บทที่ 4 ฉันไม่ชอบกินข้าว
หลินชิงอิ่นเดินย่ำอย่างเบิกบานใจเมื่อกระเป๋ากางเกงตุงพองขึ้นมาในที่สุด แม้แต่ใบหน้าก็ยังมีรอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏขึ้น
ชาติก่อนในยุทธภพ สำนักเซียนหลายแห่งบังคับให้ลูกศิษย์ลงไปฝึกฝนในหมู่มนุษย์ธรรมดา เพื่อหล่อหลอมจิตใจ แต่หลินชิงอิ่นมีพรสวรรค์สูง ทันทีที่เข้าสำนักก็กลายเป็นลูกศิษย์หลัก นอกจากฝึกวิชาก็มุ่งเน้นศึกษาโหราศาสตร์อย่างเดียว ไม่ถนัดการต่อสู้ด้วยวิชาเท่าไร สำนักไม่ยอมปล่อยลูกศิษย์คนสำคัญออกไปฝึกฝนกลัวจะเสียชีวิต
ตอนหลินชิงอิ่นเข้าสำนักอายุยังน้อยมาก หลังจากเข้าสำนักแล้วยิ่งคบหาสมาคมกับใครน้อยลง มุ่งเน้นศึกษาวิชาโหราศาสตร์ของสำนักเต็มที่ โดดเด่นในหมู่ลูกศิษย์หลัก ถูกประมุขสำนักรับเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดตำแหน่ง หลังจากนั้นหลินชิงอิ่นก็ขึ้นมาเป็นประมุขสำนักเซินฉวน ธุระการภายในสำนักก็มอบให้ลูกศิษย์จัดการทั้งหมด นอกจากเข้าถ้ำวิเวกกับบำเพ็ญเพียรแล้ว มีแต่ผู้ที่อาวุโสกว่าเท่านั้นที่เอาของกำนัลมาขอคำทำนาย นางจึงจะยอมออกมาพบ
วันนี้ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตสองชาติที่เธอได้หาเงินอย่างเต็มตัว ถึงแม้เงินน้อยนิดจะเทียบกับของวิเศษล้ำค่าที่ได้รับในชาติก่อนไม่ได้ แต่เธอกลับรู้สึกพึงพอใจ หลินชิงอิ่นคิดว่าโลกมนุษย์ก็น่าสนุกดี ไม่แปลกที่ลูกศิษย์จะชอบออกมาฝึกฝน มีแต่อาหารที่ไม่อร่อยเท่านั้นที่เป็นข้อเสีย
พูดถึงเรื่องกินข้าว หลินชิงอิ่นก็ลูบท้องตัวเอง รู้สึกจนปัญญาขึ้นมา ตอนเช้ายังฝืนกินบะหมี่ไปชามนึงเลย แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้หิวอีกแล้ว? เงยหน้ามองแสงแดด หลินชิงอิ่นจึงรู้ว่าถึงเวลากินข้าวแล้ว
ต้องกินสามมื้อต่อวันนี่ช่างยุ่งยากจริงๆ หลินชิงอิ่นถอนหายใจ กำลังจะขึ้นรถเมล์กลับบ้าน ก็ได้ยินมีคนตะโกนเรียกจากข้างหลัง "อาจารย์ อาจารย์รอผมด้วย"
หลินชิงอิ่นหันกลับไปดูก็พบว่าเป็นหมอดูหลอกลวงอย่างอาจารย์หวังนั่นเอง เธอเดินไปใต้ร่มไม้ยืนเท้าเอว มองเขาด้วยคิ้วที่เลิกขึ้น "มีอะไรหรือ?"
อาจารย์หวังเช็ดเหงื่อบนหน้า พร้อมกับยิ้มประจบประแจง "พอคุณจากไปผมก็รู้สึกเสียดายขึ้นมา วันนี้เราก็ถือว่าได้พบกัน ไม่แลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้ได้ยังไง? เมื่อกี้ป้าเฉินบอกตอนจากไปด้วยว่า พอลูกสาวเธอฉลองวันเกิดเสร็จจะเอาของขวัญมาขอบคุณคุณ แต่ผมไม่มีช่องทางติดต่อคุณเลย ถึงเวลานั้นจะแจ้งคุณได้ยังไง?"
