บทที่ 81 – การต้อนรับ
ผู้อาวุโสสามพาผมเข้าไปในห้องนอนที่ราชาเอลฟ์ธรรมชาตินอนพักอยู่ ในห้องไม่มีบรรยากาศของความดีใจอยู่เลย ผมเดินอย่างเคร่งเครียดเข้าไปที่ข้างเตียง ที่ผมเห็นคือราชาเอลฟ์กำลังทนอยู่กับอาการเจ็บปวดอย่างมาก เขาส่งเสียงคำรามที่แฝงไปด้วยความปวดร้าวออกมาไม่หยุด หมอกสีดำจาง ๆ ลอยออกมาจากใบหน้าของเขา ดูเหมือนว่าพลังธรรมชาติของเขากำลังสู้อยู่กับพลังของปีศาจ ดูเหมือนว่าผมจะต้องลงมือช่วยเขาแล้วล่ะ
“โอ้! ธาตุแสงผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อนของข้า โปรดตอบรับคำร้องขอของข้า ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายทั้งมวลด้วยความแข็งแกร่งอันไร้ที่สิ้นสุดของท่าน ช่วยเหลือบุคคลที่อยู่เบื้องหน้าด้วยเถิด!” นี่เป็นเวทย์ฟื้นฟูวิญญาณธาตุที่ผมเสริมพลังของมันขึ้นมาแล้ว ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟู แต่ยังมีประโยชน์มากในการรักษาอาการผิดปกติต่าง ๆ แสงบริสุทธิ์สีขาวปรากฏขึ้นบนมือของผม ก่อนจะขยายตัวไปปกคลุมราชาเอลฟ์ทั้งตัว ภายใต้การเยียวยาของแสงสีขาว หมอกสีดำเริ่มจางลง และค่อย ๆ สลายไป ทำให้เขาเริ่มมีอาการสงบลง เขาไม่คำรามแล้ว
ผมหายใจยาวอย่างโล่งใจ หันกลับไปมองเอลฟ์เฒ่า ผู้อาวุโสสาม! ก่อนจะกล่าวบอกเขา “ข้าทำการรักษาเขาเรียบร้อยแล้ว มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีกแล้ว ตอนนี้น่าจะเป็นเพราะองค์ราชาใช้พลังจิตของเขาไปจนหมด แต่ที่ข้าทำได้ก็เพียงแต่ฟื้นฟูสภาพร่างกายของเขา ร่างกายของเขารักษาได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เขาแค่ต้องพักผ่อนให้ดีเท่านั้น พวกเราควรจะออกไปได้แล้ว”
อย่างเต็มไปด้วยความตื้นตัน ผู้อาวุโสสามจับมือผมแน่น แต่ผมยังไม่ยอมฟังเขาพูด ผมรีบลากเขาออกมานอกห้องก่อน
“ข้าไม่สามารถบอกได้เลยว่าขอบคุณท่านมากเพียงใด ข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านได้อย่างไรดี บุญคุณที่ท่านทำให้กับเผ่าเอลฟ์ธรรมชาติช่างมากมายเหลือเกิน” เขาเพิ่งมีโอกาสได้พูด
“ไม่เป็นไรหรอก! แค่รีบเตรียมอาหารอร่อย ๆ มาให้พวกเราดื่มกินกันก่อนเถอะ แล้วก็จัดสถานที่ให้เราพักผ่อน ส่วนเรื่องจะตอบแทนบุญคุณอะไรนั่นไว้พูดกันทีหลังก็ได้ ตอนนี้ข้าก็กำลังจะตายอยู่แล้วเหมือนกัน ข้าแทบไม่มีแรงเหลืออยู่แล้ว แล้วก็เลิกจับมือของข้าได้แล้ว! ไปกันเถอะ!” ระหว่างที่พูด ผมก็ลากเขากลับไปหาทุกคน
หลังจากที่ชาวเผ่าเอลฟ์รู้ว่าผมรักษาราชาของพวกเขาได้แล้ว พวกเขาก็เริ่มแสดงความยินดีกันอีกครั้ง ผมไม่ค่อยสนใจบรรยากาศอะไรนักหนาหรอก ผมแค่หาเก้าอี้ที่นั่งสบาย ๆ ได้ตัวหนึ่ง นั่งหลับตาเพื่อพักผ่อนอยู่ที่นั่น แต่แน่นอน ผมบอกให้ตงรื่อปลุกผมทันที! ถ้าอาหารพร้อมแล้ว
หอม! หอมมาก!! กลิ่นอะไร? จมูกของผมทำให้ผมต้องลืมตาขึ้น แม้จะยังงุนงงอยู่บ้าง แต่ผมก็เห็นบนโต๊ะอย่างชัดเจน โต๊ะตัวใหญ่! มีอาหารวางอยู่เต็มไปหมด! ผมสะบัดหัวไล่ความงุนงงออกไป ก่อนที่จะพาร่างกายที่ยังปวดกล้ามเนื้ออยู่พุ่งไปที่โต๊ะ
“อาหารอะไรทำไมดูน่าอร่อยจัง! ทำไมมันหอมอย่างนี้? พวกนายนี่แย่จริง ๆ ทำตัวเหมือนพวกเราไม่ใช่พี่น้องกัน! ทำไม! ทำไมไม่ปลุกฉัน!!”
