บทที่ 10 ท่านปรมาจารย์ที่ไม่อ้อมค้อม
เปลือกเต่าพุ่งออกมาจากห้วงจิตของหลินชิงอิ่นและหล่นลงพื้น เกิดเสียงดังกังวาน ใบหน้าของหลินชิงอิ่นซีดเผือดและหลับตาลง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ความเจ็บปวดจากการชนกระแทกทางจิตสำนึกค่อยๆ จางหายไป เธอจึงกระโดดลงจากเตียงและเก็บเปลือกเต่าขึ้นมา
เปลือกเต่านี้เป็นเครื่องมือวิเศษที่หลินชิงอิ่นหล่อขึ้นด้วยมือตนเองในชาติก่อน เป็นเพื่อนที่เธอเลี้ยงดูในจิตสำนึกมาโดยตลอด อยู่เคียงข้างกับเธอมาเป็นพันปี และก็ฟันฝ่าด่านฟ้าผ่าไปพร้อมกับเธอในครั้งสุดท้าย หลินชิงอิ่นจำได้ว่าก่อนที่สายฟ้าสวรรค์จะส่งลงมาในครั้งสุดท้ายนั้น เธอกอดเปลือกเต่าที่กำลังจะแตกละเอียดไว้แน่น เธอคิดว่าเปลือกเต่าคงจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปพร้อมกับร่างกายเธอเมื่อโดนฟ้าผ่า แต่ไม่นึกว่าเปลือกเต่าจะหดตัวเล็กลงและซ่อนอยู่ในห้วงจิตของเธอ ย้ายไปยังโลกใหม่ไปกับเธอด้วย
หลินชิงอิ่นลูบไล้ลวดลายบนเปลือกเต่า พอเปลือกเต่ารับรู้ลมปราณของหลินชิงอิ่น มันก็ถูไถไปมาในมือเธอสองสามครั้งแล้วก็นิ่งสนิท แม้หลินชิงอิ่นจะสิ้นชีพในการฟันฝ่าฟ้าผ่า ถึงแม้เปลือกเต่าจะหลบในห้วงจิต แต่ก่อนหน้ามันก็ช่วยรับฟ้าผ่าแทนหลินชิงอิ่นไปไม่น้อย วิญญาณเครื่องมือได้รับความเสียหายอย่างหนัก แค่พุ่งออกมาจากห้วงจิตก็ใช้พลังภายในจนหมดสิ้นแล้ว
หลินชิงอิ่นลูบไล้เปลือกเต่าด้วยความสงสาร และกัดฟันขณะแตะลวดลายบนนั้น "เจ้าบอกมาสิว่าอยู่ในห้วงจิตฝึกฝนมันดีแค่ไหน แล้วออกมาทำไม พลังชี่ข้าฝึกฝนยังไม่พอใช้เลย ตอนนี้ยังต้องแบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่งอีก เจ้านี่มันช่างรบกวนจริงๆ!"
มองเปลือกเต่าที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ หลินชิงอิ่นจึงค่อยๆ วางมันไว้บนหมอนของตนด้วยความระมัดระวัง จากนั้นล้างหน้า แปรงฟัน และหวีไพ่เหมือนทุกครั้ง เมื่อมองสัญลักษณ์ไพ่แล้ว หลินชิงอิ่นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและส่งข้อความไปหาอ้วนหวัง "วันนี้เจ้าก็ท่องหนังสือต่อไป"
เมื่อได้รับข้อความ อ้วนหวังแทบจะร้องไห้ออกมา "ท่านปรมาจารย์ ท่านไม่รู้หรอกว่าการเรียนมันยากแค่ไหน!"
หลินชิงอิ่น: "..." ไม่ ข้ารู้ดี!
---
เช้าวันใหม่ พ่อเจียงลืมตาขึ้น และพุ่งตัวขึ้นจากเตียงโดยพลัน หันไปปลุกภรรยาที่นอนหลับอยู่ข้างๆ และมองเธอด้วยสีหน้าตื่นเต้น "แม่ ฉันฝันว่าฉันเซ็นสัญญามูลค่า 5 ล้าน และได้รับเงินมัดจำ 2.5 ล้านมาแล้ว"
"ไม่ใช่ความฝัน เมื่อวานเงินเข้าบัญชีแล้ว เมื่อวานคุณก็ได้เรียกช่างมาซ่อมเครื่องจักร สั่งวัตถุดิบไป และติดต่อลูกจ้างเก่าๆ บางคนกลับมาทำงานด้วย" แม่เจียงอยู่บนเตียงหัวเราะขึ้นมา "พ่อเจียง คุณถามฉันมาสิบกว่ารอบแล้วว่าเป็นความฝันหรือเปล่า ฉันจะบอกคุณอีกครั้งว่า นี่ไม่ใช่ความฝัน มันคือความจริง!"
พ่อเจียงหัวเราะก้องแล้วกระโดดลงจากเตียงด้วยความตื่นเต้นเพื่อหาเสื้อผ้า "ระหว่างที่ยังไม่เปิดโรงงาน วันนี้เราไปซื้อของกันเถอะ เพื่อจะได้ไปขอบคุณท่านปรมาจารย์ คุณว่ามันเป็นเรื่องเทพๆ เลยใช่ไหม..." พ่อเจียงหยิบเสื้อยืดขึ้นมาและหันไปพูดกับแม่เจียง "สองปีที่ผ่านมา ผมไหว้วานเทพเจ้าบรรพบุรุษ ไปที่ธนาคาร เพื่อนเก่า ลูกค้าเก่าทุกที่แล้ว แต่ไม่มีใครสนใจเราเลย แม้แต่คุณจ้าวที่เพิ่งเซ็นสัญญากับเรามาครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยไปขอความช่วยเหลือจากเขามาหลายครั้งแล้ว ตามตรงนะ ผมแทบจะสิ้นหวังไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง"
แม่เจียงพยักหน้าเห็นด้วยหลายครั้ง "นั่นสิ ท่านปรมาจารย์ยังเด็กขนาดนั้นแท้ๆ ทำไมถึงมีฝีมือกล้าขนาดนี้ได้ พูดออกไปคงไม่มีใครเชื่อเลย"
"คุณไม่เข้าใจหรอก ความสามารถแบบนี้มันขึ้นอยู่กับพรสวรรค์" พ่อเจียงวิเคราะห์อย่างเคร่งขรึม "บางคนทำนายมาทั้งชีวิตก็ยังเป็นได้แค่หมอดูหลอกลวงตามข้างถนน บางคนเหมือนท่านปรมาจารย์น้อย เกิดมาก็มีพรสวรรค์ด้านนี้แล้ว ไม่ต้องเรียนก็ทำได้!"
แม่เจียงได้ยินแบบนั้นก็อดหัวเราะเยาะเขาไม่ได้ "ตอนท่านปรมาจารย์เพิ่งมาถึง คุณก็ไม่ชอบใจนักหรอก ยังจะถามเรื่องการบ้านกับเขาอีก ดีที่ท่านปรมาจารย์น้อยเป็นคนใจดีไม่คิดมากกับคุณ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ลองคุณดูสิ เขาจะช่วยเปลี่ยนดวงให้คุณหรือเปล่า อย่างน้อยก็คงไม่เพิ่มเคราะห์กรรมให้"
พ่อเจียงหัวเราะแหะๆ "ก็ผมตาฝ้าฟางนี่นา!"