หลินชิงอิ่นขมวดคิ้วอย่างสงสัย "ช่องทางติดต่อคืออะไร?"
อาจารย์หวังไม่ค่อยเข้าใจความหมายในคำพูดของเธอนัก เขาเกาหัวอย่างเก้อเขินแล้วหัวเราะแหะๆ "ก็แลกเบอร์โทรศัพท์หรือแอดเพื่อนกันในวีแชทไง?"
อีกแล้ว โทรศัพท์!
หลินชิงอิ่นมองอาจารย์หวังด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วหมุนตัวเดินจากไปทันที "ฉันไม่มีโทรศัพท์!"
อาจารย์หวังชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสาวเท้าตามไปติดๆ "โทรศัพท์ไม่มีได้ยังไงกัน ในยุคสมัยนี้น่ะ? ตอนนี้เด็กประถมยังใส่นาฬิกาโทรศัพท์มาโรงเรียนเลย!"
เห็นหลินชิงอิ่นไม่ตอบสนองอะไรเลย อาจารย์หวังก็ต้องถอยลงมาอีกก้าว เอ่ยถามด้วยสีหน้าประจบ "อาจารย์ งั้นไปกินข้าวด้วยกันได้ไหม? เราสองคนก็ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมอาชีพกัน มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันหน่อย"
ได้ยินคำว่ากินข้าว หลินชิงอิ่นยิ่งเดินเร็วขึ้น ของที่ไม่อร่อยแบบนั้นกินที่บ้านก็พอแล้ว ถ้าให้เอาเงินที่เพิ่งหามาได้ไปกินข้าว เธอไม่ยอมหรอก!
อาจารย์หวังอ้วนอยู่แล้ว ตอนนี้ยังเป็นเวลาเที่ยงที่อากาศร้อนที่สุดด้วย วิ่งมาทางนี้ทั้งทางก็เหงื่อท่วมตัวแล้ว ตอนนี้ยังต้องวิ่งไล่ตามข้างๆ หลินชิงอิ่นอีก เหงื่อไหลเยอะจนไหลลงตา แสบตาจนน้ำตาไหล
"อาจารย์ เดินช้าลงหน่อยได้ไหมครับ?" อาจารย์หวังเช็ดตาอย่างสิ้นหวัง "ตอนนี้เที่ยงแล้ว คุณกลับบ้านไปก็ต้องกินข้าวอยู่ดี ผมรู้จักร้านอาหารอร่อยๆ แถวนี้ร้านนึง พาคุณไปลองกินกัน ผมเลี้ยงเอง"
หลินชิงอิ่นหยุดฝีเท้า แล้วหันกลับมามองเขา "คุณเลี้ยง?"
"ผมเลี้ยง ผมเลี้ยง!" อาจารย์หวังพยักหน้าราวกับไก่จิกเม็ดข้าว "อยากกินอะไรสั่งได้เลย ผมเลี้ยง"
หลินชิงอิ่นคิดสักพักแล้วก็พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ อาจารย์หวังคนนี้ถึงแม้วิชาทำนายจะไม่เก่งนัก แต่ดูท่าจะมีวิธีดึงดูดลูกค้าเก่งอยู่ หลินชิงอิ่นนึกถึงตอนเช้าที่เธอนั่งเปิดร้านอยู่สองชั่วโมงไม่มีใครแวะเข้ามาแถมยังโดนตำรวจมาจับอีก จึงตัดสินใจจะปรึกษาเคล็ดลับการเปิดร้านจากเขาดู
บริเวณใกล้ๆ ห้องสมุดมีร้านอาหารอยู่ไม่น้อย อาจารย์หวังมองซ้ายมองขวา แล้วเลือกร้านอาหารฮ่องกงที่สาวน้อยชอบกิน จองห้องส่วนตัวพร้อมค่าบริการ
"อาจารย์ ทางนี้ครับ" อาจารย์หวังทำมือเชิญชวน พาหลินชิงอิ่นมาที่หน้าห้อง แล้วรีบเปิดประตูให้ด้วยท่าทางกระตือรือร้น แขกที่เดินผ่านไปมาเห็นชายวัยกลางคนก้มหัวให้เด็กสาวแล้วเรียกว่าอาจารย์ ต่างพากันอึ้งไปตามๆ กัน แต่ทั้งสองคนกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ราวกับมันควรจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
พนักงานเสิร์ฟนำเมนูมา อาจารย์หวังรีบส่งเมนูไปให้หลินชิงอิ่น "คุณดูสิว่าชอบอะไร?"
