ตอนที่แล้วตอนที่ 9 บ้านหัวหน้าค่าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 พ่อบ้านตัวดี

ตอนที่ 10 ลอบสังหาร


“พ่อบ้าน!!!”

หัวหน้าค่ายตะโกนออกมาจากห้องโถง

“มาแล้วขอรับ”

ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาหัวหน้าค่ายทันที

“วันนี้แกได้ไปทำตามคำสั่งของฉันแล้วใช่ไหม”

หัวหน้าค่ายถามขึ้น

“ท่านหัวหน้า….วันนี้ผมไปตามที่ท่านบอกแต่ไม่พบคนของกลุ่มโจรเคราโลหิตเลย”

พ่อบ้านกัดฟันพูดต่อ

“ผมรอมันอยู่ที่เนินเขาทั้งวัน แต่ก็ไม่เห็นหัวมันสักคน”

“เป็นไปไม่ได้! ข้านัดแนะกับหัวหน้าของมันเรียบร้อยแล้ว”

หัวหน้าค่ายถึงกับลุกขึ้นจากเก้าอี้

เขามองพ่อบ้านอย่างไม่พอใจ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเย็นชา

“แกไม่เห็นคนของกลุ่มโจรเคราโลหิตจริงๆ หรือแกไม่ได้ไปกันแน่”

“เจ้านาย กระผมไม่กล้าหลอกท่าน หรือขัดคำสั่งท่านอยู่แล้ว”

พ่อบ้านรีบปฏิเสธทันที

“ฮึ!! ถ้างั้นมันอาจจะมาช้าก็ได้”

หัวหน้าค่ายจ้องเขม็งไปทางพ่อบ้าน และพยายามลดโทสะลง ก่อนจะออกคำสั่ง

“ไปที่เนินเขาเดิมอีกครั้งวันพรุ่งนี้ รอจนกว่าจะเจอคนของกลุ่มเคราโลหิต และบอกกับพวกมันได้เลยว่าให้เริ่มดำเนินแผนเร็วกว่ากำหนด ให้เริ่มวันมะรืนได้เลย”

“รับทราบแล้ว”

พ่อบ้านพยักหน้ารับ

“ไปไหนก็ไป”

หัวหน้าค่ายโบกมือไล่พ่อบ้านทันที

“ขอรับ”

พ่อบ้านโค้งตัวลงเล็กน้อยก่อนจะเดินถอยหลังออกไป

ตูม!!

หัวหน้าค่ายพลิกคว่ำโต๊ะอาหาร ก่อนที่จะแหกปากตะโกนออกมาราวกับสัตว์ป่า

“ไอพวกเวรนั้นก็คิดจะแยกตัวออกไป แกคิดหรอว่าจะไปจากเงื้อมมือของฉันได้!”

น้ำเสียงของหัวหน้าค่ายดูแห่บพร่าขึ้น

“พวกเราต้องการไปที่กลุ่มทะเลสาบพระจันทร์….”

หัวหน้าค่ายพูดด้วยสำเนียงที่ล้อเลียน

“ก็ลองไปดูสิ!! ใครที่มันกล้าตีตัวจากฉันไปละก็ ฉันจะฆ่ามันทุกคน!”

เวลานี้บ่อน้ำของค่ายใกล้ที่จะแห้งแล้ว ทำให้ทีมนักล่าของค่ายนั้นต้องการย้ายไปยังกลุ่มทะเลสาบพระจันทร์

ทั้งสามคนที่มาร่วมโต๊ะอาหารด้วยคือหัวหน้าของทีมนักล่า

ในมื้อค่ำนี้พวกเขาทั้งสามมาเพื่อหยั่งเชิงกับหัวหน้าค่าย และยืนคำขาด

ทำให้หัวหน้าค่ายนั้นโกรธอย่างมาก และรู้สึกเหมือนหมาที่ตัวเองเลี้ยงไว้กำลังจะหนีจากไป

“ฉันต้องการเข้าร่วมกับกลุ่มเคราโลหิต!”

