ตอนที่ 198: แอบขัดขวาง
ตอนที่ 198: แอบขัดขวาง
“ยานรบระดับ T2?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความสับสน
เขารู้อยู่แล้วว่ายานรบได้มีการจัดแบ่งลำดับตามแต่ละประเภท ยกตัวอย่างเช่น แวมไพร์คือยานฟริเกตระดับ 5 ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุดในบรรดายานฟริเกตที่มีอยู่ทั้งหมด
แต่เท่าที่เขารู้มาเขาไม่เคยได้ยินคำว่ายานรบระดับ T2 มาก่อนเลย
“อธิบายง่าย ๆ ยานรบระดับ T2 มันก็คือยานรบในรุ่นที่ 2 นั่นแหละ พวกมันเป็นผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากยานรบรุ่นแรกที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพราะพวกมันได้รับการเสริมประสิทธิภาพในทุก ๆ ด้าน” หลิงเฟิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม
คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยตกใจมาก เพราะเขาไม่คิดเลยว่าพันธมิตรจะได้ผลิตยานรบรุ่นที่ 2 ขึ้นมาแล้ว แต่เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยียานรบในรุ่นนี้จึงยังถูกผลิตออกมาไม่มากนัก
เมื่อเซี่ยเฟยได้ขึ้นมาบนยานเอเรส เขาก็ได้พบว่าภาพภายในยานก็ดูไม่แตกต่างจากยานฟริเกตโดยทั่วไป ซึ่งบนที่นั่งในห้องบัญชาการก็มีเจ้าหน้าที่นั่งประจำตำแหน่งของตัวเองอยู่แล้ว
“เริ่มออกเดินทางไปยังกลุ่มดาวนครหลวง” หลิงเฟิงเริ่มสั่งการ
“พวกเราไม่ได้กำลังจะไปภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่เหรอ?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
“อาจารย์จะไปพร้อมกับนายด้วย เราจึงต้องไปรับเขาที่นครหลวงก่อน” หลิงเฟิงกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจและถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องเสียเวลาบินอ้อมไปกลุ่มดาวนครหลวงเป็นเวลา 3 วัน แต่ยานอินเตอร์เซปเตอร์ลำนี้ก็ช่วยร่นระยะเวลาในการเดินทางได้ถึง 10 วันอยู่ดี ซึ่งมันก็หมายความว่าเขาจะสามารถกลับไปยังภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ได้เร็วกว่าการเดินทางคนเดียวถึง 7 วัน
หลังจากยานเริ่มออกเดินทางหลิงเฟิงก็พาเซี่ยเฟยเดินสำรวจไปทั่วทั้งตัวยาน
“เป็นไง? นายรู้สึกยังไงกับยานลำนี้บ้าง?” หลิงเฟิงถาม
“ระบบภายในยานถูกปรับปรุงประสิทธิภาพขึ้นกว่าเดิมมาก ผมอยากรู้จริง ๆ ว่ายานลำนี้จะบินได้เร็วสักเท่าไหร่” เซี่ยเฟยกล่าว
“ชื่อของยานประเภทนี้คือยานอินเตอร์เซปเตอร์ที่มีเอาไว้สำหรับการไล่ล่าศัตรูโดยเฉพาะ ดังนั้นยานลำนี้จึงมีทั้งความเร็วและระบบตรวจจับที่แม่นยำเพื่อทำตามหน้าที่ของมันให้ดีที่สุด”
“ถ้ายานอินเตอร์เซปเตอร์ได้ใช้เครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ 130 ฉันคิดว่าความเร็วสูงสุดของมันน่าจะเกิน 30,000 เมตรต่อวินาที” หลิงเฟิงกล่าว
“เร็วขนาดนั้นเลยหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“นี่ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของมันนะ ฉันได้ยินมาว่ายานอินเตอร์เซปเตอร์หลาย ๆ รุ่นสามารถทำความเร็วได้เกินกว่า 50,000 เมตรต่อวินาที แต่เนื่องจากพวกเราเพิ่งได้รับยานลำนี้มาพวกเราจึงยังไม่ทันได้ทำการดัดแปลงอะไร” หลิงเฟิงกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ระบบเครื่องยนต์ของยานลำนี้เหมือนกับยานโดยทั่วไปไหมครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“ระบบเครื่องยนต์โดยรวมค่อนข้างจะเหมือนกัน แต่มันได้ไปเพิ่มประสิทธิภาพของระบบวาร์ปทำให้การวาร์ปครั้งหนึ่งสามารถไปได้ไกลกว่ายานรบรุ่นเดิม ๆ ส่วนสาเหตุที่ทำให้มันมีความเร็วที่สูงมากนั่นก็เพราะน้ำหนักของตัวยานที่ลดลง ยกตัวอย่างเช่น ยานลำนี้ที่มีน้ำหนักเพียงแค่ 1 ใน 10 ของยานฟริเกตโดยทั่วไปเท่านั้น” หลิงเฟิงอธิบาย
การเปิดรูหนอนในจักรวาลไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมันจำเป็นจะต้องใช้ระบบคำนวณหาตำแหน่งมิติที่เปราะบางที่สุดบริเวณใกล้เคียง ก่อนที่เครื่องยนต์จะปล่อยพลังงานเพื่อให้พื้นที่มิติเปิดแยกออกกลายเป็นถนนให้ยานอวกาศวาร์ปจากที่หนึ่งไปโผล่ยังอีกที่หนึ่ง
ตัวแปรทุกอย่างจะต้องถูกนำไปรวมคำนวณไม่ว่าจะเป็นตัวแปรทางด้านสภาพแวดล้อม, ตัวแปรทางด้านแรงโน้มถ่วงหรือตัวแปรที่อาจจะก่อให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติในอวกาศ ซึ่งมันจำเป็นจะต้องใช้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์อัจฉริยะในการคำนวณอย่างแม่นยำ และปริมาณข้อมูลที่ต้องใช้ในการคำนวณก็มีจำนวนเหนือกว่าจินตนาการของคนโดยทั่วไป
เพียงแค่เทคโนโลยีการวาร์ปแบบดั้งเดิมก็ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่น่าทึ่งมากอยู่แล้ว แต่เทคโนโลยีการวาร์ปของยานระดับ T2 กลับช่วยปรับปรุงการคำนวณให้ดีขึ้น ทำให้แม้ว่ายานจะใช้พลังงานจากแหล่งเดียวกันแต่พวกมันกลับสามารถสร้างรูหนอนที่มีระยะทางไกลมากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนเรื่องความเร็วเป็นผลมาจากที่ยานอินเตอร์เซปเตอร์ได้ถูกออกแบบมาโดยละทิ้งชั้นเกราะขนาดใหญ่และนำใบพัดมาเสริมเพิ่มเติมเข้าไป ทำให้ตัวยานได้ความเร็วเพิ่มขึ้นโดยแลกมากับพลังป้องกันที่ลดลง
“ผมคิดว่าหน้าที่ที่แท้จริงของยานอินเตอร์เซปเตอร์ลำนี้อาจจะไม่ใช่การไล่ล่าศัตรูโดยตรง แต่มันน่าจะหมายถึงการค้นหาและติดตามเป้าหมายมากกว่า เพราะด้วยชั้นของเกราะที่บอบบางและอำนาจการยิงที่แทบจะไม่มีอันตราย ยานรุ่นนี้ก็ไม่น่าจะทำให้ข้าศึกรู้สึกถึงภัยคุกคามได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากที่เขาได้วิเคราะห์ยานอย่างละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม
“นายนี่มีสายตาที่เฉียบคมจริง ๆ ใช่แล้วหน้าที่หลัก ๆ ของยานลำนี้ในกองยานคือการสำรวจและติดตามเป้าหมาย มันจะได้รับภารกิจสกัดกั้นก็ต่อเมื่อยานของศัตรูไม่แข็งแกร่งมากจนเกินไป ถ้าหากว่ามันได้เจอแวมไพร์ของนาย แม้ว่าฉันจะมีความกล้าแค่ไหนแต่ฉันก็ไม่เข้าไปใกล้แวมไพร์อย่างแน่นอน ท้ายที่สุดระบบดูดพลังงานของแวมไพร์ก็น่ากลัวมากเกินไปถ้าหากยานเอเรสไม่มีพลังงานมันก็ไม่สามารถเร่งความเร็วได้ ไม่ว่าในสถานการณ์ปกติมันจะมีความเร็วมากแค่ไหนก็ตาม”