จ้านหู่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างดังลั่น หลังจากได้ยินคำพูดของผม “ดูสิ! ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องปลุกหรอก เดี๋ยวเจ้าหมอนี่ก็ตื่นเองแหละ ถ้ามีอาหารอร่อย ๆ มาวางอยู่ เจ้าหมอนี่ไม่พลาดหรอก ไม่จำเป็นต้องปลุก อา! ไม่รู้ว่าจมูกหรือว่าเวทย์มนต์ของเขาดีกว่ากัน?” จ้านหู่ทำให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะทันที
น่าอาย! น่าอายจริง ๆ! ผมย้ายตัวเองมานั่งที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าพวกเอลฟ์จะใจดีอย่างมาก โดยไม่มีการวางท่าอะไรทั้งนั้น ผมรีบนั่งลง แล้วกล่าวว่า “แล้วมันเป็นยังไงถ้าจมูกของผมดี? มันก็แค่ใช้ได้ดีเป็นพิเศษตอนที่หาอาหารอร่อย ๆ เท่านั้นแหละ อา! ผู้อาวุโสอยู่ที่นี่กันหมดเลย ไม่ต้องเป็นทางการหรอก เริ่มลงมือได้เลย กินกันได้เลยทุกคน ไม่ต้องรอผมหรอก” ผมเริ่มหยิบผลไม้สีม่วงที่ไม่ค่อยคุ้นเคยมาลองชิม อา! หวานมาก! หอมด้วย! กลิ่นและรสของมันกระจายไปทั่วตัวผมอย่างรวดเร็ว นี่มันวิเศษจริง ๆ
ตงรื่อที่นั่งอยู่ด้านข้างคอยสะกิดให้ผมระวังมารยาทหน่อย ใครจะไปสนใจเขา ผมหิวแล้ว ใครจะยังไปสนใจเรื่องมารยาทอะไรนั่น? มันกินได้เหรอ? แล้วนี่ก็ไม่ใช่งานดูตัวอะไรสักหน่อย ทำไมต้องรักษามารยาทด้วย
ผู้อาวุโสใหญ่เริ่มเอ่ยปากบ้าง “ทุกคนก็ลงมือเถอะ ไม่ต้องเป็นทางการหรอก” หลังจากจบคำพูดของเขา ทุกคนก็เริ่มกินแล้ว
งานเลี้ยงของเอลฟ์จะมีผลไม้เป็นอาหารหลัก กลิ่นที่หอมอบอวลไปทั่วนั้นมาจากผลไม้หลากหลายชนิด สุราที่พวกเขาหมักและกลั่นออกมาก็รสชาติยอดเยี่ยมมาก รสที่ลึกล้ำ กลิ่นที่เข้มข้นของสุรา กินแกล้มด้วยผลไม้มัน ๆ บ้าง เปรี้ยวบ้าง หวานบ้าง มันช่างเข้ากันได้ดีจริง ๆ หลังจากที่พวกมันลงไปในท้องของผมแล้ว ผมรู้สึกของความร้อนของเหล้าพุ่งออกจากท้องกระจายไปทั่วร่างกาย มันเป็นความรู้สึกที่สบายดีจริง ๆ พี่ใหญ่จ้านหู่ที่ปกติแล้วชอบดื่มเป็นอย่างมาก เหมือนว่าเขาจะขาดมันไม่ได้เลย แต่ละแก้วที่เขาดื่มลงไป ทำให้หัวใจของเหล่าผู้อาวุโสรู้สึกปวดร้าว ผมได้ยินพวกเขาเล่าให้ฟังว่า เหล้าผลไม้เหล่านี้หมักได้ยากมาก โดยปกติจะนำออกมารับแขกผู้มีเกียรติเท่านั้น มันมีผลเรื่องการรักษาความเยาว์วัยเป็นอย่างมาก เพียงแค่ว่ามันจะไม่ส่งผลทันทีที่ดื่มเข้าไป แต่จะส่งผลอันมากมายออกมาในภายหลัง พวกเขาถึงกับขอร้องไม่ให้พวกเราดื่มมันมากเกินไป ขี้เหนียวจริง ๆ นอกจากตงรื่อแล้ว พวกเราที่เหลือเริ่มเมาแล้ว ยัง! พวกเรายังพอรักษามารยาทเอาไว้ได้อยู่ ตอนแรกผมคิดที่จะสอบถามเรื่องดาบศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้ผมลืมไปแล้ว ช่างมัน! ค่อยเอาไว้ถามทีหลังก็ได้ ตอนนี้ต้องกินเพิ่มพลังก่อน ฮ่าฮ่า!