"อะไรก็ได้" หลินชิงอิ่นโบกมืออย่างไม่สนใจ "ฉันไม่ชอบกินข้าว!"
อาจารย์หวังหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อ แล้วเปิดเมนูสั่งอาหารจานเด่นไปสองสามอย่าง พร้อมทั้งสั่งของหวานที่สาวๆ ชอบไปด้วยหลายอย่าง
หลังจากพนักงานเสิร์ฟเอาเมนูออกไปแล้ว อาจารย์หวังก็รีบรินน้ำชาให้หลินชิงอิ่น "ขอแนะนำตัวก่อนนะ ผมชื่อหวังหู่ มีชื่อเล่นว่าอ้วนหวัง คุณจะเรียกผมว่าอะไรก็ได้"
หลินชิงอิ่นหยิบถ้วยชาขึ้นมา แล้วขมวดคิ้วเมื่อเห็นชาในนั้น เธอวางถ้วยชาลงข้างๆ โดยไม่แม้แต่จะจิบสักนิด "ฉันชื่อหลินชิงอิ่น"
"ชาไม่ถูกปากเหรอ?" อ้วนหวังตบหน้าผาก "เข้าใจแล้ว เด็กผู้หญิงอายุเท่าคุณไม่ค่อยชอบแบบนี้สินะ งั้นเดี๋ยวผมสั่งน้ำอัดลมมาให้"
หลินชิงอิ่นมองอ้วนหวังเรียกพนักงานเสิร์ฟแล้วถอนหายใจอย่างไม่คาดหวัง ชาติก่อนถึงจะไม่ต้องกินข้าว แต่เธอชอบดื่มชามาก ชาที่เธอดื่มมาจากต้นชาบนยอดเขา แต่ละอึกที่ดื่มเข้าไปก็เต็มไปด้วยพลังปราณ ส่วนชาบนโต๊ะนี่ ไม่ต้องพูดถึงพลังปราณเลย แม้แต่รสชาติก็ยังไม่ดี
ไม่นานพนักงานเสิร์ฟก็นำเยี่ยงจื่อกานลู่มาเสิร์ฟ หลินชิงอิ่นมองไอเย็นที่ลอยอยู่บนแก้วสวยงาม เธอจิบลงไปอย่างระมัดระวัง สายตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ของสิ่งนี้ถึงจะไม่มีพลังปราณ แต่ก็ยังมีรสชาติที่ดีอยู่
อ้วนหวังเห็นหลินชิงอิ่นดื่มอย่างมีความสุข เขาก็ปล่อยลมหายใจอย่างโล่งอกในที่สุด อาจารย์เอ๋ยช่างเอาใจยากจริงๆ ไม่ชอบกินข้าว ไม่ชอบดื่มชา ดีที่เครื่องดื่มเย็นๆ ยังถูกใจเธออยู่ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้จะเปิดปากยังไง
"อาจารย์หลิน คุณดูออกได้ยังไงว่าป้าเฉินมีเรื่องอะไรในบ้านน่ะ?" อ้วนหวังยิ่งคิดยิ่งรู้สึกประหลาด "หรือว่าเรื่องพวกนี้ทำนายได้จริงๆ?"
หลินชิงอิ่นเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ "ในเมื่อไม่เชื่อ แล้วทำไมถึงออกไปเปิดร้านทำนาย?"
