บทที่ 6 เคราะห์กรรมรุมเร้าเจียงเว่ย
"ดึงเท้ากลับไปหน่อย เกือบชนฉันแล้ว!" ป้าหลี่ทำหน้ารังเกียจเตะเท้าของอ้วนหวังที่ยื่นออกมาแล้วหันไปเรียกคนอื่นๆ "ทุกคนเงียบๆ แล้วมายืนล้อมวง อย่าส่งเสียงดัง กลัวคนอื่นมาเห็นแล้วไม่พอใจ" ป้าหลี่พูดพลางยกคางใช้รูจมูกชี้ไปทางป้าจางที่ยืนอยู่อีกฝั่งทำหน้านิ่ว แล้วส่งเสียงฮึดฮัดใส่อย่างหนัก
เมื่อเห็นคนมากันมากมาย อ้วนหวังก็เลิกท่องหนังสือแล้วรีบลุกขึ้นมาจัดระเบียบ "คนที่จะดูดวงเดินไปข้างหน้า คนมาดูก็ยืนสองข้าง แบบนี้จะได้ไม่ขวางทาง ค่าดูดวงครั้งละหนึ่งพัน อาจารย์รับเป็นเงินสดเท่านั้นนะ ใครไม่มีเงินสดมาแลกเงินกับผมก็ได้" เขาหยิบธนบัตรใหม่เอี่ยมแบงค์ร้อยออกมาหนึ่งปึก แล้วเคาะมือสองที "เพิ่งไปเบิกมาจากธนาคารเมื่อวาน ใหม่กริ๊บ"
หลินชิงอิ่นมองอ้วนหวังด้วยสายตาชื่นชม ถึงเขาจะไม่เหมาะกับการทำนายชะตาก็ตาม แต่สมองในการชักชวนลูกค้าค่อนข้างดี มีเขาช่วยเป็นล่ามทำให้เธอไม่ต้องลำบากใจมาก
พอได้ยินค่าทำนายหนึ่งพันหยวน พวกลุงป้าที่เห็นหลินชิงอิ่นอายุน้อยแล้วเริ่มลังเลอยู่แล้วก็ไม่กล้าเข้ามา เพราะในความคิดของพวกเขา เรื่องแบบนี้แค่หลักสิบหยวนก็ทำได้แล้ว หนึ่งพันหยวนถือว่าแพงเกินไปหน่อย แต่จะให้กลับไปเลยก็ไม่ได้ เพราะป้าหลี่พูดถึงสาวน้อยคนนี้เหมือนเทพเจ้าเลย พวกเขาจึงอยากมาดูว่าจะจริงหรือไม่
หลินชิงอิ่นยังคงใจเย็นไม่รีบร้อน เธอมองไปรอบตัวแล้วหันไปทักทายหนุ่มน้อยที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเธอ "จะดูดวงไหม"
ชายหนุ่มกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง จู่ๆ ก็มีเสียงใสๆ ดังขึ้นทำลายโลกที่เงียบสงบของเขา เขามองตามเสียงไปก็พบว่ามีผู้คนมากมายเข้ามาอยู่ข้างๆตัวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ พอเห็นพวกลุงป้ามองมาที่ตัวเขาอย่างกระตือรือร้น หนุ่มน้อยตกใจจนถอยหลังไปสามก้าวแทบจะหนีไปเลย
"นี่มันหลานชายของตระกูลเจียงนี่นา" ป้าคนหนึ่งกระซิบกับอีกคนที่อยู่ข้างๆ กำลังจะเล่าอะไรต่อแต่ถูกอีกฝ่ายปิดปากไว้ก่อนพร้อมกับชี้ไปทางหลินชิงอิ่น หมายความว่าอย่าไปเปิดเผยข้อมูลของหนุ่มน้อยให้เธอได้ยิน
อ้วนหวังเห็นหนุ่มน้อยทำหน้าตื่นตระหนกเหมือนอยากวิ่งหนี รีบตะโกนเรียกเขาแทนหลินชิงอิ่นทันที "หนุ่มน้อย ดูแล้วซึมเศร้าแบบนี้ต้องเจออะไรหนักหนามาแน่ๆ ถ้ามีเรื่องอะไรลังเลใจ ลองให้อาจารย์ช่วยดูดวงดูสิ บางทีอาจได้มุมมองใหม่ๆ ก็ได้นะ"
ประโยคนี้เหมือนจะแทงใจดำหนุ่มน้อยพอดี เขามองไปที่หลินชิงอิ่นที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหญ้า มีสีหน้ากังขาขณะเดินเข้ามาใกล้ "เธอเป็นอาจารย์หรือ" เขาก้มมองราคาที่เขียนไว้บนกระดาษม้วน แล้วหันไปมองพวกลุงป้าที่คุ้นหน้า "เธออายุน้อยแบบนี้จะดูดวงเป็นด้วยหรือ"
ลุงคนหนึ่งหัวเราะอย่างสนุกสนานแล้วทำท่าทางให้กำลังใจเขา "ลองให้เธอดูสิ แล้วจะรู้เอง"
"ได้สิ" หนุ่มน้อยหัวเราะอย่างขมขื่น หยิบมือถือออกมาเตรียมโอนเงิน "ยังไงตอนนี้ฉันก็มีเงินอยู่แค่พันกว่าหยวน ใช้จนหมดก็ช่างมันเถอะ"
หลังจากโอนเงินให้อ้วนหวังแล้ว อ้วนหวังก็นับเงินพันหยวนใส่กระเป๋าของหลินชิงอิ่น ผู้ชมที่มุงดูก็ถอยกลับไปหน่อยเพื่อให้หนุ่มน้อยมีที่นั่งบนพื้น
หลินชิงอิ่นมองหนุ่มน้อยที่มีเมฆดำปกคลุมเต็มหัวและมีโชคชะตาอันตราย เธอรู้สึกเห็นใจเขา "เรียกว่าอะไรล่ะ"
"ผมชื่อเจียงเว่ย"
"เจียงเว่ย!" หลินชิงอิ่นพยักหน้า "จะดูดวงหรือทำนายไพ่ยิปซี"
"มันต่างกันยังไงหรอ" เจียงเว่ยเช็ดหน้าด้วยสีหน้าสิ้นหวัง "ดูอะไรก็ได้ ยังไงผมก็ไม่รู้จะดูอะไรอยู่แล้ว ต่อให้คุณดูออกว่าผมเป็นยังไง ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ"
หลินชิงอิ่นส่งกระดาษและปากกาให้เขา "เขียนวันเดือนปีเกิดลงมา"
เจียงเว่ยมีใบเกิดตั้งแต่ตอนเกิด ระบุเวลาเกิดละเอียดถึงนาที เจียงเว่ยเคยดูมาก่อนแล้วเลยจำเวลาเกิดของตัวเองได้
หลินชิงอิ่นแค่กวาดตามองวันเดือนปีเกิดของเจียงเว่ยก็วางมันไปอีกฝั่งแล้ว เธอรู้ว่าสมัยนี้คนไม่ชอบฟังภาษาโบราณ จึงใช้คำอธิบายภาษาพูดที่เข้าใจง่ายที่สุด "คุณเดิมทีมีชะตาที่ดี อนาคตสดใส พ่อแม่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ เก็บเงินได้มากพอที่จะให้คุณมีความเป็นอยู่ที่หรูหรา กระดูกเสือดาวอยู่เหนือหน้าผาก คุณมีโชคในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง..."
"ถูกต้องมาก!" ก่อนที่หลินชิงอิ่นจะพูดจบ ป้าหลี่อดไม่ได้ที่จะตบมือ "พอตระกูลเจียงมีลูกชายคนนี้ ก็เริ่มประสบความสำเร็จในธุรกิจ อีกทั้งเขายังเป็นนักเรียนที่ได้คะแนนสูงสุดในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของพวกเราเลยนะ" ขณะพูด ป้าหลี่เชิดคางมองไปที่ป้าจางอย่างภูมิใจ
ป้าจางก็ฮึดฮัดพึมพำว่า "ไม่รู้ไปได้ยินมาจากใครหรือเปล่า" แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้เดินจากไป เพราะเธอและย่าของเจียงเว่ยสนิทกันดี เลยอยากจะฟังต่อไปอีกว่าสาวน้อยคนนี้พูดแม่นแค่ไหน ถ้าเจียงเว่ยถูกหลอกจริงๆ ตัวเธอเองก็ได้ช่วยแนะนำอะไรบ้าง
หลินชิงอิ่นพูดต่อ "จากวันเดือนปีเกิดและลักษณะ ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไรก็น่าจะประสบความสำเร็จ แต่หน้าผากตอนนี้ถูกความมืดบดบังมาสองปีเต็มๆ ในช่วงสองปีที่ผ่านมาธุรกิจของครอบครัวคุณถดถอย เงินทองร่อยหรอ การเรียนสะดุด ความรักไร้ความหวัง คุณไม่สามารถประสบความสำเร็จในสิ่งใดเลย"
หลังจากได้ฟังคำพูดของหลินชิงอิ่น เสียงตกใจดังระงมไปทั่ว พวกลุงป้าต่างมองหลินชิงอิ่นด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากเดิม พวกเขาและปู่ย่าของเจียงเว่ยเป็นเพื่อนบ้านกันมานาน ตอนที่ครอบครัวเจียงรุ่งเรืองมั่งคั่ง ปู่ย่าของเจียงเว่ยก็ยังคงอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดิมแม้ว่าลูกชายจะชวนไปอยู่บ้อยู่บ้านหรูก็ตาม เพราะฉะนั้นเรื่องของครอบครัวเจียงตั้งแต่รุ่งเรืองจนตกต่ำ พวกเพื่อนบ้านเหล่านี้ก็เห็นกับตาทั้งนั้น
เมื่อเห็นว่าที่หลินชิงอิ่นพูดมานั้นถูกต้องทุกประการ ไม่ใช่แค่พวกลุงป้าจะตกใจ แม้แต่เจียงเว่ยเองก็ใจหายวาบ "คุณหมายความว่าที่ครอบครัวของผมล่มสลายเป็นเพราะผมงั้นหรือ ถ้าผมตายไป ครอบครัวผมจะกลับมาดีเหมือนเดิมไหม"
"พูดอะไรของเธอ!" ป้าหลี่ได้ยินเข้าก็ฟาดมือใส่เขาทันที รีบแสร้งหัวเราะแล้วปรึกษากับหลินชิงอิ่น "อาจารย์ อย่าฟังเขาพูดเลย ฉันรู้ว่าอาจารย์ระดับคุณต้องมีวิธีแก้ไขปัญหานี้แน่ๆ ช่วยให้คำแนะนำพวกเราหน่อยเถอะ"
หลินชิงอิ่นกล่าวว่า "ชะตาชีวิตของเจียงเว่ยนั้นดีมาก โดยหลักแล้วจะไม่มีอุปสรรคใหญ่ขนาดนี้ สภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้เหมือนมีใครแอบไปยุ่งกับชะตาของเขาในที่ลับ เมื่อพบตำแหน่งที่ถูกยุ่งเท่านั้น ฉันถึงจะสามารถแก้ปัญหาให้เขาได้"
เจียงเว่ยได้ยินคำพูดของหลินชิงอิ่นแล้วก็คิดไปมา สิ่งที่สาวน้อยคนนี้พูดในตอนแรกนั้นค่อนข้างแม่นยำ แต่เรื่องของครอบครัวเขาในย่านนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เขาไม่มั่นใจว่าเธอได้ยินมาจากคนอื่นก่อนหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ของครอบครัวเขาในตอนนี้ ต่อให้โดนหลอกก็คงไม่แย่ไปกว่าที่เป็นอยู่แล้ว แม้แต่การโดนหลอกก็ไม่น่ากลัวไปกว่าสภาพที่เป็นอยู่ในตอนนี้
เจียงเว่ยอยากจะลอง แต่เขาก็รู้ว่าไม่มีอาหารฟรีในโลกนี้ พันหยวนที่เสียไปเมื่อครู่เป็นค่าดูดวง การแก้ไขโชคร้ายแบบนี้ต้องเสียเงินเพิ่มแน่นอน สมัยก่อนตอนที่ครอบครัวเขายังรุ่งเรือง ต่อให้ให้เขาหนึ่งล้านหยวนเขาก็จ่ายได้โดยไม่ต้องคิด แต่ตอนนี้แค่หมื่นหยวนก็ทำให้เขาลำบากใจแล้ว
เจียงเว่ยนั่งหมดแรงกอดศีรษะด้วยความสิ้นหวัง แล้วก็มีลูกหยกอันหนึ่งหลุดออกมาจากคอเสื้อเขากระทบข้อมือของเขา เจียงเว่ยคลายมือออกมามองที่คอเขา ในที่สุดก็ใช้แรงดึงสร้อยหยกออกมาส่งให้หลินชิงอิ่นอย่างระมัดระวัง "อาจารย์ ผมไม่มีเงิน คุณลองดูลูกหยกนี้ได้ไหม"
ลูกหยกนั้นเป็นหยกขาวบริสุทธิ์ไร้ตำหนิ ดูเหมือนจะสวมอยู่นานหลายปีแล้ว ผิวนอกดูเงางามเป็นมันวาว แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ดึงดูดใจหลินชิงอิ่น สิ่งที่เธอสนใจคือกลิ่นอายวิเศษแน่นที่อยู่ในลูกหยกนั้น
"ลูกหยกนี้ของคุณมีค่ามากไม่ใช่หรือ" หลินชิงอิ่นมองเขา "คุณแน่ใจนะว่าจะไม่เสียใจภายหลัง"
เจียงเว่ยหัวเราะอย่างขมขื่น วางลูกหยกไว้ตรงหน้าหลินชิงอิ่น "ถ้าแก้ปัญหาโชคร้ายของผมได้จริงๆ ลูกหยกแค่นี้ก็ไม่มีค่าอะไรหรอก แต่ถ้าแก้ไม่ได้..."
หลินชิงอิ่นเอื้อมมือหยิบเก็บลูกหยกไว้ "ถ้าแก้ไม่ได้ ฉันจะคืนลูกหยกนี้ให้คุณ"
ป้าๆ สองสามคนที่กำลังดูอยู่เห็นว่าหลินชิงอิ่นจะเก็บข้าวของแล้วเดินตามเจียงเว่ยไป พวกเขาเริ่มร้อนใจ รีบแทรกเข้ามาถามว่า "งั้นพรุ่งนี้เธอจะมาอีกไหม พวกเราก็อยากดูดวงเหมือนกัน!"
หลินชิงอิ่นครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า "ฉันบอกไม่ได้แน่ชัด น่าจะต้องจัดการเรื่องของเจียงเว่ยให้เสร็จก่อนถึงจะกลับมา"
ป้าๆ หลายคนปวดร้าวในใจ หากรู้ตั้งแต่แรกว่าเธอทำนายแม่นขนาดนี้ก็ไม่ควรสงสัย น่าจะรีบแย่งกันมาดูดวงให้ได้ก่อน ตอนนี้อาจต้องเสียเวลาอีกหลายวัน บางคนที่ไม่รีบร้อนก็คิดจะรออีกสักระยะ ทุกคนเห็นว่าครอบครัวเจียงตกอยู่ในสภาวะยากลำบากแล้ว หากสาวน้อยคนนี้ช่วยให้ครอบครัวเจียงรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้งได้จริงๆ ก็ถือว่ามีความสามารถจริง ถึงตอนนั้นค่อยมาดูดวงอีกทีก็ยังทัน
หวังหูม้วนกระดาษยัดใต้รักแร้ หยิบมือถือขึ้นมาด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง "เรามาตั้งกลุ่ม WeChat คุยกันตรงๆ หากมีเรื่องอะไรจะได้แจ้งล่วงหน้าได้ ถ้าใครอยากนัดหมออาจารย์ดูดวงส่วนตัวก็ติดต่อผมได้ ผมจะจัดให้"
อย่ามองว่าคนแก่ๆ พวกนี้อายุเยอะ พวกเขาเล่น WeChat เก่งมากทีเดียว แม้พิมพ์ไม่เป็นก็ยังใช้เสียงอัดเป็นข้อความได้ สะดวกสบายสุดๆ ไม่นานก็มีสมาชิกในกลุ่มกว่า 50 คน หวังหูเตรียมจะส่งอั่งเปาแต่ก็โดนป้าๆ ลุงๆ สแปมสติกเกอร์หลากสีสลับกับตัวหนังสือแบบศิลปะจนรกหูรกตาไปหมด
หวังหู: รู้สึกว่าลูกค้ารุ่นนี้คุมยากหน่อยแฮะ!
---
บ้านเก่าของตระกูลเจียงอยู่ในอาคารที่พักด้านหลังสวนสาธารณะ ตอนนี้ 5 ชีวิตในครอบครัวต้องมาอัดแออยู่ด้วยกันในห้องสองห้องนอนที่เก่าคร่ำคร่า เจียงเว่ยต้องนอนบนเตียงพับง่ายๆ ในห้องนั่งเล่น
เมื่อก่อนตอนที่ครอบครัวเจียงยังอยู่ดีกินดี ห้องนี้มีแค่สามีภรรยาอาศัยอยู่ ทุกวันบ้านจะอบอวลไปด้วยแสงแดด มีต้นไม้ดอกไม้ นับว่าเป็นบ้านที่อบอุ่นมาก แต่ตอนนี้บ้านแทบจะไม่มีที่เหลือให้คนอยู่ อย่าว่าแต่ดอกไม้เลย แม้แต่คนอาศัยก็รู้สึกอึดอัดแทบทนไม่ได้
โรงงานของพ่อเจียงกำลังรอวันปิดตัว ตอนนี้มีเหลือสามีภรรยาที่พยายามประคองโรงงานอยู่อย่างยากลำบาก ไม่มีลูกจ้างสักคนแล้ว ไม่มีธุรกิจ เครื่องจักรก็หยุดทำงานไปหมด พ่อเจียงแม่เจียงจึงหมดธุระที่โรงงาน ได้แต่อยู่บ้านครุ่นคิด
"ขายโรงงานไปด้วยเถอะ" ใบหน้าของแม่เจียงที่เคยสวยงามตอนนี้เต็มไปด้วยริ้วรอยและความอ่อนล้า "ที่ดินกับเครื่องจักรน่าจะแลกเป็นเงินได้บ้าง เอาไปใช้หนี้ส่วนหนึ่ง ที่เหลือก็เก็บไว้เป็นทุนทำธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ แทน"
พ่อเจียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากเสียงถอนหายใจก็รับรู้ได้ถึงความอาลัยอาวรณ์ บ้านหรูขายไป คฤหาสน์ก็ขายไป รถหรูก็ขายไป แม้แต่ขายบริษัทเขายังยอมรับได้ แต่โรงงานนี่สิ สร้างมาจากมือเปล่า ตั้งต้นจากศูนย์ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาร่ำรวยขึ้นมา ให้เขาขายทิ้งไปเหมือนกับควักเอาหัวใจไปเลย
เมื่อได้ยินปฏิกิริยาของสามี แม่เจียงก็ถอนหายใจลึก สามีภรรยานั่งอยู่ในห้องนอนมองหน้ากันไม่พูดจา คู่แก่นั่งอยู่อีกห้องส่ายหัวถอนหายใจ บรรยากาศในบ้านเหมือนมีภูเขาใหญ่ทับอยู่ กดดันจิตใจทุกๆ คน
"ผมกลับมาแล้ว" เสียงแหลมของประตูเหล็กแง้มเปิดทำลายความเงียบในบ้าน เจียงเว่ยพาหลินชิงอิ่นและหวังหูเดินเข้ามา อย่างเก้อเขินร้องบอกว่า "พ่อแม่ ผมพาอาจารย์มาบ้านแล้ว"