หลังจากเติมพลังเข้าไปจนเต็มท้องแล้ว มีเอลฟ์มาพาผมไปส่งที่ห้อง พูดกันจริง ๆ แล้ว ผมน่ะเหนื่อยมากเลย พลังเวทย์ และพลังวิญญาณของผมเกือบจะหมดตัว ผมเลยจะรีบนอน แต่หลังจากที่ผมทิ้งตัวลงบนเตียง ผมเริ่มรู้สึกมึนหัวขึ้นมา ดูเหมือนว่าเหล้าผลไม้จะแรงอยู่เหมือนกันนะเนี่ย ผมเริ่มสำรวจพลังของตัวเอง พลังเวทย์ของผมยังพอได้อยู่ มันยังเหลืออยู่ 3 ส่วน พรุ่งนี้มันน่าจะกลับไปที่ 8 ส่วนได้ แล้วผมก็เข้าไปสู่ดินแดนแห่งความฝันไปทั้งอย่างนั้นเลย
รุ่งเช้า! ผมรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะตอนนี้เสี่ยวจินตื่นจากการหลับลึกแล้ว มันหลับไปตั้งแต่การประลองในเมืองซิวต้ายังไม่จบ ผมรับรู้ผ่านการสื่อสารทางวิญญาณได้ว่า เป็นเพราะว่ามันใช้พลังไปอย่างมหาศาล ทำให้ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูค่อนข้างนาน ตอนนี้มันฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เสี่ยวจินเป็นผู้ช่วยที่แข็งแกร่งที่สุดของผม แต่จากที่ผมรู้สึก เสี่ยวจินยังถือว่าอ่อนแออยู่ เหมือนมันยังโตได้ไม่เต็มที่ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนพลังเวทย์จากผม มันน่าจะโจมตีได้แค่ 3-5 นาทีเท่านั้น มันเป็นเวลาที่สั้นมาก ถ้าพวกเราเจอกับศัตรูที่ทรงพลังมาก ๆ มันจะไม่ช่วยอะไรได้มากนัก แต่ผมก็ไม่มีวิธีที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้มันเหมือนกัน ไม่เป็นไร! ยังไม่ต้องคิดถึงมันตอนนี้ ตอนนี้ผมเป็นเมธีเวทย์แล้ว ผมไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือของมันมากนัก หลังจากตื่นขึ้นมาวันนี้ พลังเวทย์ของผมฟื้นคืนมากเกือบหมดแล้ว
ผมออกมาบอกให้เอลฟ์ที่อยู่แถวนั้นพาผมไปหาผู้อาวุโสสาม เราจะต้องเดินทางต่อหลังจากได้ข้อมูลเกี่ยวกับดาบศักดิ์สิทธิ์แล้ว
เอลฟ์ที่ไปตามหาผู้อาวุโสสามกลับมาหาผมแล้วบอกว่า “ท่านผู้อาวุโสเชิญท่านและเพื่อนของท่านให้ไปปรึกษาเรื่องของพวกท่านที่ห้องโถงต้อนรับ ข้าจะเป็นคนนำทางท่านไป” เดินตามเขามาครู่หนึ่ง ผมก็มาถึงที่อาคารขนาดใหญ่หลังหนึ่ง
