ตอนที่ 1086 ฉันบอกไปแล้วว่า.. ขอให้ไว้หน้าฉันหน่อย
คําพูดของ หลินฟาน ทําให้ ชายที่ย้อมผมสีทอง ไม่พอใจ.. ในสายตาของ ชายที่ย้อมผมสีทอง คําพูดของ หลินฟาน นั้นเป็นเพียงแค่เรื่องผายลมเท่านั้น ทั้งมัน.. ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเขา เพราะในสายตาของเขา หลินฟาน ก็ได้แค่ไอ้เด็กยากจนคนหนึ่ง ทั้งไม่มีพลังอํานาจใดๆ แล้วเช่นนี้ คําพูดของเขามันจะไปมีน้ำหนักอะไร.. หรืออาจจกล่าวได้ว่า ไม่มีน้ำหนักเลย เสียด้วยซ้ำ..
หลินฟาน กล่าวว่า : “พูดตามตรง เรื่องนี้.. มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันจริงๆ แต่แค่คุณลุงคนนี้ได้บังเอิญมาหาฉัน เพื่อให้ฉันแสดงความคิดเห็น ดังนั้นฉันจึงได้พูดมากไปหน่อยก็เท่านั้น เฮ้อ.. ขอโทษ นี่มันก็น่าอายจริงๆ คืนนี้ฉันเองก็ดื่มมานิดหน่อยด้วย แล้วคิดว่าจะกลับบ้านไปนอนเร็วๆ ด้วย สู้เอาแบบนี้เถอะ คุณเองก็ไว้หน้ากันหน่อย ตอนนี้ก็อย่าได้ไปทำให้ลุงลําบากใจเลย อย่างที่ฉันพูดไปเมื่อกี้ การแก้ปัญหามีวิธีที่ดีกว่านี้ หากมันแย่สุด ก็แค่ไปสู้คดีที่ศาลกันเอาก็ได้”
ดูเหมือนว่า ชายที่ย้อมผมสีทอง พอเห็น หลินฟาน พูดจู้จี้จุกจิกเหมือนพระถัง (ถัง ซัมจั๋ง 唐三藏) เมื่อนั้นเขาก็ได้ยกยิ้ม แล้วพูดด้วยความโกรธไปว่า : “นี่มันเรื่องตลกร้ายอะไร? ไว้หน้าแก? แล้ว.. แกมันเป็นใคร ถึงได้กล้ามาพูดให้ฉันไว้หน้าแก แกลองไปสอบถามในหมู่บ้านนี้ดูว่ามีใครไม่รู้จัก เล่าจื้อ บ้าง ทั้งในหมู่บ้านนี้ ใครมันจะกล้ามายุ่งกับ เล่าจื้อ.. ใครเห็นฉันก็พากันก้มหน้าให้กับฉัน แล้วนี่แกล่ะ แกมันเป็นใคร?”
คนข้างๆ เขา ก็ได้หัวเราะออกมา แล้วพูดว่า : “พี่ลิ่ว ฉันคิดว่าเด็กคนนี้ดื่มเบียร์เข้าไปแค่สองแก้ว ทั้งมันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร แต่กลับหาญกล้าที่จะมายุ่งเรื่องของ พี่ลิ่ว!”
ทุกคนที่ได้ฟังก็พากันหัวเราะ
หลินฟาน พูดว่า : “โอ้.. ฉันเองเป็นแค่ผู้เช่าของที่นี่”
ชายที่ย้อมผมสีทอง กล่าวว่า : “นั่นก็คือ แกมันเป็นแค่ผู้เช่า? บ้านของที่นี่ราคาเท่าไหร่ ฉันไม่รู้เหรอ แต่โดยทั่วไปค่าเช่าก็คือ 500 หยวนต่อเดือน หาก 1,000 หยวนขึ้นไป นี่ก็แพงทะลุฟ้าแล้ว คนที่อาศัยอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้ ก็มีแค่ ..คนบ้านนอก หรือไม่ก็ไอ้พวกที่มาจากต่างถิ่น! แล้วนี่แก.. มันมีหน้าบ้าอะไร? คนบ้านนอกแบบแกก็ชั่งน้ำหนักตัวเองบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นการที่แกเข้ามายุ่งเรื่องของฉัน แกมันมีคุณสมบัตินั้นไหมหะ!”