ขณะที่พ่อแม่เจียงกำลังคุยกัน ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดอย่างแรง เจียงเว่ยถือโทรศัพท์มือถือวิ่งเข้ามาด้วยอาการตื่นเต้น "พ่อ เร็วเข้ามาดูข่าว เมื่อวานบริษัทของเฉินหยวี่เฉิงถูกเปิดเผยว่าทำการปลอมแปลง แล้ววันนี้ก็ถูกแฉเรื่องอื้อฉาวเรื่องเลี่ยงภาษีอีก"
"เอามาให้พ่อดูเร็ว!" พ่อเจียงรีบควักโทรศัพท์ไปดูข่าว ในใจรู้สึกหลากหลายคละเคล้า ก่อนหน้านี้บริษัทของเฉินหยวี่เฉิงดำเนินงานได้อย่างรุ่งเรือง แม้แต่ได้ยินมาว่าเขายังวางแผนจะขยายกิจการอีก คิดไม่ถึงว่าข้ามคืนเดียวจะเจอวิกฤตใหญ่ขนาดนี้
เมื่อหลักฐานอยู่ตรงหน้า พ่อเจียงเองก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าเฉินหยวี่เฉิงจะไม่ใช่ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
หากเป็นไปตามที่ท่านปรมาจารย์หลินบอก นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของปราสาทที่กำลังถล่ม การแย่งชิงพลังชะตาผู้อื่นเป็นสิ่งที่สวรรค์ไม่อาจยอมรับได้ ผลกรรมที่เฉินหยวี่เฉิงต้องลิ้มรสยังรออยู่ข้างหน้า
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ทั้งครอบครัวก็รีบไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของขวัญ ว่าจะซื้ออะไรให้ท่านปรมาจารย์หลินนั้นเป็นเรื่องที่ปวดหัวอยู่เหมือนกัน ท่านปรมาจารย์ยังอายุน้อยเกินไป การให้ของเก่า อาหารเสริมสุขภาพ หรือชา ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสัก แต่การซื้อเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับก็รู้สึกว่าอาจจะเกินงานไปหน่อย สุดท้ายเจียงเว่ยก็เป็นคนคิดออก บอกว่าเห็นท่านปรมาจารย์น้อยชอบหยกมาก เราก็ให้กำไลหยกที่ใสแจ๋วสักวง แล้วให้อั่งเปาสักใบเพื่อแสดงน้ำใจก็แล้วกัน
พ่อแม่เจียงก็คิดว่าเป็นความคิดที่ดี ครอบครัวเดินดูตามร้านขายหยกสักพัก ซื้อกำไลที่มีเนื้อหยกสวยงามมาหนึ่งวง แม่เจียงยังไปเลือกนมและผลไม้จากซุปเปอร์มาร์เก็ตมาด้วย แล้วทั้งสามคนก็ตามที่อยู่ที่หลินชิงอิ่นทิ้งไว้ไปยังหมู่บ้านที่เธออาศัยอยู่
เมื่อเห็นตึกเก่าๆ เตี้ยๆ และสายไฟที่พันกันยุ่งเหยิง พ่อเจียงก็อดถอนใจไม่ได้ "สมกับเป็นท่านปรมาจารย์จริงๆ ไม่ยึดติดกับวัตถุภายนอก ไม่หรูหรา ไม่แปลกใจเลยที่จะมีฝีมือขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย"
เจียงเว่ย: "..." หรือว่าเพราะจนกันแน่?
หลบเลี่ยงกล่องกระดาษในทางเดิน ทั้งสามขึ้นมาถึงชั้นสามที่บ้านของหลินชิงอิ่น พ่อเจียงยกมือขึ้นเตรียมจะเคาะประตู แต่ประตูก็เปิดออกเสียก่อน "เข้ามาสิ"
พ่อเจียงตื่นเต้นสุดๆ "ท่านปรมาจารย์คำนวณได้ว่าพวกเรากำลังจะมาเหรอ?"
หลินชิงอิ่นชี้ไปที่ระเบียงที่ใช้เป็นห้องครัวอย่างเรียบๆ "กำลังล้างจานพอดี เห็นพวกคุณกำลังเดินเข้ามา"
พ่อเจียง: "...อ้อ ท่านปรมาจารย์ช่างใกล้ชิดกับชีวิตประจำวันจริงๆ ยังล้างจานเองอีกนะฮะฮ่า!"