หัวหน้าค่ายนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง พร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปาก

“ดูเหมือนว่าพวกมันคงไม่ยอมแน่ๆ”

แผนการหาน้ำทั้งหมดเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น

หัวหน้าค่ายได้ตกลงกับหัวหน้าของกลุ่มโจรเคราโลหิตไว้แล้ว เขาเพียงรอให้พวกโจรบุกเข้ามาและฆ่าคนในค่าย

ก่อนที่จะแสร้งเป็นผู้นำที่ดีปกป้องคนในค่ายที่เหลือ และแกล้งทำเป็นถูกบีบให้เข้าร่วมกับกลุ่มโจรเคราโลหิต

กลุ่มเคราโลหิตเองก็ต้องการคนเพิ่ม และผู้หญิงเข้ากลุ่มด้วย

และด้วยข้อตกลงที่ทำเอาไว้ เขาจะได้เป็นหนึ่งในหัวหน้าของทีมนักล่า และมีอำนาจในกลุ่มโจรแห่งนี้

“....”

นัยน์ตาสีดำของมู่เหลียงนั้นฉายออกถึงความโกรธแค้น  เขาแทบทนไม่ไหวที่จะลุกขึ้นไปปาดคอชายผู้นี้ตอนนี้เวลานี้ทันที

แลกชีวิตคนในค่ายเพื่อจะได้เข้ากลุ่มและมีอำนาจ

โชคดีที่มู่เหลียงนั้นเจอกับกลุ่มโจรเคราโลหิตก่อน และจัดการพวกมันไป อีกทั้งการที่เขาจะมาเตือนเรื่องโจรที่จะบุก ทำให้มู่เหลี่ยงได้ยินเรื่องต่ำช้าของหัวหน้าค่าย

ด้วยนิสัยและความคิดที่ไร้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของโจร เด็ก ผู้หญิง และคนแก่จะต้องเจอชะตากรรมเช่นใดบ้างมู่เหลียงไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการความโหดร้ายนั้น

หากว่าวันนี้มินโฮไม่เจอกับกลุ่มโจรเข้า และไม่ตัดสินใจไปกับเขา…อะไรจะเกิดขึ้นกับมินโฮบ้าง?

มู่เหลียงส่ายหัวไปมาเพื่อสลัดความคิดอันแสนหดหู่นี้ออกจากหัว

แค่นึกถึงรอยยิ้มที่เปื้อนไปด้วยฝุ่นของมินโฮ ก็ทำให้มู่เหลียงอย่างจะระบายความโกรธแค้นนี้กับหัวหน้าค่าย

มู่เหลี่ยงตัดสินใจแล้วว่าจะกำจัดสวะตัวนี้ซะ

เขาก้าวออกมาจากเงามืดอย่างเงียบเชียบ ฝีเท้าของเขาไร้เสียงใดๆ ทั้งสิ้นไม่ต่างจากผี

เขาหลบแสงสะท้อนจากเปลวเพลิงที่อยู่ภายในห้อง  เพื่อไม่ให้เกิดเงาขึ้นตามผนังจนผิดสังเกต

ในที่สุดมู่เหลี่ยงก็ยืนอยู่หลังหัวหน้าค่าย

“ไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก!!!  ทำไมถึงไม่ยอมเป็นหมาที่เชื่อฟังเหมือนเมื่อก่อน”

หัวหน้าค่ายนั้นหัวพิงกับพนักเก้าอี้ ด้วยความรู้สึกที่เคียดแค้น

มู่เหลี่ยงเองเอียงหัวเล็กน้อยเพื่อดูด้านหน้า ก่อนที่จะเห็นว่าโต๊ะข้างๆ มีผ้าขนสัตว์อยู่ เขาจึงนำมามัดเป็นม้วน

“แต่ลูกสาวของเจ้าสามตัวนั้น…หึๆ ก็น่ากินไม่….อ้ะ!!”

ระหว่างที่หัวหน้าค่ายกำลังยิ้มอย่างชั่วร้ายและคิดถึงเรื่องต่ำช้าที่ทำ ปากของเขาก็ถูกผ้าขนสัตว์รัดเอาไว้

“อู้ๆๆๆ”

หัวหน้าค่ายกลัวอย่างมาก และดิ้นไปมาพยายามที่จะลุกขึ้น แต่มู่เหลี่ยงล็อคคอของเขาไว้ และกดลงกับเก้าอี้

“นรกยินดีต้อนรับ!”

มู่เหลียงกระซิบเบาๆ

“อู้!!!!”