หลินฟาน พูดว่า : “ไม่ ไม่ ไม่ ฉันไม่ได้อยากเข้ามายุ่งเรื่องของคุณหรอกนะ ฉันเองก็แค่เดินผ่านมา และแค่ถือโอกาสแนะนําก็เท่านั้น ส่วนเรื่องฉันเองเป็นใครเรื่องนี้ก็ไม่สำคัญ และการที่คุณบอกว่าฉันมีคุณสมบัติไหม ฉันกลับคิดว่าคนเรานั้นมีความเท่าเทียมกัน ทั้งไม่สำคัญว่าจะรวยหรือจน และเหตุผลก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุด คุณไม่คิดอย่างนั้นหรือ? และถ้าคุณคิดว่าฉันพูดถูก แล้วเห็นด้วยกับคำแนะนําของฉัน นั่นก็ถือว่า ..ได้ไว้หน้าฉันแล้ว”
ชายที่ย้อมผมสีทอง พูดตะคอกกลับไปอย่างเย็นชา : “ไม่เห็นด้วยโว้ย! ไอ้คนจน ไอ้ผีที่น่าสงสารอย่างแกนะ ออกไปให้พ้น!”
ขณะที่เขาพูดพลาง ชายที่ย้อมผมสีทอง ก็ได้ใช้มือผลัก หลินฟาน และเขาก็ทำเพื่อพยายามที่จะผลัก หลินฟาน ออกไป
อย่างไรก็ตาม เขาผลักได้แต่ความว่างเปล่า แม้แต่เสื้อผ้าของ หลินฟาน เขาก็ไม่แม้แต่จะได้สัมผัสกับมัน..
ตอนนี้ แม้ว่า หลินฟาน จะเมา แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่คนเช่นนี้จะมาแตะต้องตัวเขาได้ เว้นเสียแต่ว่า ..เขาได้จงใจให้อีกฝ่ายแตะต้องตัว มิฉะนั้น ก็อย่าได้คิดว่าจะมาแตะต้องตัวเขา แม้แต่ปลายเส้นผมของเขาได้ ..แม้แต่เส้นเดียว
ชายที่ย้อมผมสีทอง ที่มือของเขาได้ผลักใส่ความว่างเปล่านั้น เขาก็ได้อึ้งไปสักพัก และพยายามปลอบใจตัวเองว่า.. มันต้องเป็นภาพลวงตา มันต้องเป็นภาพลวงตาแน่ๆ
“ในเมื่อไอ้เด็กคนนี้ พูดด้วยดีๆ ไม่ชอบ ต้องให้บังคับ! งั้นได้.. พวกแกสองคนก็ถูกทุบตีไปด้วยกันเลย เฮ้ย! สอนบทเรียนให้กับพวกมัน และให้มันได้รู้ถึงผลที่เข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่น!” ชายที่ย้อมผมสีทอง ได้กัดฟัน แล้วพูดมันออกไป
กลุ่มพวกอันธพาลกลุ่มหนึ่ง ก็ได้พร้อมใจกันกระโจนเข้ามาพยายามล้อมรอบ หลินฟาน
ชายที่ย้อมผมสีทอง ก็ได้เกิดรอยยิ้มที่เยือกเย็นตรงมุมปาก ไอ้เด็กยากจนตัวเหม็นนี่.. มันกล้าทำเรื่องยุ่งยากให้กับฉัน.. ทั้งตอนนี้มันก็เมามาก คงได้ดื่มมาหนัก .. แต่กลับเสือกกล้ามายุ่งเรื่องของ เล่าจื้อ และฉันจะสอนบทเรียนให้กับแกเองในวันนี้ ..ว่าอย่าได้มาแสร้งทำเป็นบังคับต่อหน้าฉัน!
อย่างไรก็ตาม...
ในวินาทีต่อมา
ทันใดนั้น.. มันก็ได้มีเสียงกรีดร้อง ดังขึ้น...
และเพียงพริบตา พวกอันธพาลที่ได้พยายามปิดล้อม หลินฟาน ก็ได้ล้มลงไปนอนหมดสติ บ้างก็กำลังดิ้นพล่านอยู่บนพื้น บ้างก็ดิ้นทุรนทุราย ส่งเสียงกรีดร้องครวญคราง..
แม้ว่า หลินฟาน จะแสดงความเมตตาอย่างสูงสุดแล้ว นั่นเพราะเขาไม่มีอารมณ์ที่จะเล่นจริงๆ หัวของเขารู้สึกมึน ออกจะดูเวียนหัวเล็กน้อยด้วย มาตอนนี้เขาแค่อยากจะกลับบ้านไปนอนพัก แต่ไอ้พวกคนเหล่านี้ก็โชคไม่ดีจริงๆ เขาเองได้รีบเลยได้ซัดเข้าไปจนล้มลงไปกับพื้นที่ละคน และพวกเขาก็ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ ชั่วขณะหนึ่ง..
ในตอนนี้ก็คงเหลือเพียง ชายที่ย้อมผมสีทอง ที่ยังยืนตัวตรงอยู่ได้ แต่.. ชายที่ย้อมผมสีทอง คนนี้ก็ได้ดูตกใจ จนแสดงสายตาโง่งมออกมา ตัวเขานั้นก็ได้แข็งทื่ออยู่ตรงนั้น และไม่กล้าขยับเขยื้อน นั่นก็เพราะเขากลัวว่า หลินฟาน จะตบหัวเขาจนบินกระเด็นออกไป
หลินฟาน มองไปที่ ชายที่ย้อมผมสีทอง แล้วพูดว่า : “ฉันบอกไปแล้วว่า.. ขอให้ไว้หน้าฉันหน่อย แล้วพวกคุณก็หยุดทุบตีลุงคนนี้ซะ มีเรื่องอะไรก็ค่อยมานั่งคุยกันดีๆ ได้ไหม? แล้วนี่.. ฉันพูดถูกไหม?”
ชายที่ย้อมผมสีทอง ได้พยักหน้ารัวๆ พร้อมกับได้เช็ดเหงื่อเย็นๆ ที่หน้าผาก แล้วเขาได้พูดว่า : “ใช่ คุณพูดถูก..”
คุณลุงที่อยู่ข้างๆ ก็ได้เช็ดเหงื่อเย็นๆ เหมือนกัน แล้วเมื่อกี้ เลาลิ่ว คนนี้ เพิ่งบอกว่า น้องชายคนนี้ ไม่มีคุณสมบัติไม่ใช่เหรอไง? แต่มาคราวนี้ เขากลับพูดว่าถูกได้ยังไงกัน ดูๆ ไปแล้วเรื่องนี้ มันคงขึ้นอยู่กับว่ากำปั้นของใครใหญ่กว่ากัน
และต้องบอกว่าชายหนุ่มคนนี้ ยอดเยี่ยมเกินไปจริงๆ เขาเองมองเห็นไม่ชัดด้วยซ้ำ อยู่ๆ เขาก็ได้จัดการพวกอันธพาล ..พวกนี้ไปแล้วสองสามคน
หลินฟาน กล่าวว่า : “โอเค.. งั้นก็เข้าใจกันได้แล้วเนอะ งั้น คุณลุง คุณรีบกลับไปบ้านเถอะ”
คุณลุงเองได้รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว : “ขอบคุณน้องชาย ขอบคุณมาก”
คุณลุงก็ไม่กล้ามองไปที่ ชายที่ย้อมผมสีทอง เขาเองได้รีบหันหลังแล้วรีบจากไปทันที
หลินฟาน ที่ได้มองเห็นคุณลุงคนนี้เดินไปไกลแล้ว เขาจึงได้โบกมือ : “พวกคุณก็ดูแลตัวเอง ฟังคําแนะนําของฉัน มีเรื่องอะไรก็ค่อยๆ พูดจากันดีๆ อย่าได้ขยับก็ตะโกนว่าจะฆ่า หรือคิดไปรังแกคนที่ซื่อสัตย์.. พวกคุณอาจคิดว่าตัวเองเก่งมาก มีอำนาจมาก แต่กระต่ายเมื่อเข้าตาจน.. มันก็กัดคนได้ ต้องให้อภัย และยอมเชื่อฟังกัน แต่ถ้าคุณไม่เชื่อฟัง ก็ไปฟ้องร้องคุณลุง และให้กฎหมายเข้ามาตัดสินก็ได้ ถูกต้องไหม?”