อ้วนหวังหัวเราะแหะๆ สองครั้ง "ไม่ปิดบังคุณนะ สมัยก่อนตาของผมรู้เรื่องการทำนายอยู่บ้าง แต่พอมาถึงยุคปฏิวัติวัฒนธรรม ก็ถูกประณามว่าเป็นความเชื่องมงาย ก็เลยเลิกทำไป รอจนผ่านช่วงสิบปีนั้นมา หลายคนก็ไม่เชื่อเรื่องพรรค์นี้แล้ว มาจนช่วงหลังๆ กว่าจะเริ่มฮิตขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่พูดตามตรงนะ คนที่ทำนายได้จริงๆ มีไม่กี่คนหรอก ผมทำแบบนี้เพราะสนุกสนานเท่านั้นเอง ถ้ามีลูกค้าก็ดีไป ไม่มีก็ไม่กังวล"
อ้วนหวังหยิบหนังสือเก่าๆ จากกระเป๋ายื่นมาให้หลินชิงอิ่น "นี่เป็นหนังสือที่ตาผมทิ้งไว้ให้ เวลาว่างผมก็เปิดอ่านบ้าง แต่ดูยังไงก็ไม่เข้าใจ"
หลินชิงอิ่นเปิดอ่านสองสามหน้าแล้วพยักหน้า "หนังสือเล่มนี้ยังพอมีของจริงบ้าง ก็ดีกว่าที่คุณไปอ่านเล่มอื่นในร้านหนังสือ แต่ว่า..."
หลินชิงอิ่นมองลักษณะของอ้วนหวังแล้วส่ายหน้า "คุณไม่เหมาะกับการทำนาย ขัดแย้งกับดวงชะตาของคุณ"
"เฮ้ย พูดถูกเผงเลย!" อ้วนหวังตบขาเสียดายพึมพำ "ที่นี่จริงๆ มีหมอดูหลายคน แต่ละคนโกหกหลอกลวงกันไปมา หลายคนยังเป็นพวกคิดร้ายชอบทำนายในแง่ร้าย แล้วให้ลูกค้าเสียเงินเพื่อแก้เคล็ด ผมไม่ใช่คนไร้ยางอายถึงขั้นนั้น ผมชอบพูดแต่เรื่องดีๆ ให้ลูกค้าสบายใจไปดีกว่า แต่ถึงจะอย่างนั้น ผมก็โดนตีบ่อยกว่าคนอื่นอยู่ดี สองสามวันก็ต้องมีแผลแตกสักครั้ง คุณว่าผมมีดวงอะไรเนี่ย!"
หลินชิงอิ่นจิบเครื่องดื่มเย็น "ดวงชะตาของคุณมีเงินทองเล็กน้อย กินอยู่ไม่อั้น ไม่จำเป็นต้องมาทำอาชีพนี้หรอก"
อ้วนหวัง "เฮะ" ขึ้นมาทีหนึ่ง ชูนิ้วโป้งขึ้นอย่างเคารพ "คุณดูออกอีกแล้ว! บ้านผมโดนไล่รื้อเมื่อไม่กี่ปีก่อน ได้เงินชดเชยมาก้อนหนึ่งกับอีกหกห้อง ผมอยู่เองห้องนึง ที่เหลือก็ตกแต่งง่ายๆ แล้วปล่อยเช่าออกไปหมด แต่ละเดือนได้ค่าเช่ากับดอกเบี้ยมาสองหมื่น ที่ออกมาทำนายเป็นแค่งานอดิเรกส่วนตัว แถมยังได้คุยเล่นเปิดหูเปิดตา เจ๋งกว่าออกไปทำงานเยอะ"
หลินชิงอิ่นยื่นมือไปจับเงินพันหยวนที่เพิ่งได้มาในกระเป๋า แล้วก็รู้สึกไม่อยากคุยกับอ้วนหวังขึ้นมาทันที!
ขณะกำลังคุยกัน ประตูห้องก็ถูกเคาะสองครั้ง พนักงานเข็นรถอาหารเข้ามา มีหมูแดงน้ำผึ้ง ไก่ผัดซอสสามถ้วย เป็ดย่าง ปีกไก่ทอดกรอบ หมูทอดน้ำมันหอย เนื้อปูผัดพริกเกลือทอง...
