ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 660 ภาพเหตุการณ์ที่คุ้นเคย (ฟรี)
ในขณะที่การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป ผู้ฝึกตนจำนวนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากทะเลแห่งความว่างเปล่าก็ได้นำร่างเงาของซู่เสี่ยวไป่กลับไปยังฐานที่มั่นของตน
เนื่องจากระยะทางที่ไกล และกลุ่มแรกที่นำร่างเงาของซู่เสี่ยวไป่กลับไปถึงฐานเลยคือกลุ่มจ้าวภัยพิบัติของสหัสจักรวรรดิ 9 ฟ้าไร้อนัน
ความจริงแล้วสหัสจักรวรรดิ 9 ฟ้าไร้อนันนั้นให้ความสนใจซู่เสี่ยวไป่มาแต่แรกอยู่แล้ว ตั้งแต่ซู่เสี่ยวไป่ปรากฏตัวออกมาในสนามรบ และจัดการจ้าวภัยพิบัติไปจำนวนมาก จึงเป็นที่จับตามองมาตั้งแต่ตอนนั้น
หลังจาก 12 ปีของสงคราม สหัสจักรวรรดิ 9 ฟ้าไร้อนันแสดงบทบาทในสนามรบน้อยลง และปล่อยให้กองทัพของจักรวรรดิระดับสูงอื่นออกหน้าแทน ซึ่งมันส่งผลดีกับพวกเขา เพราะนอกจากจะรักษากำลังพลได้แล้ว ยังไม่ต้องปะทะกับจักรวรรดิระดับสูงอื่นจากความเข้าใจผิดหรือเกิดกระทบกระทัjงกัน
ซึ่งผู้ที่จะจุดชนวนและยุยงให้เกิดการต่อสู้ขึ้นคงเป็นตัวตนที่ชื่อซู่เสี่ยวไป่อย่างแน่นอน นี้คือสิ่งที่พวกเขาคาดเดาเอาไว้
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่สหัสจักรวรรดิ 9 ฟ้าไร้อนัน หมายหัวซู่เสี่ยวไป่ พวกเขาพยายามจับกุมร่างเงาของซู่เสี่ยวไป่มาหลายครั้งแล้ว
แต่ร่างเงาพวกนี้หนีออกไปได้ทุกครั้ง และไม่สามารถหาทางกักขังมันได้สักที จนตอนนี้อยู่ๆ ร่างเงาก็ไม่หนีและยอมให้จับ ทำให้พวกเขามีสิทธิ์ที่จะค้นหาความจริงของร่างนี้ และเอาข้อมูลนั้นกลับไปเล่นงานซู่เสี่ยวไป่
และพวกเขายังจะสามารถสืบหาร่างต้นของซู่เสี่ยวไป่ได้อีกด้วยว่าอยู่ที่ไหน
ซู่เสี่ยวไป่มองผ่านสายตาของเงาจากที่ปลอดภัย
“เอาเลย!! อยากได้เท่าไรก็เอาไป และรีบเอาไปตรวจสอบเร็วๆ เข้าล่ะ”
เช่นเดียวกันกับจักรวรรดิพระแม่ศักดิ์สิทธิ์ สหัสจักรวรรดิ 9 ฟ้าไร้อนันนั้นก็มีดินแดนที่ตัวเองปกครองและเป็นขอบชายแดนหรือจักรวรรดิชายแดนให้กับตน และมีมากถึง 20 แห่ง
แล้วตอนนั้นเองที่เงาของซู่เสี่ยวไป่มาถึงดินแดนแห่งหนึ่งที่อยู่ติดกับจักรวรรดิไท่เจียง ที่นี้มีชื่อว่าดินแดนผีสาง
ซึ่งตรงตามชื่อของมัน ดินแดนแห่งนี้เหมือนกับป่าช้า ผู้คนและสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่แค่ในอาณาเขตไม่ถึงล้านกิโลเมตร และพื้นที่อันกว้างใหญ่กลับเป็นที่ให้จิตวิญญาณร่อนเร่เท่านั้น
หลังจากผ่านด่านทั้ง 7 จุดแล้วจ้าวภัยพิบัติของสหัสจักรวรรดิ 9 ฟ้าไร้อนันก้พาเงาของซู่เสี่ยวไป่มาถึงฐานทัพในดินแดนแห่งนี้
เมื่อมาถึงแววตาของซู่เสี่ยวไป่ถึงกับลุกวาว
“พวกสหัสจักวรรดิ 9 ฟ้าไร้อนัน มีทรัพยากรสำหรับรบเยอะจริงๆ”
สถานที่แห่งนี้เป็นฐานเสบียงหลักที่รับผิดชอบส่งทรัพยากรสนับสนุนไปยังแนวหน้า และเป็นที่พักฟื้นตัวของผู้ฝึกตนทั้งหลายที่กลับมาจากแนวหน้าด้วย