ชายที่ย้อมผมสีทอง ไม่กล้าปฏิเสธ และเขาได้แต่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
หลินฟาน ก็ได้หันหลังเดินจากไป สิ่งที่เขาพูดได้ เขาก็พูดออกไปหมดแล้ว ฟัง หรือไม่ฟัง มันก็เป็นเรื่องของอีกฝ่ายแล้ว เรื่องนี้เขาเป็นเพียงแค่คนที่เดินผ่านมา และเขาก็แค่ยื่นมือเข้าช่วยเท่านั้น
หลินฟาน ได้กลับไปที่อพาร์ตเมนต์ และเข้าอาบน้ำอย่างง่ายๆ และรีบทิ้งตัวนอนลงบนเตียง และก็หลับไป.. เขาเองได้หลับสนิทไปจนกระทั่งถึงเช้าวันรุ่งขึ้น และก็ได้ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์
และเป็น เว่ย เยว่เอ๋อร์ ที่โทรเข้ามา..
“ฉันอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้านแล้ว คุณตื่นหรือยัง?” เว่ย เยว่เอ๋อร์ ได้ถาม
หลินฟาน ก็ได้ลุกขึ้นนั่งทันที หลังจากหลับไปหนึ่งคืน เขาก็ได้สร่างเมาจากการดื่ม เขาเองได้พูดว่า : “ผมเพิ่งจะลุกขึ้น รอผมครู่หนึ่งก่อน ผมจะรีบไปแปรงฟัน ล้างหน้าก่อน เดี๋ยวผมออกไป”
หลินฟาน ลุกขึ้นไป ล้างหน้า แปรงฟันเสร็จ ก็ออกจากบ้านทันที
ในตอนนี้ มันเป็นชั่วโมงเร่งด่วนของการทํางาน พนักงานออฟฟิศต่างก็ได้พากันออกมาจากหมู่บ้าน พวกเขาได้ขึ้นไปเบียดบนรถเมล์ หรือไม่ก็เบียดอยู่บนรถไฟใต้ดิน เริ่มต้นวันยุ่งๆ อันแสนจะวุ่นวายนี้ บอกเลยว่า ..ชีวิต ไม่ง่ายเลยจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทํางานหนักในเมืองใหญ่นี้ ทุกคนเองต่างก็ได้ลากร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการนอนหลับไม่เพียงพออย่างเห็นได้ชัด
หลินฟาน ได้เดินตามผู้คนไปที่ทางเข้าหมู่บ้าน
ทันใดนั้น หลินฟาน ก็สังเกตเห็นว่า มีคนกําลังฉีกอะไรอยู่ไม่ไกลนัก.. พอ หลินฟาน ได้มองไปก็ได้เห็นชายสองคนที่กําลังฉีกเอกสารบ้างอย่าง และพวกเขาก็เป็นลุงคนนั้น และชายที่ย้อมผมสีทอง ที่เขาได้เพิ่งพบเจอเมื่อคืน
ชายที่ย้อมผมสีทอง ได้หยิ่งผยองอย่างมาก เขาได้แย่งกระดาษปึกหนึ่งมาจากในมือคุณลุง แล้วได้ฉีกไปพลางก่นด่าออกไป : “แกกล้าถึงขนาดนั้นเลยหรือ อยากจะฟ้องร้องฉันมากใช่ไหม แล้วนี่ใครมันได้ไปให้ความกล้าหาญนี้กับแก หรือจะเป็นไอ้ผู้ชายคนนั้นเมื่อคืน? แล้วนี่อะไรกัน เขาเป็นญาติของแก หรือบอดี้การ์ดของแก และนี่เขาจะคอยมาคุ้มกันปกป้องแกตลอด 24 ชั่วโมง หรือไง?”
คุณลุง ได้ดูเขาฉีกเอกสารเหล่านั้นทิ้ง แต่ก็กลับไม่กล้าเข้าไปแย่ง ซึ่งเขาก็รู้ว่าเขาแย่งมันคืนมาไม่ได้..
การกระทําของ ชายที่ย้อมผมสีทอง ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมา แต่ทุกคนก็ได้รีบไปทํางาน และไม่ได้หยุดหรือเข้าไปดูแลพวกเขา
“พี่ลิ่ว คุณเองก็อย่าได้บังคับฉันให้มาก เมื่อคืน น้องชายคนนั้น ไม่ได้บอกหรือว่า ให้เราพูดคุยตกลงกันดีๆ หากคุยกันไม่รู้เรื่องก็แก้ด้วยกฎหมาย คุณเองก็รับปากเห็นด้วยไม่ใช่หรือไง?” คุณลุงเองก็ได้พูด แถมเขาก็ยังดูออกจะขลาดกลัวอยู่ไม่น้อย
ชายที่ย้อมผมสีทอง ไม่สนใจ เขาได้พูดว่า : “เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น? แล้ว.. ฉันพูดเองเหรอว่าจะพูดคุยดีๆ? ตอนนี้มันแตกต่างกันแล้ว ผู้ชายคนนั้นไม่อยู่ที่นี่ หรือนี่แกถือว่าคำพูดของเขาเป็นคำสั่งของจักรพรรดิจริงๆ!”
แม้ว่า คุณลุง จะดูออกขี้ขลาด แต่ทัศนคติของเขาก็มั่นคงมาก : “ถึงคุณจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ ไป ก็เปล่าประโยชน์ ฉันเองสามารถพิมพ์มันออกมาต่อได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณยังไม่คิดที่จะคืนโกดังมาให้ฉัน ฉันก็จะไม่ยอมหยุด”
“ไอ้เชี่ยนี่…” ชายที่ย้อมผมสีทอง ก็ได้ยกมือขึ้น ทำท่าจะตบลุง
แต่ก่อนที่มือของเขาจะทันได้ตบลงไป จู่ๆ ก็ได้ถูกคนเข้ามาจับจากข้างๆ และมันก็ราวกับว่าเขาได้ถูกคีมเหล็กหนีบจับเอาไว้ และไม่สามารถขยับได้
ชายที่ย้อมผมสีทอง ก็ได้หันศีรษะมามอง และมันก็เกือบแทบที่จะทำให้วิญญาณของเขาหลุดออกจากร่าง แม่มันเถอะ! นี่ไม่ใช่ชายหนุ่มเมื่อคืนเหรอไง!
“ทําไม.. คุณถึงได้รังแกลุงคนนี้อีกแล้ว?” หลินฟาน ได้กล่าวออกไปด้วยรอยยิ้ม
**ต้องขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ ผู้แปลไม่สบายเล็กน้อย คงเกิดจากตากฝนมากครับ เลยรู้สึกปวดหัว เลยได้กินยาไป คืนนี้ขอลงเพียง 1 ตอนก่อนนะครับ แล้วจะชดให้ ในพรุ่งนี้ช่วงเช้า ..ขอบคุณครับ