“ดูเหมือนแนวทางการพัฒนายานรบในปัจจุบันจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนายานรบในแต่ละตำแหน่งของกองยาน ทำให้ยานรบทุกลำมีข้อเด่นข้อด้อยในตัวเอง ไม่ใช่ยานกลาง ๆ ที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเหมือนกับยานรุ่นก่อน ๆ สินะ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อพูดถึงยานรบเซี่ยเฟยก็อดที่จะนึกถึงไททันขึ้นมาไม่ได้ โดยปกติเขาจะคิดอยู่เสมอว่าไม่มียานลำใดที่สมบูรณ์แบบแต่ไททันอาจจะเป็นข้อยกเว้น ในความคิดที่เขาได้มีมาโดยตลอดท้ายที่สุดยานไททันมันก็เป็นอะไรที่เหนือกว่ายานรบไปแล้ว ซึ่งในความคิดของเซี่ยเฟยมันคือเครื่องมือที่เอาไว้ใช้ในการกวาดล้างสิ่งต่าง ๆ ในจักรวาล
“นายกำลังคิดอะไรอยู่?” หลิงเฟิงกล่าวพร้อมกับหยิบเครื่องดื่มจากตู้เย็นมายื่นให้กับเซี่ยเฟย
“ผมกำลังคิดว่าการเดินทางในจักรวาลคงจะพึ่งพายานลำเดียวไม่ได้แน่นอน ยานรบถูกออกแบบให้มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันเพื่อให้พวกมันสามารถนำไปตอบสนองต่อยุทธวิธีการรบในรูปแบบต่าง ๆ ภายในจักรวาลแห่งนี้ได้อย่างยืดหยุ่น” เซี่ยเฟยตอบ
“ใช่เลย สิ่งที่ดีที่สุดคือการมีเพื่อนร่วมทีมที่ไว้ใจได้ก่อตั้งกองยานร่วมกัน โดยแต่ละคนคอยทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกองยานให้ได้มากที่สุด” หลิงเฟิงกล่าว
“พี่หลิงยานอินเตอร์เซปเตอร์แบบนี้มีวางขายอยู่ที่ไหนเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“นี่น้องชายยานระดับ T2 ไม่ได้มีวางขายตามท้องตลาดทั่วไปหรอกนะ พวกบริษัทบิ๊กโฟร์เพิ่งผลิตยานรุ่นที่ 2 ออกมาได้เพียงแค่ไม่กี่ลำ และเนื่องมาจากสมาพันธ์จัสทิสเป็นลูกค้ารายใหญ่ของพวกเขามาเป็นเวลานาน พวกเราจึงได้รับยานรบมาบ้างถือว่าเป็นรุ่นทดลอง ส่วนบริษัทขนาดใหญ่บางแห่งก็ได้รับยานรบรุ่นนี้ไปบ้าง แต่มันก็ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าบริษัทไหนได้ยานรบไปทดลองบริษัทและกี่ลำ”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับด้วยความผิดหวัง
การปล่อยยานรุ่นใหม่จำเป็นจะต้องใช้ข้อมูลการทดสอบเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้าหากเซี่ยเฟยคาดการณ์ไม่ผิดพลาดกว่าที่ยานรุ่น T2 จะออกวางขายในตลาดมันก็อาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปี
“ถ้านายอยากได้จริง ๆ ก็ลองคุยกับอาจารย์ดูสิ ถึงยังไงอาจารย์ก็เป็นคนคอยดูแลแผนกอาวุธยุทโธปกรณ์ ดังนั้นอาจารย์จึงเป็นคนแรกที่จะรู้เรื่องว่าสมาพันธ์จะได้รับยานรุ่นไหนมาเป็นจำนวนเท่าไหร่”
“แต่ถ้าหากนายอยากได้ยานพวกนี้จริง ๆ นายก็ต้องเตรียมใจเอาไว้หน่อย ฉันได้ยินมาว่าราคาของยานอินเตอร์เซปเตอร์น่าจะมีราคาเกินกว่า 2,000 ล้านสตาร์คอยน์”
พรวด!
