ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 45 ผู้ใดคือนายผู้ใดคือบ่าว
ขณะที่ชิงอี้และเซวียนห่าวเดินลึกเข้าไปในเรือนอสูร เซวียนห่าวด็สังเกตเห็นว่าความแข็งแกร่งของอสูรที่พวกเขาเดินผ่านไปนั้นเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ
ในตอนแรกพวกมันส่วนใหญ่อยู่ราว ๆ ขอบเขตรวมปราณเท่านั้น แต่ตอนนี้อสูรส่วนใหญ่กลับอยู่ที่ขอบเขตการก่อตั้งรากฐาน มิหนำซ้ำยังมีอสูรที่มาถึงขอบเขตควบแน่นแก่นแท้
แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีอสูรที่สามารถบินแม้แต่ตัวเดียว !
“นี่มัน !” พวกเขาหยุดกะทันหันที่หน้าประตูบานใหญ่ ชายชราตัวเตี้ยดึงกุญแจดอกเล็กออกมาแล้วสอดเข้าไปในรูกุญแจและไขมันออกช้า ๆ
เอี๊ยด !
ประตูบานใหญ่ค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ ขณะที่ชายชราตัวเตี้ยเดินเข้าไปในทุ่งโล่งด้านหลัง
ด้านหลังของประตูเป็นทุ่งโล่งเล็ก ๆ ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเรือนอสูร เรือนอสูรนั้นดูราวกับจะเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่มีรูตรงกลาง
เซวียนห่าวและชิงอี้เห็นอสูรหลายตัววิ่งไปมาอย่างอิสระภายในลานเล็ก ๆ ใจกลางเรือนอสูร มีทั้งอสูรที่อ่อนแอและแข็งแกร่ง
แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของพวกเขาทั้งคู่คืออสูรที่สามารถบินได้ซึ่งกำลังนั่งพักผ่อนอยู่รอบลานโดยมีศิษย์สองสามคนกำลังดูแลพวกมัน
เมื่อเห็นเช่นนี้ เซวียนห่าวก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย
ผู้ใดกันที่ถูกฝึก? จากรูปลักษณ์ของศิษย์ที่ดูแลอสูรอย่างมีความสุข เซวียนห่าวสงสัยจริง ๆ ว่าจะมีอาชีพที่คล้ายกับผู้ฝึกอสูรหรือไม่
หากมีเช่นนั้น ผู้ที่สามารถฝึกอสูรที่สามารถบินได้เหล่านี้ก็คงเป็นราวกับปรมาจารย์อย่างชัดเจน
“นี่คือคนดูแลเรือนอสูร ปกติแล้วพวกเขาเป็นเพียงแค่ศิษย์ที่รักใคร่ในอสูรและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเป็นผู้ฝึกอสูรในอนาคต ในอดีตข้าก็เคยทำงานหนักเช่นพวกเขาก่อนที่จะมาถึงตำแหน่งปัจจุบันของข้า” เมื่อเห็นเซวียนห่าวมองไปยังเหล่าศิษย์ที่ดูแลอสูรเหล่านี้ ชายชราตัวเตี้ยก็อธิบายอย่างมีความสุขด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปากของเขา
“ข้าเข้าใจแล้ว… เจ้ามีอสูรที่สามารถบินได้ตัวไหนแนะนำข้าหรือไม่” เซวียนห่าวตัดบทก่อนที่จะกลับไปพูดคุยในเรื่องที่เขาต้องการ
“หืม... ข้าคิดว่าเหยี่ยวเงานั้นคงเหมาะกับท่าน มันคืออสูรขอบเขตควบแน่นแก่นแท้ที่ค่อนข้างแข็งแกร่งและมันยังตัวใหญ่พอให้ท่านและศิษย์ของท่านสามารถนั่งได้อย่างง่ายดาย” ชายชราตัวเตี้ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมาและชี้ไปทางเหยี่ยวที่มีปีกกว้างราวสิบเมตร
เหยี่ยวเงาทานเนื้อดิบที่เหล่าศิษย์ผู้ดูแลป้อนกำลังมันและนอนลงบนพื้นอย่างผ่อนคลายในขณะที่คนดูแลสองสามคนกำลังนวดปีกของมันอย่างอ่อนโยน
ร่มเงาของต้นไม้ที่อยู่ใกล้เคียงสร้างร่มเงาที่สมบูรณ์แบบให้กับเหยี่ยวเงา
“...” เซวียนห่าวและชิงอี้ต่างก็หันไปมองเหยี่ยวเงาที่ผ่อนคลายนี้ จากนั้นจึงหันไปมองชายชราตัวเตี้ยที่ยังคงยิ้ม
เมื่อมองไปรอบ ๆ ลาน เซวียนห่าวก็เห็นว่าอสูรที่สามารถบินได้ทั้งหมดเป็นเหมือนกับเหยี่ยวเงา พวกมันพักผ่อนอย่างเกียจคร้านใต้ร่มเงาของต้นไม้ในขณะที่มีคนค่อยป้อนข้าวป้อนน้ำมัน
“หากเป็นเช่นนั้นข้าก็ขอเลือกเหยี่ยวเงานั่น” เมื่อ เซวียนห่าวไม่เห็นตัวเลือกที่ดีกว่านี้จึงเห็นด้วยกับชายชราตัวเตี้ยและเดินไปที่เหยี่ยวเงา
“ท่านเงา สองคนนี้คือผู้อาวุโสหลักเซวียนและศิษย์ของเขา ชิงอี้ ทั้งสองคนจะต้องใช้งานท่าน ท่านจะว่าอย่างไรหรือไม่?” ชายชราตัวเตี้ยโค้งคำนับอย่างเต็มที่และเริ่มพูดกับเหยี่ยวเงาอย่างให้เกียรติราวกับเขาเป็นคนรับใช้ตัวเล็ก ๆ ที่พูดกับเจ้านาย
“...” ทั้งชิงอี้และเซวียนห่าวต่างก็อ้าปากค้าง พวกเขาจ้องมองชายชราตัวเตี้ยอย่างหมดคำจะพูด
ชายชราตัวเตี้ยคนนี้คงจะเป็นผู้ฝึกอสูรที่ดีที่สุดในอาณาจักรนภาคราม... เซวียนห่าวและชิงอี้ไม่มีความคิดที่จะเป็นผู้ฝึกอสูรอีกต่อไป ชายชราร่างเตี้ยคนนี้ได้ทำลายชื่อเสียงของผู้ฝึกอสูรจนหมดสิ้น
เหยี่ยวเงากรีดร้องดังลั่นออกมาขณะที่มันจ้องมองไปที่ชายชราตัวเตี้ยอย่างเหยียดหยาม
“ใช่แล้วท่านเงา ข้านำสิ่งที่ท่านชอบมาด้วย !” เมื่อเขาพูดเช่นนั้น ชายชราตัวเตี้ยก็เดินไปทางข้างหน้าของเหยี่ยวเงาและวางศิลาวิญญาณ
เหยี่ยวเงาปล่อยเสียงกรีดร้องอย่างน่าสงสัย ในไม่ช้าชายชราก็วางศิลาวิญญาณเพิ่มขึ้นกว่าก่อน
เหยี่ยวเงาร้องลั่นอย่างมีความสุข มันมองดูศิลาวิญญาณและโฉบกลืนทั้งหมดภายในทีเดียว
“ท่านเงาบอกว่าเขาพอใจกับข้อเสนอและจะไปกับท่าน !” เมื่อเห็นเหยี่ยวเงาพอใจ ชายชราจึงหันกลับมากล่าวกับพวกเขา
“...” เซวียนห่าวและชิงอี้ต่างก็รู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย พวกเขาเฝ้าดูศิลาวิญญาณจำนวนมากที่ถูกเหยี่ยวเงากลืนเข้าไป
ศิลาวิญญาณจำนวนมากเช่นนี้จะเพียงพอที่จะเร่งการบ่มเพาะของศิษย์กว่าหนึ่งร้อยคนที่ต่ำกว่าขอบเขตควบแน่นแก่นแท้ได้ในหนึ่งเดือน
“ท่านรอช้าอยู่ไย ท่านเงาพร้อมที่จะไปกับท่านแล้ว เพียงแค่กระโดดขึ้นหลังของท่านเงาแล้วบอกทิศทาง !” ชายชรารีบกล่าวกับเซวียนห่าวและชิงอี้ให้เริ่มออกเดินทางได้
“...”ทั้งชิงยี่และเซวียนห่าวเดินไปที่ด้านหลังของเหยี่ยวเงาอย่างเงียบ ๆ และเกาะบนหลังของมันขณะที่มันค่อย ๆ บินออกจากลานไปสู่ท้องฟ้า
ชายชราตัวเตี้ยที่อยู่ด้านล่างโบกมือให้พวกเขาอย่างตื่นเต้น เซวียนห่าวสั่งให้เหยี่ยวเงาบินไปในทิศทางของเมืองอาทิตย์สาดส่อง
ในตอนนี้ชิงอี้กำลังตื่นเต้นอย่างมากที่ได้บินเหนือท้องฟ้าเช่นนี้
ชายชราตัวเตี้ยได้ทำลายความเคารพที่นางมีต่อผู้ฝึกอสูรจนหมดสิ้น
สิ่งที่อยู่ในหัวของนางตอนนี้คือศิลาวิญญาณที่ถูกเผาผลาญไปกับอสูรตัวนี้
“ท่านอาจารย์… ผู้ฝึกอสูรทุกคนเป็นเช่นนี้หรือไม่?”
“ข้าเองก็ไม่รู้มากนัก...” เซวียนห่าวไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรจึงได้เบี่ยงความสนใจไปทางทิวทัศน์รอบข้างอย่างรวดเร็ว
เมื่อใดที่เขากลับมายังนิกาย เขาคงต้องกล่าวกับจ้าวนิกายเรื่องที่ศิลาวิญญาณจำนวนมากถูกใช้ไปกับอสูรเช่นนี้