ตอนที่ 199: มาร์ตา
ตอนที่ 199: มาร์ตา
ถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยกับฉินหมางจะไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นศิษย์อาจารย์ แต่พวกเขาก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี และนี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ฉินหมางเลือกจะมอบอะไรบางอย่างไว้ให้กับชายหนุ่มก่อนที่เขาจะจากจักรวาลแห่งนี้ไป
เซี่ยเฟยคาดเดาว่าในบ้านของฉินหมางจะต้องถูกสอดแนมจากใครบางคนอยู่อย่างแน่นอน และเมื่อพวกเขาได้รู้ว่าชายชรากำลังจะมอบสิ่งที่พวกเขาต้องการให้เซี่ยเฟย พวกเขาจึงต้องการที่จะตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม
“คุณตาเป็นคนใจดี เขาคงไม่คิดว่าการที่เขาจะมอบอะไรบางอย่างให้กับผม มันจะทำให้ผมได้กลายเป็นเป้าของคนอื่นแบบนี้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉินหมางเป็นคนที่มีนิสัยแปลกประหลาดมาโดยตลอด ตอนที่เขายังหนุ่ม ๆ เขาชอบสะสมหนังสือเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ ต่อมาเขาก็เริ่มสะสมสิ่งของต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอารยธรรมโบราณ ถ้าหากว่าเขาได้มอบของที่เขาสะสมให้นายจริง ๆ มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนรู้สึกไม่พอใจ เพราะคุณค่าของของพวกนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถประเมินได้”
“ตอนที่เขายังอยู่มันคงไม่มีใครกล้าคิดถึงการแย่งชิงของพวกนั้นไป แต่ตอนที่เขากำลังจะตายไอ้พวกโลภมากพวกนี้ก็โผล่หางของตัวเองออกมา!” ทูรามกล่าว
คำพูดของทูรามทำให้เขานึกถึงหนังสือในห้องสมุด เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเขาได้อ่านหนังสือไปมากมายเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน เขาจึงรู้ถึงคุณค่าของหนังสือพวกนั้นดีและมันก็ทำให้เซี่ยเฟยถูกลากเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องยุ่งยากเหล่านั้นด้วย
“ฉันขอแนะนำอะไรหน่อยก็แล้วกัน ฉันคิดว่านายไม่ควรรับของที่ฉินหมางกำลังจะมอบให้กับนาย ไม่อย่างนั้นมันจะมีปัญหาตามมานับไม่ถ้วน” ทูรามกล่าว
“ผมรู้เรื่องนั้นดีครับ ผมแค่อยากไปหาคุณตาเท่านั้นไม่ได้ต้องการจะกลับไปเอาอะไรจากเขาเลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“ไม่ต้องห่วง เหตุผลที่ฉันเดินทางมาด้วยก็เพราะว่าฉันอยากพานายไปเยี่ยมตาแก่นั่นอย่างปลอดภัย ตราบใดก็ตามที่นายไม่รับของนั้นมามันก็ไม่มีใครสามารถทำอันตรายใด ๆ กับนายได้” ทูรามกล่าว
“ผมเข้าใจครับ” เซี่ยเฟยพยักหน้าเล็กน้อย
“ว่าแต่ทำไมพอตเตอร์ถึงมาอยู่กับนายได้?” ทูรามถาม
“คุณตารู้จักลุงพอตเตอร์ด้วยเหรอครับ?” เซี่ยเฟยอุทานด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“แล้วนายไม่รู้จักเหรอ?” ทูรามกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คำตอบนี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง เพราะทั้งฉินหมางและทูรามต่างก็ดูเหมือนจะรู้จักพอตเตอร์เป็นอย่างดี แต่เขากลับไม่มีเงื่อนงำอะไรที่เกี่ยวข้องกับภูมิหลังของพอตเตอร์เลย
“เมื่อก่อนพอตเตอร์ได้รับขนานนามว่าเทพแห่งเครื่องจักรและเขายังเป็นแชมป์การแข่งขันโกลเดนฟิงเกอร์ 3 สมัย ถึงแม้ว่าตอนนี้ตาของเขาจะหายไปข้างหนึ่งแต่ฉันก็ยังจำเขาได้อยู่ดี” ทูรามเฉลยหลังจากที่ได้เห็นท่าทางอันซับซ้อนของชายหนุ่ม
“ลุงพอตเตอร์เป็นแชมป์การแข่งขันโกลเดนฟิงเกอร์ 3 สมัยเลยเหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาอย่างสงสัย
การแข่งขันโกลเดนฟิงเกอร์เป็นการแข่งขันของช่างยนต์ทั่วทั้งพันธมิตร การได้แชมป์ของรายการนี้จึงเป็นเรื่องยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อ แต่พอตเตอร์กลับได้แชมป์รายการนี้ติดต่อกันถึง 3 สมัย!
“แล้วนายไปรู้จักเขาได้ยังไง” ทูรามถาม
เซี่ยเฟยเล่าเรื่องที่เขาได้ไปเจอกับพอตเตอร์สั้น ๆ ก่อนที่จะเล่าถึงเรื่องที่เขาเชิญพอตเตอร์ไปทำงานในบริษัท
“ฉันจะบอกอะไรนายสักอย่างก็แล้วกัน หลังจากที่พอตเตอร์ได้เป็นแชมป์โกลเดนฟิงเกอร์ 3 สมัย ประธานของสมาพันธ์จัสทิสก็ได้ออกมาเชิญเขาเข้าร่วมสมาพันธ์ของพวกเราเป็นการส่วนตัว แต่พอตเตอร์กลับปฏิเสธคำเชิญโดยไม่แม้แต่จะเก็บไปคิด หลังจากนั้นฉันก็ได้รู้ข่าวมาว่าเขาเป็นสมาชิกตระกูลเก่าแก่ของพันธมิตร เขาจึงไม่เคยสนใจเรื่องเงินทองหรือเกียรติยศเลย เพราะเขาแค่จะทำในสิ่งที่เขารู้สึกสนใจเท่านั้น”
“แต่ตอนนี้เทพแห่งเครื่องจักรกลับยินดีไปทำงานในบริษัทเล็ก ๆ ของนาย นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมาเลย นายนี่มันเป็นพวกเจ้าเล่ห์จริง ๆ” ทูรามกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียงดังหลังจากที่ได้ยินเรื่องที่เซี่ยเฟยจะเอาพอตเตอร์เข้าไปทำงานในบริษัท
ภูมิหลังของพอตเตอร์ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออก เพราะตอนแรกเขารู้เพียงแค่ว่าพอตเตอร์ไม่น่าจะใช่คนธรรมดา แต่เขาก็ไม่คิดว่าภูมิหลังของชายชราจะยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้
“คุณตาก็เคยพูดถึงลุงพอตเตอร์มาก่อนเหมือนกันครับ คุณตาก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“นายรู้ไหมว่าฉันเจอพอตเตอร์ได้ยังไง?” ทูรามถาม
“ไม่รู้ครับ”
“ฉินหมางเริ่มหมกมุ่นเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ในตอนแรก ก่อนที่เขาจะหันไปให้ความสนใจเทคโนโลยีกับเครื่องจักร ตอนนั้นเขาเลยติดการแข่งขันโกลเดนฟิงเกอร์มาก แต่ไอ้แก่นั่นมันไม่ยอมไปคนเดียวมันกลับลากฉันไปด้วย ดังนั้นพวกเราจึงได้เห็นโปสเตอร์ในการแข่งขันพร้อม ๆ กันและการที่มันไม่ยอมบอกนาย มันก็หมายความว่ามันต้องการให้นายได้รู้เรื่องนี้เอง” ทูรามกล่าว
—
10 วันต่อมา ณ ดาวเฮกสตาร์
โรงพยาบาลแคปปิตอลเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดภายในดาวเฮกสตาร์ ซึ่งในปัจจุบันรถตราสัญลักษณ์ของสมาพันธ์จัสทิสกำลังแล่นเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะเข้าไปยังตึกพิเศษที่อยู่ด้านหลังของโรงพยาบาล
ตึกพิเศษพวกนี้สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับผู้มีอำนาจโดยเฉพาะ ตึกแต่ละตึกจึงเหมือนกับเป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน
รถคันสีดำจอดอยู่หน้าอาคารพิเศษหมายเลข 1 ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและหรูหราที่สุด ก่อนที่ทูรามกับเซี่ยเฟยจะเดินลงมาจากรถและเข้าไปภายในอาคารอย่างสง่างาม
เย่จิ่งชานกับชายชราที่มีผมขาวเดินเข้ามาทักทายทูรามด้วยเคารพ แต่หลังจากที่ผู้บัญชาการค่ายจัสทิสลีกได้เห็นเซี่ยเฟยที่ติดตามมาด้วยมันก็ทำให้เขารู้สึกตกใจอยู่เล็กน้อย
“ไอ้แก่อยู่ข้างในใช่ไหม?” ทูรามถามอย่างหยาบคาย
“อาจารย์กำลังรอคุณอยู่ครับ เขาสั่งให้ผมมารับรองคุณเป็นพิเศษ” เย่จิ่งชานกล่าวขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม
ปกติร้อยวันพันปีสีหน้าของเย่จิ่งชานเป็นดั่งน้ำแข็งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ด้วยเหตุนี้รอยยิ้มของเขาในตอนนี้จึงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจ
“ไม่ต้องมารับรงรับรองอะไรฉัน หลีกทางไป! ฉันจะเข้าไปเยี่ยมไอ้แก่นั่น” หลังจากพูดจบทูรามก็เดินเข้าไปโดยไม่สนใจใครพร้อมกับเซี่ยเฟยที่เดินตามหลังชายชราไปติด ๆ
“เซี่ยเฟย! คุณควรกลับไปรายงานตัวที่ค่ายก่อน” เย่จิ่งชานกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“กลับไปรายงานตัวบ้าบออะไร! ไอ้แก่นั่นเป็นหัวหน้างานของเซี่ยเฟยโดยตรง ถ้าหากหัวหน้าป่วยอยู่โรงพยาบาล ไอ้เด็กนี่ก็ต้องมารายงานตัวในโรงพยาบาลสิถึงจะถูก” ทูรามหันศีรษะไปคำรามด้วยความหงุดหงิด
“ใช่ครับ คุณพูดถูกแล้ว” ชายชราผมขาวที่อยู่ด้านข้างเย่จิ่งชานดึงชายเสื้อผู้บัญชาการค่ายคนนี้เอาไว้อย่างลับ ๆ แต่ท่าทางของเขากลับเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“อีกคนนั่นใครเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามหลังจากที่พวกเขาเดินผ่านพวกเย่จิ่งชานมาแล้ว
“มันชื่อ ‘น่าเหลียน’ เป็นศิษย์รุ่นแรก ๆ ของฉินหมางเลย ตลอดชีวิตไอ้แก่นั่นรับลูกศิษย์มาอย่างมากมาย แต่น่าเสียดายตอนหนุ่ม ๆ มันสายตาไม่ค่อยดี ทั้ง ๆ ที่อาจารย์ตัวเองกำลังจะตายแต่ไอ้พวกนี้ก็คิดแต่จะหาผลประโยชน์”
“ผู้บัญชาการเย่ก็เป็นลูกศิษย์ของคุณตาด้วยเหรอครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“อือ” ทูรามตอบโดยการส่งเสียงในลำคอ
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงสามารถเข้าไปยังค่ายชั้นในได้ นั่นก็เพราะว่าฉินหมางคอยให้การสนับสนุนเขาอยู่อย่างลับ ๆ นั่นเอง
การเปิดเผยนี้ทำให้เซี่ยเฟยได้รู้ว่าฉินหมางคอยช่วยเหลือเขาทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกขอบคุณชายชราคนนี้มากขึ้นกว่าเดิม
“ลูกศิษย์ของคุณตาก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกคนนะครับ อย่างน้อยผมก็คิดว่าคุณย่าเหวยที่อยู่ในทุ่งดาวแห่งความตายก็เป็นคนดีทีเดียว” เซี่ยเฟยกล่าว
“มันเป็นเพราะไอ้เด็กนั่นอยู่ไกลเกินไปและมันรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้รับส่วนแบ่ง เชื่อฉันเถอะว่าลูกศิษย์ของฉินหมางมีแต่พวกนิสัยเสีย” ทูรามกล่าวขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
ในระหว่างที่เดินผ่านสวนเซี่ยเฟยก็ได้มองเห็นชายชรากลุ่มหนึ่งที่กำลังเผยรอยยิ้มไปให้กับทูราม
“ศัตรูของนายไม่ได้มีแค่ลูกศิษย์ของไอ้แก่นั่นเท่านั้น ไอ้พวกหัวหงอกหัวเทาที่เป็นเพื่อนเก่าก็จ้องจะเล่นงานนายด้วยเหมือนกัน ระวังตัวเอาไว้ด้วย” ทูรามกระซิบบอกกับเซี่ยเฟย
คำอธิบายของทูรามทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วพร้อมกับแอบรำคาญคนพวกนี้ที่กำลังวางแผนจะยึดทรัพย์สินของฉินหมาง แต่ก็ยังพูดคุยกันอย่างหน้าระรื่น
ชายชรากลุ่มนี้ทักทายทูรามอย่างกระตือรือร้น ซึ่งทูรามก็ทักทายกลับไปด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าทูรามจะมีชื่อเสียงเรื่องอารมณ์ร้าย แต่ชายชรากลุ่มนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีอำนาจที่รับมือได้ยากกันทุกคน
เซี่ยเฟยไม่มีอะไรจะพูดกับคนพวกนี้เขาจึงยืนอยู่นอกประตูและแอบมองเข้าไปด้านในอย่างลับ ๆ โดยทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบของจัสทิส และพวกเขาก็กำลังทำหน้าที่กันอย่างเข้มงวด มันจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หากจะมีใครแอบเข้าใกล้ฉินหมางอย่างลับ ๆ
ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็รู้สึกขนลุกวาบขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนที่เขาจะหันไปเห็นชายชราผมดำที่กำลังเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
ดวงตาของชายชราคนนี้เฉียบคมราวกับเหยี่ยวและถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลา แต่ผมกับเคราของเขาก็ยังคงดกดำเหมือนชายฉกรรจ์โดยทั่วไป
“ว่าไงทูราม ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ชายชราผมดำกล่าวพร้อมกับอ้าแขนของเขาออก
“เอ้ามาร์ตา นายยังสบายดีสินะ” ทูรามหันศีรษะมามองก่อนที่ทั้งสองจะกอดกันอย่างสนิทสนม
ในระหว่างนั้นมาร์ตาแอบมองไปทางเซี่ยเฟยเป็นครั้งคราวและสายตาอันเฉียบคมของเขาก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัด
“ทำไมนายไม่บอกก่อนล่ะว่านายจะมา พวกเราจะได้เดินทางมาเยี่ยมฉินหมางด้วยกัน” มาร์ตากล่าวอย่างมีเลศนัย
“แผนกอาวุธยุทโธปกรณ์ของฉันเป็นแค่ที่นอนเล่นเฉย ๆ ไม่ยุ่งเหมือนกับแผนกสืบสวนของนายหรอก ฉันคิดว่านายน่าจะติดงานฉันเลยรีบมาก่อนไม่ทันได้ชวน” ทูรามกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ
“อะไรกันฉินหมางก็เป็นเพื่อนฉันเหมือนกัน ฉันจะไม่มาหาเขาในช่วงเวลาแบบนี้ได้ยังไง” มาร์ตากล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
เท่าที่เซี่ยเฟยจับประเด็นได้จากบทสนทนา มันก็ดูเหมือนกับว่าทูรามกับมาร์ตาจะเป็นคู่กัดกัน
“ว่าแต่หนุ่มน้อยคนนี้คือใครเหรอ?” มาร์ตาถามพร้อมกับหันไปมองทางเซี่ยเฟย
“เขาชื่อเซี่ยเฟย” ทูรามกล่าว
“เซี่ยเฟยที่เป็นบรรณารักษ์ในห้องสมุดของฉินหมางนะเหรอ?” มาร์ตาถาม
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
“เอาล่ะพวกเราเข้าไปเยี่ยมฉินหมางกันดีกว่า” มาร์ตากล่าวก่อนที่เขาจะดึงทูรามกับเซี่ยเฟยเข้าไปด้านใน
***************
สมบัติของคุณตาฉินหมางมันยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยหรอ?