอตเตอร์กลับมาได้อย่างปลอดภัย และเขาก็ตกลงที่จะอยู่ช่วยบริษัทของผมไปสักระยะหนึ่งครับ” เซี่ยเฟยกล่าว
ความจริงเซี่ยเฟยก็ต้องการที่จะเล่าเรื่องที่เขาได้พบกับยานไททัน เนื่องมาจากว่าชายชราคนนี้ก็ชอบเทคโนโลยีจากสมัยโบราณด้วยเช่นกัน ถ้าหากว่าเขาได้รู้ว่าในจักรวาลมียานอย่างไททันอยู่มันก็คงจะทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ
แต่เนื่องจากว่าในขณะนี้ฉินหมางกำลังป่วยและต้องการการพักผ่อน ถ้าหากว่าเขารู้สึกตื่นเต้นมากเกินไปมันก็จะทำให้เลือดสูบฉีดมากกว่าปกติ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับคนที่ติดพิษอย่างชายชราเลย ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงตัดสินใจที่จะเก็บเรื่องไททันเอาไว้ชั่วคราวและยังไม่เลือกที่จะทำการเล่าเรื่องนี้ออกไป
“ความพยายามมักจะให้ผลตอบแทนที่ดีกลับมาเสมอ นายอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตเดินทางไปตามหาพอตเตอร์ตั้งไกล มันจึงเป็นเหตุผลให้เขาเต็มใจมาคอยสนับสนุนนายในทุก ๆ ทาง จำเอาไว้ว่าไม่ว่าใครจะทำอะไรไว้แต่ในที่สุดเขาก็จะต้องได้รับผลตอบแทนกลับไปอยู่ดี” ฉินหมางกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
บางทีอาจจะเป็นเพราะชายชรารู้สึกตัวว่าเขาอาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่นาน เขาจึงเริ่มสอนเซี่ยเฟยอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“นับตั้งแต่ที่พวกเราได้เจอกันนายได้แสดงความมุ่งมั่นและความเฉลียวฉลาดออกมาให้ฉันเห็นตลอด แต่ถ้าหากว่านายยังคงคิดติดอยู่เพียงแต่ในกรอบนายก็ไม่มีวันบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ ฉันไม่รู้ว่าเป้าหมายของนายคืออะไร แต่ลูกผู้ชายสมควรจะต้องเลือกทางเดินเป็นของตัวเองและไม่ว่าเส้นทางที่เลือกจะยากลำบากมากเท่าไหร่ แต่นายก็ควรจะต้องฝ่าฟันอุปสรรคผ่านเส้นทางของตัวเองไปให้ได้” ฉินหมางกล่าว
ภาพของชายชราตอนนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย เพราะไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงหรือทัศนคติที่ฉินหมางได้แสดงออกมา มันก็เหมือนกับว่าเขากำลังสอนลูกศิษย์ของเขาอยู่
“ผมคิดว่าผมได้พบเป้าหมายแล้วครับและผมก็กำลังพยายามทำทุกวิถีทางให้เป้าหมายของผมประสบความสำเร็จ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตรงไปตรงมา เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าชายชราเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดจาเสแสร้ง
กาลเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งในตอนแรกเซี่ยเฟยกับฉินหมางได้พูดคุยเกี่ยวกับปรัชญาการใช้ชีวิต ต่อมาชายหนุ่มก็เริ่มเล่าเรื่องประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ชายชราได้ฟัง
ตลอดบทสนทนาฉินหมางไม่เคยพูดถึงอาการป่วยของเขาเลยและเซี่ยเฟยก็ไม่ได้คิดที่จะถามเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน อันที่จริงเขาอยากรู้มากว่าฉินหมางตั้งใจจะมอบอะไรให้กับเขาจนทำให้เขาได้ตกเป็นเป้าสายตาของคนเป็นจำนวนมากแบบนี้ แต่ชายชรากลับทำเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะมอบอะไรให้กับเซี่ยเฟยเลย
ฉินหมางเป็นคนที่เฉลียวฉลาดมาตลอดอยู่แล้วและมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้สถานการณ์ที่เซี่ยเฟยกำลังพบเจอ ด้วยเหตุนี้มันจึงต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลังเขาจึงเลือกที่จะไม่พูดเรื่องนี้ออกไป
‘เป็นไปได้ไหมว่าคุณตากำลังแอบถูกจับตามองอยู่อย่างลับ ๆ เขาถึงไม่คิดจะพูดเรื่องสำคัญ แต่พูดเรื่องสัพเพเหระกับฉันเท่านั้น’ เซี่ยเฟยคิดในใจขณะมองไปรอบ ๆ ห้อง 2-3 ครั้ง
ด้วยระดับเทคโนโลยีของพันธมิตรในปัจจุบัน การพยายามสอดแนมไม่จำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ที่ยุ่งยากอย่างกล้องรูเข็ม เพราะท้ายที่สุดในแผนกสืบสวนก็มีมนุษย์ที่มีพลังพิเศษรูปแบบต่าง ๆ ที่เหมาะสมสำหรับการสอดแนมอย่างมากมาย มันจึงทำให้การพยายามแอบฟังบทสนทนาภายในห้องนี้ไม่ได้เป็นความลับสำหรับผู้ที่มีอำนาจอยู่ในมือเลย
เมื่อคิดมาได้จนถึงตรงนี้เซี่ยเฟยก็รู้สึกไม่พอใจมากยิ่งขึ้น
‘คนพวกนี้กลัวว่าคุณตาจะไม่ตายสินะ ฝันไปเถอะ! ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้คุณตาตายง่าย ๆ เด็ดขาด!!’ เซี่ยเฟยคิด
ตอนแรกเซี่ยเฟยไม่ได้กระตือรือร้นที่จะเตรียมยาพิษให้กับฉินหมางมากนัก แต่หลังจากที่เขาได้เห็นความระแวดระวังของชายชรา มันก็ทำให้เขารู้สึกโกรธแค้นอยู่ภายในใจ
คนทุกคนมีความลับที่ต้องการจะซุกซ่อนเอาไว้เสมอ แต่พวกเขากลับทำเหมือนพยายามกลั่นแกล้งคนแก่ที่ไม่มีทางสู้ นอกจากนี้พวกเขายังเลือกที่จะทำการคุกคามอย่างเปิดเผยโดยไม่ให้เกียรติฉินหมางเลยแม้แต่นิดเดียว
หลังจากพูดคุยกันมาเป็นเวลานานชายหนุ่มก็สังเกตเห็นว่าฉินหมางควรจะพักผ่อนได้แล้ว เขาจึงลุกขึ้นพร้อมบอกลาโดยบอกว่าเขาจะมาเยี่ยมใหม่ในวันอื่น
ในเวลาเดียวกันเมื่อทูรามเห็นเซี่ยเฟยออกมาจากห้องด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด เขาก็คิดว่าชายหนุ่มคงจะทนไม่ได้ที่เห็นฉินหมางป่วยระยะสุดท้าย เขาจึงเดินไปตบไหล่ชายหนุ่มเพื่อปลอบใจก่อนที่พวกเขาจะเดินลงบันไดเคียงข้างกัน
ที่ชั้นล่างมาร์ตากับชายชราอีก 2-3 คนกำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ และเมื่อพวกเขาได้เห็นเซี่ยเฟยกับทูรามเดินลงมา พวกเขาก็หาข้ออ้างก่อนที่จะแยกย้ายกันออกไป
—
“พี่หลิงยานของผมจะเดินทางมาถึงเมื่อไหร่เหรอ?” เซี่ยเฟยถามหลังจากที่เขาได้กลับขึ้นมาบนยานเอเรส
เนื่องจากในตอนขากลับมาจากทุ่งดาวแห่งความตายเซี่ยเฟยรีบกลับมาเยี่ยมอาการของฉินหมาง เขาจึงเดินทางมาด้วยยานรบของทูรามและส่งแวมไพร์ขึ้นยานขนส่งของสมาพันธ์ที่บินตามมา
ตอนนี้เซี่ยเฟยรีบที่จะออกไปหาวัตถุดิบสำหรับการปรุงยาพิษให้กับฉินหมาง เขาจึงถามถึงยานรบของเขาที่ต้องใช้สำหรับการเดินทาง
“ยานของนายยังต้องใช้เวลาเดินทางอีกอย่างน้อย 13 วัน มีอะไรสำคัญหรือเปล่าหรือว่านายต้องรีบใช้ยาน?” หลิงเฟิงตอบหลังจากที่เขาติดต่อไปยังผู้รับผิดชอบเรื่องยานขนส่ง
“ใช่ครับ ผมมีธุระที่ต้องรีบออกไปทำ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“เอายังไงดี? เดี๋ยวฉันลองหายานจากใกล้ ๆ นี้ให้ก่อน ถ้าไม่ได้จริง ๆ ฉันจะลองพูดกับอาจารย์ให้นายเอายานเอเรสลำนี้ไป” หลิงเฟิงกล่าวหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เซี่ยเฟยไม่คิดที่จะปฏิเสธความหวังดีของหลิงเฟิง เพราะเขาต้องรีบออกไปหาวัตถุดิบสำหรับการผลิตยาพิษให้ฉินหมาง ซึ่งหลังจากที่เขาได้กล่าวขอบคุณเรียบร้อยแล้วเขาก็ขังตัวเองอยู่ภายในห้องพร้อมกับค้นหาข้อมูลของเซราฟิม
ในระหว่างเข้าบัญชีสตาร์เน็ตเวิร์กเซี่ยเฟยก็ได้พบว่าบัญชีของเขาได้รับการอัพเกรดเป็นบัญชีระดับพิเศษที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทั่วทั้งจักรวาล
ไม่จำเป็นต้องถามเซี่ยเฟยก็เดาได้เลยว่าเรื่องนี้จะต้องเป็นฝีมือของแอวริลแน่ ๆ เพราะท้ายที่สุดระบบสตาร์เน็ตเวิร์กก็เป็นธุรกิจในการดูแลของตระกูลแอวริล
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่เลือกที่จะทำอะไร ท้ายที่สุดนี่ก็เป็นความหวังดีของแอวริลเองแม้ว่าเขาจะไม่ต้องการใช้ประโยชน์จากตระกูลเจี่ยนก็ตาม
เมื่อได้รับบัญชีพิเศษเขาย่อมได้รับสิทธิประโยชน์ที่พิเศษด้วยเช่นกัน ซึ่งนอกเหนือจากการที่เขาสามารถเข้าถึงเครือข่ายได้ทั่วทั้งพันธมิตรแล้ว เขายังได้รับเครื่องมือค้นหาชั้นสูงและไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือนด้วย
ชายหนุ่มรัวนิ้วลงบนหน้าจออย่างต่อเนื่องเพื่อพยายามค้นหาข้อมูลของเซราฟิมทั้งหมด โดยใช้ระบบตัวกรองชั้นสูงทำการหาข้อมูลที่อยู่ของเซราฟิมในรัศมี 1 ล้านปีแสง
หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปเพียง 10 นาที ข้อมูลอันยาวเหยียดก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ซึ่งระยะเวลาที่ใช้ในการค้นหามันก็สั้นกว่าก่อนหน้านี้ไปมาก
ท้ายที่สุดข้อมูลในสตาร์เน็ตเวิร์กก็มีปริมาณอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งการพยายามดึงข้อมูลที่เขาต้องการค้นหาออกมามันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ด้วยบัญชีพิเศษที่แอวริลให้เขามามันจึงทำให้เขาได้สิทธิ์ใช้เซิร์ฟเวอร์ในการช่วยค้นหาถึงสามเซิร์ฟเวอร์ ดังนั้นข้อมูลจำนวนมหาศาลจึงได้รับการประมวลผลในเวลาเพียงแค่ 10 นาที ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มันอาจจะต้องใช้เวลาในการประมวลผลนานนับชั่วโมง
ข้อมูลบรรทัดแรกเป็นข้อมูลการพบเห็นเซราฟิมโดยบังเอิญในขณะที่ประชาชนคนหนึ่งได้เข้าไปสำรวจดาวเคราะห์ดวงแปลก ๆ ซึ่งหลังจากที่ได้ทำการเปรียบเทียบข้อมูลแล้วภาพที่ปรากฏในวิดีโอของชายคนนั้นก็น่าจะเป็นเซราฟิมจริง ๆ
น่าเสียดายที่ดาวดวงนี้ถูกทางการเข้ามาควบคุมเอาไว้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ประชาชนได้รับอันตราย และเขาก็จำเป็นจะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ระดับ 9 ขึ้นไปหากต้องการจะเข้าไปในดาวดวงนี้
ในบรรดาข้อมูลเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนข้อมูลนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด เพราะมันมีทั้งวิดีโอของผู้พบเจอเป็นหลักฐานและทางการได้ทำการควบคุมดวงดาวเพื่อความปลอดภัย ที่สำคัญดาวดวงนี้อยู่ห่างจากดาวเฮกสตาร์ไม่ถึง 500,000 ปีแสง ซึ่งมันต้องใช้เวลาในการเดินทางเพียงแค่ประมาณ 10 ชั่วโมงเท่านั้น
“นายอยากลองไปดาวดวงนั้นดูไหม?” อันธถาม
“อืม ข้อมูลนี้มีความน่าเชื่อถือสูงที่สุดแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