หลินชิงอิ่นมองอาหารบนโต๊ะที่มีสีสันน่ากินและกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ เธอตะลึงไปเลย นี่มันต่างกับผักลวกที่บ้านราวกับฟ้ากับเหวเลยนะ ที่แท้อาหารก็ทำออกมาสวยงามได้ขนาดนี้เชียว
อ้วนหวังวางชามซุปไว้ตรงหน้าหลินชิงอิ่น "ร่างกายต้องการข้าวปลาอาหาร แม้ไม่ชอบก็ควรกินบ้าง ไม่งั้นจะไม่ดีต่อสุขภาพนะ"
หลินชิงอิ่นหยิบตะเกียบคีบเนื้อไก่ชิ้นหนึ่งใส่ปาก แล้วดวงตาของเธอก็เป็นประกาย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา อ้วนหวังมองจานอาหารที่ว่างเปล่าบนโต๊ะ เขากดกริ่งเรียกพนักงานอย่างเงียบๆ
อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา อ้วนหวังเจ้าของห้องเช่าที่ถูกไล่รื้อมองตัวเลขในบิลอย่างน้ำตาคลอ อาจารย์เอ๋ย คุณบอกว่าไม่ชอบกินข้าวไม่ใช่เหรอ?!!!
หลินชิงอิ่นถือเครื่องดื่มมือหนึ่ง อีกมือหนึ่งลูบพุงกลมป่องของตัวเอง แล้วถอนหายใจด้วยความพึงพอใจ "อย่ามาบอกนะว่าอาหารที่นี่อร่อยมากเลยล่ะ"
กินข้าวเสร็จแล้ว อ้วนหวังคิดว่าทั้งคู่ก็ถือว่าสนิทกันพอสมควรแล้ว เขาหยิบมือถือออกมาอีกครั้งอยากจะแอดเพื่อนกับหลินชิงอิ่นในวีแชท หลินชิงอิ่นคิดแล้วจึงถามว่า "ซื้อโทรศัพท์มือถือต้องใช้เงินเท่าไหร่?" เธอหยิบเงินพันหยวนที่เพิ่งได้มาจากกระเป๋า "แค่นี้พอไหม?"
อ้วนหวังมองหลินชิงอิ่นอย่างตกใจ เขารู้สึกว่าอาจารย์ที่อายุยังน้อยคนนี้ดูจะจนอยู่เหมือนกันนะ
-----
อ้วนหวังพาหลินชิงอิ่นไปที่ตึกขายมือถือใกล้ๆ ซื้อมือถือเครื่องหนึ่งราคาแปดร้อยกว่าหยวน เป็นรุ่นพื้นฐานที่สุด แต่เลือกความจุเยอะสักหน่อย หลินชิงอิ่นไม่มีบัตรประชาชน อ้วนหวังจึงใช้บัตรประชาชนตัวเองจดทะเบียนซิมการ์ดให้อย่างกระตือรือร้น แถมยังช่วยเธอสมัครบัญชีวีแชทอีก
พอบันทึกเบอร์มือถือหลินชิงอิ่นเสร็จ แอดวีแชทด้วยแล้ว อ้วนหวังก็โล่งอกในที่สุด รู้สึกว่าตัวเองประจบประแจงขนาดนี้ต้องเหนื่อยตายแน่ๆ
หลินชิงอิ่นมองของในมืออย่างแปลกใจ แล้วพยักหน้าให้อ้วนหวัง "ขอบคุณนะ"
"ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ" อ้วนหวังยิ้มเจื่อนๆ พลางถูมือ "เอ่อ... คุณจะช่วยชี้แนะผมได้ไหมครับ? ถึงจะเรียนไปก็ไม่เอาไปทำนายก็ได้ แค่ศึกษาด้วยตัวเองเล่นๆ ก็พอ"
หลินชิงอิ่นครุ่นคิดสักพัก "วันพฤหัสตอนเช้าห้าโมงครึ่งคุณเอาหนังสือเล่มนั้นมาหาฉันที่สวนสาธารณะ ฉันจะสอนให้"
อ้วนหวังพยักหน้ารับ แต่ก็ถามด้วยความสงสัย "ทำไมต้องวันพฤหัสด้วยล่ะ?"
หลินชิงอิ่นมองเขาเหยียดๆ "ก็เพราะวันนั้นถึงจะมีลูกค้ามาหาไง"
อ้วนหวังอึ้งไป "แม้แต่เรื่องนี้ก็ทำนายได้ คุณเก่งจริงๆ เลย!"
หลินชิงอิ่นเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า คิดในใจด้วยสีหน้าเรียบเฉย คิดว่าตอนนั้นผลตรวจของตำรวจหนุ่มคงออกมาแล้วสินะ?