บ้านของหลินชิงอิ่นมีหน้าตาเล็กกว่าบ้านเก่าของครอบครัวเจียงเสียอีก ในห้องนั่งเล่นมีแค่โซฟาเก่ามากตัวหนึ่ง เนื่องจากด้านในโผล่ฟองน้ำออกมา คุณแม่ของหลินชิงอิ่นจึงตัดปลอกที่นอนเก่ามาทำเป็นปลอกหุ้มโซฟา
หลินชิงอิ่นไม่รู้สึกเลยว่าบ้านของเธอจะแคบหรือโทรมแต่อย่างใด เธอใช้สายตาเรียบๆ ชี้ไปที่โซฟาเชิญพวกเขานั่ง ส่วนตัวเธอเองนั่งบนเก้าอี้อีกฝั่งหนึ่งโดยถือเปลือกเต่าไว้ในมือ
ทั้งสามคนวางของขวัญที่ถือมาไว้ด้านข้าง แม่เจียงรีบหยิบถุงใส่กำไลและอั่งเปาจากกระเป๋า "วันนี้พวกเรามาขอบคุณท่านปรมาจารย์โดยเฉพาะเลยค่ะ"
หลินชิงอิ่นลูบไล้เปลือกเต่าในมือ มองไปที่ตำแหน่งลูกหลานของเจียงเว่ยที่สว่างกว่าเมื่อสองวันก่อนด้วยสีแดงและสีเหลืองอ่อนๆ แล้วหัวเราะ "พลังชะตาที่ถูกแย่งชิงไปได้กลับคืนมาแล้ว โชคดีของพวกคุณไม่ได้มีแค่เท่านี้"
พ่อแม่เจียงได้ยินดังนั้นก็ดีใจสุดๆ รีบยืนขึ้นกล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากนั้นพ่อเจียงก็ลังเลเล็กน้อยก่อนจะถาม "ท่านปรมาจารย์ หากเฉินหยวี่เฉิงมาหาผม ผมควรจะพูดอย่างไรดี? ถ้าพูดความจริงออกไป เขาจะไปหาคนมาทำอันตรายท่านปรมาจารย์หรือเปล่า?"
หลินชิงอิ่นหัวเราะเบาๆ "ไม่เป็นไร คุณเอาจี้หยกกับหมวกคืนให้เขาไปเลย เขาจะเข้าใจเอง หากเขามีฝีมือจริงและไปหาคนมาแย่งชิงโชคชะตาใหม่ งั้นข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าใครกล้าทำแบบนั้น"
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พ่อเจียงก็วางใจได้ในที่สุด แต่พอเหลือบไปเห็นนาฬิกาบนผนัง เขาเองก็รู้สึกตื่นกลัวขึ้นมา เขาเกรงว่าถ้าอยู่นานเกินไปจะรบกวนการบำเพ็ญเพียรของหลินชิงอิ่น จึงส่งสัญญาณให้ภรรยาและลูกชาย แล้วทั้งสามคนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน "ครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านปรมาจารย์จริงๆ พวกเราไม่กล้ารบกวนท่านปรมาจารย์นานกว่านี้แล้ว เราขอตัวก่อนนะครับ"
"จะกลับแล้วเหรอ?" หลินชิงอิ่นเลิกคิ้ว "คุณลืมแล้วหรือว่าตอนแรกคุณพูดอะไรไว้?"
พ่อเจียงมีสีหน้างุนงง "หา?"
หลินชิงอิ่นหันกลับไปหยิบกองหนังสือและการบ้านจากห้องนอนมาวางบนโต๊ะกลมในห้องนั่งเล่น "คุณไม่ใช่รับปากจะช่วยทำการบ้านให้ฉันไว้เหรอ?" เธอหยิบสมุดการบ้านวิชาเคมีส่งให้แม่เจียง "คุณช่วยทำเล่มนี้นะ" จากนั้นส่งสมุดการบ้านฟิสิกส์ให้พ่อเจียง "คุณทำเล่มนี้" หลินชิงอิ่นยังเรียกเจียงเว่ยด้วย "มาช่วยดูโจทย์คณิตศาสตร์ให้ฉันหน่อย"
พ่อเจียงไม่ต้องดูเนื้อหาในหนังสือ แค่เห็นตัวอักษรคำว่าฟิสิกส์สองตัว ขาก็อ่อนแล้ว คิ้วทั้งสองข้างตกลงอย่างอ่อนแรง "ท่านปรมาจารย์ คะแนนฟิสิกส์สูงสุดของผมคือสิบแปดคะแนนเท่านั้น"
แม่เจียงสั่นเทิ้มวางสมุดการบ้านเคมีกลับลงบนโต๊ะ "ท่านปรมาจารย์ ตอนมัธยมปลายฉันเรียนสายศิลป์ค่ะ"
หลินชิงอิ่นเลิกคิ้วขึ้นด้วยความรู้สึกไม่พอใจ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร พ่อเจียงก็รีบผลักลูกชายมาอยู่ตรงหน้าหลินชิงอิ่น "ท่านปรมาจารย์ ลูกชายผมได้ที่หนึ่งการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเลยนะ คณิตศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ เขาเก่งหมดเลย! จบจากคณะคณิตศาสตร์มหาวิทยาลัยชื่อดังด้วย! ภาษาอังกฤษเลเวล 6! หากมีอะไรไม่เข้าใจ ถามเขาได้เลย!"
"ใช่ๆ!" แม่เจียงรีบพยักหน้าหงึกหงัก "ตอนนี้เขาไม่ได้ทำงาน มีเวลาว่างยี่สิบสี่ชั่วโมง จะสอนนานแค่ไหนก็ไม่เป็นไร"
เจียงเว่ยมองพ่อแม่ที่ขายเขาทั้งตัวด้วยสีหน้าสิ้นหวัง "...แม่ครับ ผมต้องเตรียมตัวสอบเข้าปริญญาโทนะ!"
"การสอบเข้าปริญญาโทยิ่งต้องเตรียมพื้นฐานให้แน่น!" พ่อเจียงที่จบแค่มัธยมต้นยัดสมุดการบ้านฟิสิกส์ใส่มือเขา "ระหว่างที่ลูกสอนท่านปรมาจารย์ ลูกเองก็ได้ทบทวนด้วย พอลูกสอนท่านปรมาจารย์จนจบ ต้องสอบเข้าปริญญาโทได้แน่ๆ"
เจียงเว่ย: "...!!!" นี่พ่อแท้ๆ ของผมเลยนะเนี่ย!
"ติวหนังสือสินะ!" หลินชิงอิ่นครุ่นคิดครู่หนึ่ง ตอนที่เกรดของร่างเดิมตกต่ำลง แม่ของหลินชิงอิ่นก็เคยพิจารณาจ้างครูมาสอนพิเศษ แต่ค่าเรียนกว่าร้อยหยวนต่อคาบทำเอาครอบครัวที่ไม่ร่ำรวยนี้ถอยไปก่อน นอกจากให้เธอพยายามด้วยตัวเอง ทั้งบ้านไม่กล้าคิดถึงการจ้างคนมาสอนพิเศษเลย
หลินชิงอิ่นบีบซองแดงที่แม่เจียงมอบให้เพื่อวัดความหนา นี่เพิ่งให้เงินมาแล้วจะเอากลับคืนไปอีกแล้วเหรอ?
นึกถึงคำพูดของอาจารย์ก่อนปิดเทอมที่บอกว่าถ้าไม่ทำการบ้านส่งก็ห้ามมารายงานตัว หลินชิงอิ่นถอนหายใจ "ติวหนึ่งคาบต้องจ่ายเท่าไหร่?"
พ่อเจียง: "...???"
แม่เจียง: "...???"
พ่อเจียง: "ไม่ต้องเสียตังค์! ฟรี!"
แม่เจียงหยิบปึกเงินยัดใส่มือเจียงเว่ย "ตอนเที่ยงอย่าลืมเลี้ยงข้าวท่านปรมาจารย์ล่ะ ห้ามให้ท่านเสียตังค์เด็ดขาด!"
หลินชิงอิ่นหันไปมองเจียงเว่ย "งั้นนายอยู่ที่นี่แหละ!"
เจียงเว่ย: "???"
---
พ่อเจียงออกจากบ้านของหลินชิงอิ่นแล้วไปยังโรงงานตรงๆ การเปิดโรงงานใหม่มีเรื่องต้องจัดการมากมาย เขาอยากจะพักอยู่ในโรงงานเพื่อดูแลการส่งมอบออร์เดอร์ซะจะได้สบายใจ แม่เจียงเป็นห่วงว่าช่วงนี้เฉินหยวี่เฉิงจะมาหาเรื่อง วางแผนจะอยู่บ้านตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้เขาไปทำให้พ่อแม่ตกใจ
พอเดินมาถึงชุมชน แม่เจียงก็เห็นแม่สามีและกลุ่มป้าๆ นั่งคุยกันอยู่ใต้ร่มไม้ ไม่รู้ว่ากำลังพูดถึงอะไร ทำท่าทางตื่นเต้นดีใจมาก พอเห็นเงาของแม่เจียง ป้าเจียงก็รีบโบกพัดเรียกเธอ "ลูกสะใภ้ มานี่เร็ว มาเล่าเรื่องท่านปรมาจารย์น้อยให้พวกเขาฟังหน่อย"
แม่เจียงเดินเข้าไปด้วยความงงๆ ป้าคนหนึ่งส่งเก้าอี้ให้เธออย่างกระตือรือร้น "ป้าหลี่บอกว่าเด็กสาวที่ดูดวงแม่นมากคนนั้น ช่วยพลิกชะตาให้ครอบครัวเธอจริงๆ เหรอ? แม่สามีของเธอเล่ามาเหลือเชื่อ พวกเราไม่กล้าเชื่อเลย"
นี่เป็นเรื่องดีที่จะช่วยให้ชื่อเสียงของหลินชิงอิ่นโด่งดัง แม่เจียงจึงรีบพูด "ไม่ใช่พลิกชะตาหรอก แต่บ้านเราถูกคนวางแผนกลั่นแกล้ง ท่านปรมาจารย์มาปุ๊บก็เห็นทะลุปรุโปร่ง ทำลายเวทมนตร์ที่อีกฝ่ายตั้งไว้ พอทำลายเสร็จไม่กี่นาที พ่อเจียงก็ได้รับออร์เดอร์มูลค่าห้าล้าน พวกคุณว่าท่านปรมาจารย์น้อยเก่งไหมล่ะ?"
"ห้าล้าน!!!" ตาของเหล่าป้าๆ แทบจะถลนออกมา "นี่มันบังเอิญรึเปล่า?"
แม่เจียงอมยิ้ม "ถ้าจะว่าบังเอิญ ทำไมตอนที่พวกเราพยายามยิ้มแย้ม พูดจาดีๆ ถึงไม่เจอเรื่องบังเอิญแบบนี้ล่ะ แล้วก็นะ..." แม่เจียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน "คนที่คิดร้ายกับเราน่ะ เริ่มได้รับกรรมแล้ว มีข่าวออกมาแล้วด้วย"
พอได้ยินว่ามีข่าว เหล่าป้าๆ ก็เชื่อกันหมด ต่างพากันรีบหยิบโทรศัพท์มือถือมาใส่แว่นสายตา เริ่มจองคิวดูดวง คนที่ทำช้ากว่าคนอื่นหน่อยเห็นเพื่อนส่งข้อความจองเสร็จไปแล้ว ก็หงุดหงิดบ่นสามีของตัวเอง "ฉันบอกแล้วให้รีบไปดูดวง พ่อเธอไม่ยอมเชื่ออีก ตอนนี้ไม่รู้ต้องไปต่อคิวกันถึงเมื่อไหร่แล้ว"
อ้วนหวังกำลังง่วนอยู่กับตำราลับสืบทอดในตระกูล จู่ๆ ก็ตกใจกับเสียงแจ้งเตือนจากวีแชทที่ดังขึ้นต่อเนื่องกัน เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นว่าเป็นข้อความจองคิวดูดวงทั้งหมด
อ้วนหวังที่เกือบจะหลับคาตำราตื่นขึ้นมาทันที เขารีบส่งข้อความไปหาหลินชิงอิ่นด้วยความตื่นเต้น "ท่านปรมาจารย์ พรุ่งนี้เหมาะจะไปตั้งแผงไหมครับ?"
ไม่กี่นาทีต่อมา หลินชิงอิ่นก็ตอบกลับมา "พรุ่งนี้ตอนห้าโมงครึ่ง ที่ใต้ต้นไม้อายุเก่าแก่ในสวนสาธารณะเซินหมิง รับดูดวงแค่สิบคน!"