ถิ่นที่อยู่ของเซราฟิมอยู่ห่างจากภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่มาก ซึ่งถ้าหากว่าเขาเดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้นเขาย่อมได้พบเจอเซราฟิมอย่างแน่นอน แต่การเดินทางไปยังถิ่นที่อยู่ของเซราฟิมจำเป็นจะต้องใช้เวลาไปกลับอย่างน้อย 20 วัน ซึ่งถ้าหากดูจากสถานการณ์ของฉินหมางในปัจจุบันแล้วชายชราก็คงจะไม่สามารถทนรอได้นานขนาดนั้น
หลังจากทำการตัดสินใจ เซี่ยเฟยก็ทำการต่อสายไปหาทูราม
ภาพบนหน้าจอทูรามกำลังอยู่ในโรงแรมที่หรูหรา ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าเขากำลังอยู่ในงานเฉลิมฉลองอะไรบางอย่าง
“ผมอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณหน่อยครับ” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายโทรมาได้ถูกเวลาจริง ๆ มาร์ตากำลังจะให้ฉันเข้าไปในงานเลี้ยง ฉันจะได้หาข้ออ้างออกไปจากงานนี้สักที” ทูรามกล่าว
“ผมต้องการคำอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ระดับ 9 ครับ” เซี่ยเฟยพูดเข้าประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อม
“คำอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ระดับ 9! นายจะเอาไปทำอะไร?” ทูรามถามอย่างสับสน
“เอาไปทำเรื่องสำคัญครับ”
“ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร ฉันขอเวลา 30 นาที เดี๋ยวจะส่งคำอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ไปให้ ส่วนเรื่องยานนายก็เอาเอเรสไปใช้ก่อนได้เลย ฉันคงจะไม่ได้ใช้มันในเร็ว ๆ นี้อยู่แล้ว” ทูรามกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
หลังจากวางสายเซี่ยเฟยก็เดินไปหาหลิงเฟิงเพื่อพูดคุยเรื่องการยืมยาน แน่นอนว่าเมื่อได้รับคำอนุญาตจากทูรามเรียบร้อยหลิงเฟิงก็ไม่มีปัญหาในเรื่องนี้อยู่แล้ว
“พี่หลิงคุณช่วยเตรียมวัตถุดิบพวกนี้ในระหว่างที่ผมไม่อยู่ให้หน่อยได้ไหมครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งข้อมูลรายการวัตถุดิบให้หลิงเฟิง
“เรื่องของนายก็คือเรื่องของฉัน ไม่ต้องห่วงฉันจะหาวัตถุดิบพวกนี้มาให้นายให้ได้” หลิงเฟิงกล่าวพร้อมกับตบหน้าอกอย่างมั่นใจ
หลิงเฟิงเป็นถึงลูกศิษย์ของทูราม นอกจากนี้รายการวัตถุดิบที่เซี่ยเฟยได้ขอมาก็ไม่ใช่รายการวัตถุดิบที่หาได้ยากมากจนเกินไป ดังนั้นการพยายามหาวัตถุดิบพวกนี้ให้กับเซี่ยเฟยจึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเขาเลย
หลังจากที่หลิงเฟิงลงจากยานแล้ว เซี่ยเฟยก็เดินไปพูดกับกัปตันยานเอเรสว่า
“ออกเดินทางไปยังดาว IK-4517 เดี๋ยวนี้เลยครับ”
กัปตันยานป้อนจุดหมายปลายทางตามคำสั่งของเซี่ยเฟยทันที ก่อนที่เขาจะขมวดคิ้วและหันไปถามชายหนุ่มว่า
“ดาวดวงนี้ต้องการใช้คำอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ระดับ 9 คุณได้รับคำอนุญาตมาแล้วหรือยัง?”
“คำอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์จะมาถึงในอีก 20 นาทีครับ พวกเราสามารถออกเดินทางได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
กัปตันยานพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะบังคับยานให้บินไปยังดาวเป้าหมาย
***************