ซู่เสี่ยวไป่ใช้สายตาตรวจสอบดูคร่าวๆ และพอจะประเมินมูลค่าของฐานทัพนี้ ซู่เสี่ยวไป่คาดการณ์ว่าฐานแห่งนี้มีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านผลึกต้นกำเนิด และยังมีวัตถุดิบและของระดับภัยพิบัติขั้น 7 อยู่ด้วย และในฐานแห่งนี้มีจ้าวภัยพิบัติขั้น 7 อยู่อีกสิบชีวิต
หากว่าซู่เสี่ยวไป่จัดการจ้าวภัยพิบัติได้ทั้งหมดคงได้ผลึกต้นกำเนิดไม่ต่ำกว่า 200 ล้าน
นี้มันฝูงแกะอ้วนชัดๆ
ซู่เสี่ยวไป่ต้องหักห้ามใจตัวเองเอาไว้ ไม่ให้ปล่อยจิตสังหารออกมา และไม่เลือกที่จะกระโจนเข้าใส่ขุมทรัพย์ตรงหน้าทันที
จ้าวภัยพิบัติโยนร่างเงาไปที่ด้านหน้าของใครสักคน
“ข้าจับมันได้ แต่มันทำตัวแปลกๆ ต่างไปจากเดิมราวกับยอมให้จับมากกว่า”
“แล้วมันจะแปลกตรงไหน? ร่างแยกพวกนี้มีขอบเขตพลังจ้าวภัยพิบัติขั้น 3 การจะจับมันมาก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรอยู่แล้ว”
มีสตรีร่างท้วมเดินเข้ามา พร้อมกับหัวเราะชอบใจ
ผู้ฝึกตนเขตแดนโบราณทั้งหมดต่างกลอกตาไปมาด้วยความเอือมระอา สตรีผู้นี้คือฮูก๋วยรู้จักกันดีในฉายาผู้กลืนกินพลังหยาง และแน่นอนว่าเธอมีความคิดมากมายที่จะเล่นกับร่างแยกนี้
จ้าวภัยพิบัติที่จับเงามาก็พูดขึ้น
“ร่างแยกนี้ไม่ธรรมดา…พวกมันตายไม่เป็น และไม่สามารถสืบหาตรรกะหรือโชคชะตาได้ และประมาทมันไม่ได้มันสามารถระเบิดพลีชีพตัวเองได้ และคร่าชีวิตทหารของเราไปมากมายแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ทำให้จ้าวภัยพิบัติหลายคนถึงกับนั่งไม่ติดเก้าอี้
เริ่มมีจ้าวภัยพิบัติเข้ามามุงดู และตรวจสอบร่างเงาด้วยสารพัดวิธี เพื่อพิสูทคำพูดของจ้าวภัยพิบัติที่จับร่างเงามาได้
และพวกเขาก็ต้องพบความจริงที่น่าตกใจ
ไม่สามารถติดตามตรรกะหรือค้นหาโชคชะตาได้ แค่นี้ก็พอแล้วที่จะดึงดูดความสนใจจากทุกคน
เขตแดนภัยพิบัตินั้นแตกต่างจากเขตแดนโบราณ เพราะในเขตแดนนี้จะมีพลังพอที่จะบดบังหรือปกปิดตรรกะได้ แต่ในทางกลับกันพวกเขาเองก็มีวิธีการค้นหาที่ทรงพลังด้วยเช่นเดียวกัน
แต่ที่แปลกก็คือพลังของจ้าวภัยพิบัติขั้น 3 สามารถที่จะปกปิดตรรกะจากการสืบค้นของจ้าวภัยพิบัติขั้น 7 ได้ สิ่งนี้มันเกินความคาดหมายอย่างมาก
ทำให้พวกเขาคิดว่าร่างแยกของซู่เสี่ยวไป่นั้นน่าสนใจอย่างมาก
จ้าวภัยพิบัติที่จับเงามามองดูร่างเงาของซู่เสี่ยวไป่ตาไม่กระพริบ
ทางซู่เสี่ยวไป่เองก็ได้ตรวจสอบจ้าวภัยพิบัติเหล่านี้เหมือนกัน และได้รู้ว่าร่างของจ้าวภัยพิบัติขั้น 7 นั้นอัดแน่นไปด้วยกระแสพลังเหนือกว่าขั้น 6 อย่างชัดเจน
ในบรรดาจ้าวภัยพิบัติขั้น 7 ทั้งสิบคนนั้น มีห้าคนพึ่งจะเข้าสู่เขตแดนนี้ และที่เหลืออยู่ในเขตแดนนี้มานานแล้ว และเรียกได้ว่าเป็นสัตว์ประหลาดของกองทัพ
เนื่องจากขั้น 7 กับ ขั้น 8 นั้นมีกำแพงที่ขวางกั้นอยู่ หากไม่ถูกเลือกแล้วจริงๆ ไม่มีทางเลยที่จะก้าวข้ามไปได้ และติดอยู่ที่เขตแดนภัยพิบัติขั้น 7 ตลอดไป
“เจ้าพวกนี้ซ่อมศิลากาลเวลาได้พอๆ กับเรา!”
“แต่เรายังได้เปรียบเรื่องที่ฆ่าไม่ตาย และยังระเบิดพลีชีพได้อย่างไร้ขีดจำกัด แถมยังได้รับการปกป้องจากพลังสวรรค์มากมายหลายหมื่นเส้นทาง”
ซู่เสี่ยวไป่ได้เรียนรู้พลังของจ้าวภัยพิบัติที่อยู่ที่นี่ และเริ่มคิดแผนการจัดการทั้งหมดแล้ว
แผนแรกเขาจะฆ่าจ้าวภัยพิบัติขั้น 7 ที่พึ่งทะลวงเขตแดนมาได้ไม่นานก่อนเพื่อสะสมผลึกต้นกำเนิด จากนั้นก็เอาเงายักษ์ศักดิ์สิทธิ์เข้ามาแทนที่จ้าวภัยพิบัติทั้ง 5 คน ที่ฆ่าไป และแฝงตัวอยู่ในฐานแห่งนี้ เมื่อให้สัญญาณร่างเงาก็จะรเบิดตัวเองทันที
และทุกอย่างจะถูกลบออกไปอย่างสมบูรณ์ ต่อให้ร่างจริงไม่ต้องไปที่นั้นเองก็ตาม
หรือจะใช้อีกแผนการหนึ่งคือแฝงตัวต่อไปรอจนกว่าจะบรรลุเขตแดนภัยพิบัติขั้น 8 ได้ และไล่เก็บพวกมันที่ละคน
ถึงอย่างงั้นซู่เสี่ยวไป่ก็ไม่สามารถลดความโลภที่เกิดขึ้นมาได้เมื่อเห็นทรัยากรมากมายในฐานเสบียงแห่งนี้
ในช่วงที่เขายังไปไม่ถึงเขตแดนภัยพิบัติขั้น 8 การขัดเกลาจากระบบเป็นทางเดียวที่เขาจะแข็งแกร่งขึ้นได้ในตอนนี้
แต่ค่าใช้จ่ายในการเพิ่มระดับต่อไปนั้นใช้มากถึง 500 ล้านผลึกต้นกำเนิด
แล้วขั้นต่อไปคือ 1 พันล้านผลึกต้นกำเนิด
……
มีหลายครั้งที่ซู่เสี่ยวไป่เริ่มคิดว่าระบบนั้นเริ่มที่จะเอาใหญ่ และผลาญเงินเป็นว่าเล่น และเอาเปรียบเขา
ตั้งแต่ขอบเขตพลังของเขามาถึงทางตันและไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้
ทั้งที่บรรลุวิชาระดับภัยพิบัติมากถึง 2 พันวิชา และยังจะมากขึ้นทุกวัน
แต่ด้วยการเติบโตของระบบแบบนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะไปถึงจุดที่ต้องการได้วันไหน
และยิ่งเพิ่มระดับให้ระบบมากเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้นเป็นทวีคูณ ซึ่งซู่เสี่ยวไป่ได้แต่อดทนกัดฟันแล้วเพิ่มระดับต่อไป
หากว่า 1 จักรวรรดิไท่เจียงไม่เพียงพอ ก็แค่ต้องหาอีกสองจักรวรรดิในระดับเดียวกัน ถ้าไม่พออีกก็เป็น สาม เป็น สี่ หรือ สิบจักรวรรดิ
และจะลืมไม่ได้เลยการเก็บเกี่ยวจากจักรวรรดิระดับสูงอื่นๆ อีก
ในเวลาเดียวกันขุมอำนาจทั้งหลายก็ได้นำร่างเงาของซู่เสี่ยวไป่กลับไปถึงฐานที่มั่นของตัวเองหมดแล้ว
ในมุมมองของพวกเขา เห็นว่าเงานั้นแปลกประหลาดอย่างมาก และเป็นอะไรที่พวกเขาไม่มีทางเข้าใจได้ พวกเขาได้แต่สงสัยว่าทำไมร่างพวกนี้ถึงไม่มีตรรกะและโชคชะตาอะไรเลย และพวกมันไม่มีทางถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
มีหลายคนพยายามฆ่าเงาของซู่เสี่ยวไป่ตลอดเวลา และอยากรู้ว่าร่างเงาพวกนี้จะฟื้นตัวได้อีกกี่ครั้ง แต่ยิ่งทำลายเงาไปมากเท่าไร มันก็ฟื้นกลับมาได้ตลอดและกลายเป็นสิ้นเปลืองพลังโดยเปล่าประโยชน์
ทำให้จ้าวภัยพิบัติขั้น 7 ต้องออกมาตรวจสอบด้วยตัวเอง
“เอาเลย อยากจะผ่าจะทำอะไรก็เชิญ ถึงเวลาเมื่อไรพวกแกไม่รอดแน่”
เงานั้นถูกสารพัดวิธีในการทรมาน และทำลายร่างกายจากจักรวรรดิระดับสูง แม้ว่าพวกนั้นจะเป็นร่างเงาก็ตามแต่ซู่เสี่ยวไป่ก็ไม่ชอบใจเท่าไรนัก