ผู้อาวุโสสามรอต้อนรับผมอยู่ที่หน้าอาคารนั้น “จางกง ท่านมาแล้ว ข้าส่งคนไปนำเพื่อนของท่านแล้ว พวกเขาน่าจะมาถึงในอีกเวลาไม่นาน”
ผมตอบเขากลับอย่างสุภาพ “ผู้อาวุโสสาม ขอบคุณสำหรับการต้อนรับเมื่อวานมาก แล้วตอนนี้สุขภาพขององค์ราชาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
“ถือว่าโชคดีที่ได้เจ้าเป็นคนรักษาพระองค์ ตอนนี้ร่างกายขององค์ราชาฟื้นฟูเป็นอย่างมากแล้ว พระองค์กำลังรออยู่ด้านใน”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราควรจะรีบเข้าไปข้างในกันเถอะ” ผมเข้าไปข้างในอาคารโดยการเดินตามหลังผู้อาวุโสสามไป ห้องที่ผมเข้ามานั้นได้รับการตกแต่งอย่างงดงาม พื้นถูกปูด้วยหินอย่างดีที่ผมไม่รู้จัก มีเสาขนาดใหญ่ 12 ต้นตั้งอยู่ บนเพดานมีการแกะสลักไว้อย่างสวยงาม ตรงกลางห้องวางไว้ด้วยโต๊ะขนาดใหญ่ มีเก้าอี้วางอยู่รอบโต๊ะ 30-40 ตัว บนโต๊ะมีผลไม้นา ๆ ชนิดวางเอาไว้ เหมือนกับว่ามันถูกเตรียมไว้เพื่อต้อนรับพวกผม ที่เก้าอี้ตรงหัวโต๊ะนั่งอยู่ด้วยราชาแห่งเผ่าเอลฟ์ธรรมชาติ
หลังจากเขาเห็นผมเข้ามา ราชาเอลฟ์ยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า “เมธีเวทย์เว่ย ท่านมาถึงแล้ว เชิญนั่ง!” ความแข็งแกร่งที่ผมเปิดเผยออกไปเมื่อวานนี้ ทุกคนน่าจะเห็นอย่างชัดเจน ผมเลยไม่ได้แปลกใจที่พวกเขารู้แล้วว่าผมเป็นเมธีเวทย์ แต่อย่างไรก็ดี เพิ่งมีเขาเป็นคนแรกที่เรียกผมอย่างนี้ ผมรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่ เขาให้ผมนั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือของเขา
“พระองค์ทรงเรียกข้าว่าจางกงก็ได้แล้วขอรับ”
ราชาเอลฟ์ไม่ได้นั่งลงพร้อมกับผม แต่กลับโค้งคำนับให้ผมอย่างแสดงความเคารพ “ลำดับแรกข้าคงต้องขอขอบคุณท่านเมธีเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ให้ความช่วยเหลือผู้คนของข้า รวมถึงตัวชีวิตของข้าด้วย” เห็นเขาทำอย่างนั้น ผมต้องรีบลุกขึ้นจากท่าที่กำลังจะนั่งลงทันที “เรื่องทั้งหมด พระองค์ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงเลย การช่วยเหลือพวกท่านเป็นสิ่งที่ต้องทำ พวกเราก็ต้องขอความช่วยเหลือจากพวกท่าน ถือว่าเป็นการต่างตอบแทน ต่างก็ได้ผลประโยชน์ทั้งคู่ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าเลย อีกอย่างข้าเป็นคนที่รักความสงบ ตอนนี้ข้าดีใจมากที่สามารถขับไล่เอลฟ์มืดไปได้โดยไม่มีผู้ใดเสียชีวิต”