หัวหน้าค่ายนัยน์ตาเบิกกว้างด้วยความตื่นกลัวสุดขีด เขาเอาสองมือพยายามดึงแขนของมู่เหลียงออก

-เขาหวาดกลัวอย่างมาก และแม้ว่าตัวของเขาจะเป็นผู้ทรงพลังก็ตาม แต่แรงของเขากลับไม่สามารถสลัดออกจากการรัดนี้ได้

“ลาก่อน!”

กร็อบ!!

ด้วยแขนอันแข็งแรงของมู่เหลียง เพียงการออกแรงเต็มกำลังมันก็ไม่ต่างจากคีมหนีบเหล็กที่หักกระดูกได้อย่างง่ายดาย

หัวหน้าค่ายหยุดขัดขืนและแน่นิ่งไป คอของเขาพับลงราวกับไร้อะไรค้ำจุน สายตาของหัวหน้าค่ายยังคงเบิกกว้างมองไปยังห้องโถงแห่งนี้

“ตายได้ก็ดี!”

มู่เหลี่ยงสลัดตัวออกจากร่างของหัวหน้าค่ายทันที และปล่อยให้ศพนอนอยู่ตรงนั้น

หลังจากฆ่าหัวหน้าค่ายแล้ว มู่เหลี่ยงก็ค้นของภายในห้องแห่งนี้ และเอาทุกสิ่งที่อยากได้ไป

เขาเอามีดเหล็กบนโต๊ะไปสองสามเล่ม นอกนั้นมู่เหลี่ยงก็ไม่ได้เอาอะไรไปมาก

นอกจากเครื่องโลหะอีกสองสามชิ้น

ใช้ได้หรือไม่ก็ไม่สำคัญกับเขา

หากมีเวลามากพอ เขามีความรู้พอที่จะหลอมเหล็กพวกนี้สร้างของขึ้นมาใหม่ได้

“มีแต่ของดีๆ เต็มไปหมด”

มู่เหลียงลองดึงดาบยาวที่อยู่ในฝักที่ห้อยอยู่บนผนังห้องออกมาดู  และถูกใจก่อนที่จะห่อด้วยผ้าและเอาห้อยหลังกลับไปด้วย

หลังจากค้นทั้งห้องโถงหมดแล้ว เขาก็ไปค้นต่อที่ห้องนอนของหัวหน้าค่าย

“โห!! ไอเลวตัวนี้มีแต่ของดีๆ เก็บไว้จริงๆ”

มู่เหลี่ยงถึงกับเลิกคิ้วด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าภายในห้องของหัวหน้าค่ายนั้นหรูหราขนาดไหน

ที่นอนทำจากหนังสัตว์ที่เขาไม่รู้จัก มีหัวของหมาป่าสามตัวแขวนอยู่บนผนังห้อง และดาบยาววางอยู่บนโต๊ะข้างๆ เตียง

มู่เหลี่ยงหยิบดาบเล่มนั้นขึ้นมา มันดูงดงามมาก และตัดสินใจเก็บกลับไปด้วย ก่อนที่มู่เหลี่ยงจะลื้อโต๊ะลิ้นชักในห้อง

เขาเจอกล่องไม้ลังหนึ่ง ก่อนที่จะเปิดมันออกดู และเห็นว่าภายในนั้นมีผลึกอสูร 7 อัน และมีขนาดที่ต่างกัน

“เจอแล้ว!”

มุมปากของมู่เหลียงยกสูงขึ้น เขาถือผลึกอสูรไว้ในมือแน่น

-ติ๊ง!! ตรวจพบแหล่งพลังงาน เจ้านายต้องการเปลี่ยนเป็นแต้มฝึกฝนหรือไม่-

“เฮ้อ..การจะเป็นคนรวยโดยพึ่งโชคลาภคงเป็นไปไม่ได้เลยสินะ”

มู่เหลี่ยงส่ายหัวอย่างหนักใจ

แต้มฝึกฝนที่เขามีอยู่ก่อนหน้านี้คือ 80 แต้ม และเมื่อรวมกับผลึกพวกนี้ทำให้เขามีแต้มฝึกฝน 420 แต้ม

ตอนนี้เขาสามารถที่จะวิวัฒนาการสัตว์อสูรของเขาให้เป็นระดับ 3 ได้แล้ว

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด