ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 43 ค่ายกลที่ข้าภาคภูมิใจ
หลังจากเซวียนห่าวเห็นชิงอี้เดินออกไป เขาก็หาพื้นที่ปลีกวิเวกและทำสมาธิ
[ภารกิจหลัก (เสร็จสมบูรณ์)]
รางวัล: [จันทราเงิน (เร้นลับ)], [ศิลาเทา (เร้นลับ)]
[รับรางวัล]: [ใช่/ไม่]
สิ่งที่ระบบมอบให้นั้นต่างจากสิ่งที่เซวียนห่าวคิดอย่างสิ้นเชิง เดิมทีเขาคาดว่ารางวัลจากระบบนั้นจะเป็นขอบเขตบ่มเพาะหรืออย่างใดทำนอนนั้น
เมื่อเซวียนห่าวรับรางวัล เขาก็เห็นภารกิจหลักเปลี่ยนจากภารกิจที่เสร็จสมบูรณ์เป็นภารกิจใหม่ล่าสุด
ภารกิจหลัก: [ศิษย์ใด ๆ ก็ตามที่มาถึงขอบเขตควบแน่นแก่นแท้]
รางวัลภารกิจหลัก: [???]
ไม่มีอันใดผิดแปลกไปจากเดิม ภารกิจนั้นต้องการให้ศิษย์ของเขาเลื่อนเข้าสู่ขอบเขตควบแน่นแก่นแท้
เมื่อเซวียนห่าวออกจากห่วงสำนึก เขาก็มุ่งความสนใจไปที่รางวัลทั้งสองของระบบ
หนึ่งในนั้นคือแร่สีเงินที่ส่องแสงเจิดจรัสซึ่งน่าจะเป็นจันทราเงิน ส่วนอีกอย่างก็คือศิลาเทา มันคือศิลาที่มีสีเทาหม่นอมเขียว
เซวียนห่าวไม่รู้ว่าทั้งสองอย่างนี้คือสิ่งใดกันแน่และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าจะใช้พวกมันได้อย่างไรเนื่องจากระบบไม่ได้ให้คำอธิบายใด ๆ เกี่ยวกับของเหล่านี้นอกจากข้อความเล็ก ๆ ที่บ่งบอกว่าวัตถุดิบเหล่านี้เป็นวัตถุดิบเร้นลับ
วัตถุดิบเร้นลับมักมีเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตราชันเท่านั้นที่จะสามารถครอบครองมันได้ แม้เซวียนห่าวจะไม่รู้ถึงความสามารถของมัน แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่ามันมีค่ามากแค่ไหน
“ไม่มีเหตุใดให้ข้าต้องกังวลในตอนนี้ ข้าจะตรวจสอบความสามารถของมันในภายหลัง สหภาพนักสำรวจคงมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย…” เซวียนห่าวหยุดคิดเกี่ยวกับวัตถุดิบทั้งสองและทำการซ่อนมันไว้
ในขณะนี้ เซวียนห่าวปรารถนาอย่างยิ่งว่าเขาจะมีแหวนมิติบางอย่างที่สามารถเก็บมันไว้ได้ แต่ช่างน่าเศร้าที่เขาต้องรอจนกว่าจะถึงขอบเขตราชันครึ่งก้าวเป็นอย่างน้อย เว้นเสียแต่เขาจะโชคดีพอ
อย่างน้อยตอนนี้เซวียนห่าวก็ตัดสินใจที่จะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้และหวังว่าตำหนักของเขาจะปลอดภัยหลังจากที่เขาออกจากนิกายในไม่ช้า
คงไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาปล้นตำหนักของผู้อาวุโสหลัก...
เซวียนห่าวรู้ว่าเขานั้นได้เก็บของเช่นนี้ไว้ในตำหนัก เขาจึงตัดสินใจที่จะสร้างค่ายกลต่าง ๆ เพื่อป้องกันห้องที่เก็บจันทราเงินและศิลาเทาไว้
เมื่อมองไปที่ค่ายกลมากกว่าสามโหลรอบห้องเล็ก ๆ เซวียนห่าวก็พยักหน้าเล็กน้อย
แม้ค่ายกลของเขาจะไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่หากมันมีมากพอก็คงสามารถป้องกันภัยต่าง ๆ ได้อย่างแน่นอน
แต่หากมีปรมาจารย์ค่ายกลใด ๆ ที่เห็นถึงความยุ่งเหยิงของค่ายกลนี้ พวกเขาคงสามารถทำลายมันได้โดยทันที
สิ่งที่เซวียนห่าวทำนั้นไม่ได้เป็นการสร้างความอัปยศให้กับวงการค่ายกลแต่อย่างใด เขาเพียงแค่ดึงพลังปราณจากที่ต่าง ๆ มาทับซ้อนกันแล้วจึงเรียกมันว่าค่ายกลเพียงเท่านั้น
ไม่มีอักขระที่ซับซ้อน มีเพียงความยุ่งเหยิงของพลังปราณที่อัดแน่นเข้าด้วยกันเพื่อสร้างม่านป้องกัน
เขาทำสิ่งนี้ซ้ำ ๆ จนกระทั่งสามารถสร้างสิ่งที่เขาเรียกว่าค่ายกลนี้ได้กว่าสามโหล
“นี่มันคืออันกัน ?” เซวียนห่าวได้ยินเสียงกรีดร้องสั้น ๆ จากด้านหลัง เขาหันกลับมาและมองไปที่ต้นกำเนิดเสียง
“ชิงอี้... เจ้าอาบน้ำเสร็จแล้วหรือ?” ผู้ที่ส่งเสียงออกมานั้นคือชิงอี้ หยดน้ำเล็ก ๆ ยังคงหยดลงมาจากผมของนางขณะที่นางมองไปยังค่ายกลของเซวียนห่าวด้วยใบหน้าที่ดูตกใจ
“ท่านอาจารย์ นั่นมันคือ...”
“นี่คือค่ายกลที่ข้าสร้างขึ้นมา !” เมื่อเซวียนห่าวได้ยินนางพูดถึงผลงานชิ้นเอกของเขา เซวียนห่าวก็ยิ้มอย่างสดใสและชี้ไปยังสิ่งที่เขาเรียกว่าค่ายกล
“ค่ายกลหรือ? ข้าคิดว่าค่ายกลควรจะกลมกลืนกับธรรมชาติเสียอีก… หรือว่าข้าเข้าใจผิดไป?” ชิงอี้มองไปยังใบหน้าอันโอหังของอาจารย์โดยไม่พูดสิ่งใด เขาชี้ไปที่ค่ายกลที่เขาสร้างขึ้น ชิงอี้จึงตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงสิ่งที่เขาเรียกว่าค่ายกลต่อไป
ดูเหมือนว่าอาจารย์ของนางจะไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่นางคิด อย่างน้อยก็ในเรื่องค่ายกล เขาอ่อนหัดยิ่งกว่าเด็กน้อยเสียอีก สิ่งที่เขาทำนั้นเพียงแค่อัดแน่นพลังปราณเข้าด้วยกัน
ชิงอี้เริ่มสงสัยว่าค่ายกลนั้นยังคงไม่พังทลายลงได้อย่างไร...
“ท่านอาจารย์ เราจะไปยังเมืองอาทิตย์สาดส่องในระยะเวลาเพียงไม่กี่วันได้อย่างไร?” ชิงอี้ตัดบทเกี่ยวกับค่ายกลของเขาและถามเกี่ยวกับสิ่งที่นางสงสัยมาโดยตลอด
“เราจะบินไปที่นั่น เจ้าจงอย่าลืมเก็บข้าวเสียด้วยเพราะเราจะออกเดินทางกันพรุ่งนี้เช้า !” เมื่อเซวียนห่าวพูดจบ เขาก็เดินกลับไปที่ห้องของเขา
“เจ้าค่ะ เราจะบินไปที่นั่น... บินหรือ? รอประเดี๋ยวท่านอาจารย์ ท่านหมายความว่าอย่างไรที่ว่าเราจะบินไปที่นั่น !” ชิงอี้รีบวิ่งตามเขาเพื่อถามถึงสิ่งที่เขากำลังจะสื่อ
เพล้ง !
เมื่อชิงอี้ออกจากห้องไป ค่ายกลทั้งหมดที่เซวียนห่าวสร้างขึ้นก็พังทลายลง พลังปราณที่เขาอัดแน่นไว้ก็ค่อย ๆ กระจายไปยังรอบข้าง
เซวียนห่าวคงไม่รุ่งในศาสตร์ของค่ายกล...