ประโยคนี้ทำให้เซี่ยเฟยสำลักเครื่องดื่มขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“อะไรนะ! 2,000 ล้านสตาร์คอยน์ ราคานั้นซื้อยานแบทเทิลครุยเซอร์ลำใหม่ได้เลยนะ”
ครั้งสุดท้ายที่เจอกันทูรามได้ขายยานแบทเทิลครุยเซอร์มือ 2 ให้เซี่ยเฟยในราคาเพียงแค่ 500 ล้านสตาร์คอยน์ แต่ยานอินเตอร์เซปเตอร์ลำเล็กลำนี้กลับมีราคาแพงมากกว่า 2,000 ล้านสตาร์คอยน์ ซึ่งมันเป็นราคาที่เกินกว่าจินตนาการของเขาไปไกล
“ต้นทุนของยานรุ่นใหม่แบบนี้มันย่อมสูงเกินกว่ายานรุ่นปกติอยู่แล้ว แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มันเริ่มมีการพัฒนากระบวนการให้ผลิตยานออกมาได้เป็นจำนวนมาก ราคาของพวกมันก็จะค่อย ๆ ลดลง” หลิงเฟิงกล่าว
เซี่ยเฟยส่ายหัวพร้อมกับทิ้งความคิดที่จะซื้อยานรุ่น T2 ไป เพราะในปัจจุบันเขาก็มีเงินคงเหลืออยู่ในบัญชีเพียงแค่ประมาณ 1,400 ล้านสตาร์คอยน์ และเขายังวางแผนที่จะนำเงินบางส่วนไปลงทุนในบริษัทควอนตัมอีกด้วย
เมื่อไหร่ก็ตามที่เครื่องขยายพลังชาร์จถูกวางขายในท้องตลาด เมื่อนั้นเขาก็จะได้รับเงินลงทุนกลับคืนมา แต่ในช่วงแรกของการพัฒนามันก็เป็นเรื่องปกติที่ผู้ถือหุ้นจะต้องเพิ่มทุนเข้าไป
—
บริเวณพื้นที่รอบนอกของเขตดาวนครหลวง
ยานเอเรสใช้เวลาในการเดินทางจากชายแดนของพันธมิตรมาจนถึงกลุ่มดาวนครหลวงในเวลาเพียงแค่ 9 วันเท่านั้น ซึ่งมันสามารถประหยัดเวลาได้มากกว่าแวมไพร์ของเซี่ยเฟยจริง ๆ
ปัจจุบันเอเรสกำลังจอดเทียบท่าเข้ากับยานแบทเทิลครุยเซอร์รุ่นคาลดารี่ ซึ่งเซี่ยเฟยกับหลิงเฟิงก็กำลังยืนอยู่บริเวณทางเข้าของท่าเทียบยานเพื่อรอคอยการมาถึงของทูราม
“คุณตาทูรามสบายดีนะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวทักทาย
“สบายดีบ้าอะไร! วัน ๆ ฉันต้องอยู่แต่ในออฟฟิศ นี่ฉันจะอึดอัดตายอยู่แล้ว!!” ทูรามบ่น
พี่น้องตระกูลหลิงอีกสองคนติดตามทูรามมาด้วยและพวกเขาก็มีส่วนร่วมอย่างมากในการกวาดล้างสำนักวิหคสังหาร ซึ่งในตอนนี้พวกเขาก็ได้รับความไว้วางใจจากทูรามให้ติดตามไปทำภารกิจสำคัญอยู่เสมอ
หลังจากพูดทักทายไปสักพักพวกเขาก็เดินเข้ามาภายในยาน แต่หลังจากที่ทูรามได้พบกับพอตเตอร์พวกเขาทั้งสองก็พยักหน้าให้กันราวกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปี แต่มันก็ไม่มีอะไรที่ต้องพูดออกมาสักคำ
‘ตาทูรามกับลุงพอตเตอร์รู้จักกันเหรอ?’ เซี่ยเฟยแอบรู้สึกแปลก ๆ ภายในใจ
“ออกเดินทางไปยังภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่เดี๋ยวนี้ เดี๋ยวไอ้แก่ฉินหมางมันจะตายไปซะก่อน!” ทูรามเริ่มสั่งการ
“ได้ครับ” หลิงเฟิงรับคำสั่งก่อนที่เขาจะรีบติดต่อไปยังห้องบัญชาการเพื่อให้ยานออกเดินทางต่อในทันที
“เซี่ยเฟยตามมานี่” ทูรามพูดขึ้นมาอย่างมีเลศนัย
หลังจากเข้ามาในห้องทูรามก็ถอดชุดเครื่องแบบของจัสทิสออก ก่อนจะสวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นด้วยท่าทางสบาย ๆ
“พวกเราไม่ได้เจอกันครั้งแรกสักหน่อย นายจะเกร็งอะไรนักหนา ไปหาที่นั่งได้แล้ว” ทูรามกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่เขาจะนั่งเก้าอี้และจุดบุหรี่ขึ้นมา
“นายอาจจะยังไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงตกเป็นเป้าหมายของคนที่ไม่รู้จัก อันที่จริงฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉินหมางถึงต้องการยกของนั่นให้กับนาย” ทูรามกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“คุณกำลังจะบอกว่าคุณตาวางแผนจะมอบอะไรให้กับผม แต่มีคนอื่นไม่ต้องการให้ผมได้ของสิ่งนั้นงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามอย่างรู้สึกตกใจ
***************
สมบัติๆๆๆๆ รึเปล่าน๊าาา
ปล.พรุ่งนี้ทางเพจสนพ.เซียนอ่านเปิดตัวกลุ่มเฟสพี่เฟยน๊า ใครสนใจติดต่อสอบถามได้ทางเพจเลยจ้า