บทที่ 184: หลงโม่แอบเรียนรู้วิธีการทำอาหาร
“เสี่ยวเหยา!”
ทุกคนอุทานขึ้นมาพร้อมกัน เพราะพวกเขากังวลว่าหลงเหยาจะล้มแล้วได้รับบาดเจ็บ รวมถึงกลัวว่าเขาจะทำให้หลงเซียวล้มไปด้วย
ทว่าในวินาทีถัดมา พี่ชายคนรองปล่อยไม้ยาวที่ใช้คลำทางในมือ ก่อนจะยื่นมือออกไปจับน้องชายคนเล็กไว้อย่างแม่นยำ
อย่างไรก็ตาม หลงเหยานั้นอ้วนเกินไป
หัวของเจ้าเด็กตัวอ้วนกลมจึงกระแทกเข้าที่หน้าอกของผู้เป็นพี่ชาย ทำให้เด็กหนุ่มที่ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวทำอะไรด้วยตัวเองมากนักเซถอยหลัง 2-3 ก้าว และทั้งคู่ก็พากันหงายหลังล้มลงไป แต่หลงเซียวยังคงปกป้องหลงเหยาเอาไว้
โชคดีที่บริเวณที่ล้มไม่มีก้อนหินอยู่บนพื้น ดังนั้นหลงเซียวจึงไม่รู้สึกเจ็บตรงที่กระแทกกับพื้น แต่เขารู้สึกเจ็บตรงที่เด็กน้อยกระแทกเข้าใส่เสียมากกว่า
“เซียวเซียว เหยาเอ๋อ พวกเจ้าเจ็บตรงไหนไหม?”
หูเจียวเจียวรีบเข้าไปอุ้มหลงเหยาออกจากตัวหลงเซียว ก่อนจะช่วยพยุงคนที่โดนทับอยู่ด้านล่างขึ้นมาแล้วปัดฝุ่นออกจากตัวเขา
คนตัวเล็กส่ายหัวตอบ ในขณะที่หลงอวี้ก็เข้ามาคอยช่วยสำรวจว่าน้องชายมีบาดแผลตรงไหนหรือไม่
“ข้าไม่เป็นไร” หลงเซียวส่ายหัวตอบเช่นกัน ตอนนี้เขายังคงรู้สึกตกใจไม่หาย ทันทีที่ตนสงบสติอารมณ์ได้ ดวงตาที่มืดมนของเขาก็มองเห็นแสงวาบ
จากนั้นนัยน์ตาสีเข้มเปิดขึ้นพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มแล้วมองไปทางแม่จิ้งจอก
“ดูเหมือนข้าจะสัมผัสได้แล้วท่านแม่”
คำว่า ‘ท่านแม่’ ที่เขาไม่คิดจะพูดบัดนี้กลับโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว
“จริงหรือ?” หูเจียวเจียวเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ
เธอสังเกตเห็นว่าหลงเซียวพูดว่า ‘สัมผัส’ แทนที่จะเป็น ‘เห็น’
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ!
อย่างน้อยดวงตาของลูกชายคนรองก็ดีขึ้นแล้ว!
“ไชโย! พี่รองไม่จำเป็นต้องเดินถือไม้ออกไปไหนต่อไหนอีกแล้ว” หลงหลิงเอ๋อยิ้มกว้างพลางตบมือดีใจกับหลงเซียว
“น้องรอง ยินดีด้วย” หลงอวี้เดินเข้ามาตบไหล่ของน้องชาย พร้อมเผยรอยยิ้มอ่อนโยนที่แทบจะไม่เคยปรากฏบนใบหน้าที่บูดบึ้งไม่ต่างจากหลงโม่
“ใช่แล้ว! พี่รองจะเล่นกับเสี่ยวเหยาได้แล้ว...” ในบรรดาลูกทั้งหมดของหูเจียวเจียว มีเพียงหลงเซียวเท่านั้นที่ไม่ค่อยเล่นกับหลงเหยา
หลงจงเองก็แสดงสีหน้าดีใจ จากนั้นเขายกมือขึ้นแตะแก้มของตัวเองก่อนจะก้มศีรษะลง ในขณะที่ดวงตาของเขาฉายแววแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจ
ตาพี่รองดีขึ้นแล้ว แต่หน้าตาข้าไม่รู้เมื่อไหร่จะหาย หรืออาจจะไม่มีวันหาย…
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีภูตคนไหนที่สามารถรักษาแผลเป็นขนาดใหญ่ได้ แม้ว่าจะรักษาให้หายได้จริง แต่มันก็ไม่อาจทำให้แผลเป็นนั้นเลือนรางหายไปอย่างสมบูรณ์ได้อยู่ดี
“ใบหน้าของจงเอ๋อจะต้องดีขึ้นแน่นอน” ระหว่างที่หลงจงกำลังจมอยู่กับความคิด เขาก็รู้สึกว่ามีมืออบอุ่นมาแตะมือของเขาจากด้านหลัง เขาจึงหันไปมองด้วยความประหลาดใจ
“จะหายหรือไม่ ข้าไม่สนใจหรอก”
เด็กหนุ่มหันไปตอบอีกฝ่ายทื่อ ๆ พลางก้มหน้าลงมองหญ้าที่ตนบดขยี้อยู่ใต้เท้า
ใครบ้างจะไม่สนใจเรื่องที่ตัวเองอัปลักษณ์?
“เอาล่ะ” หูเจียวเจียวดึงมือของเธอออก ราวกับว่าเธอได้ยอมแพ้แล้ว ก่อนจะจงใจพูดว่า “ต่อจากนี้ไปแม่จะไม่ให้ยาเจ้าอีก เพราะถึงยังไงเจ้าก็ไม่สนใจอยู่ดี”
นั่นทำให้ใบหน้าของหลงจงเปลี่ยนไปทันที เขาขบกรามแน่น แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาเช่นกัน
พอเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น เขาเห็นแม่จิ้งจอกกำลังยิ้มและมองมาทางตนด้วยสายตาเอ็นดู
“ล้อเล่นน่ะ แม่จะช่วยรักษาหน้าเจ้าแน่นอน ถึงยาไม่ได้ผลก็มีหมอผีอยู่ในโลก ถึงมันจะยากแค่ไหน แม่ก็จะไม่ยอมแพ้”
แล้วความเศร้าของหลงจงก็ถูกแทนที่ด้วยความอายกับความโกรธในทันที
เกลียดชะมัด! กล้าดียังไงมาล้อข้าเล่น!
…
เมื่อยามเย็นมาถึง
แน่นอนว่าหลงโม่จับวัวได้ 3 ตัวแล้วนำกลับมาบ้าน นอกจากวัวแล้ว เขายังจับกระต่ายมาอีกฝูงหนึ่งด้วย
“เจ้าจับกระต่ายมาอีกแล้วหรือ?” ทันทีที่หูเจียวเจียวเห็นกระต่าย ดวงตาของเธอก็สดใสขึ้น และเธอก็ก้าวเข้าไปสัมผัสมัน
ครั้งนี้พวกมันเป็นกระต่ายสีเทาครอกหนึ่ง แถมลูกก็ตัวเล็กกว่ากระต่ายครอกที่แล้ว เจ้าสัตว์ขนปุยทั้งหลายน่าจะเพิ่งหย่านมไม่นานมานี้เอง
“ข้าผ่านไปเจอพอดี ข้าเลยนำพวกมันกลับมา” มังกรหนุ่มมองลงไปที่รอยยิ้มบนใบหน้าของจิ้งจอกสาว ก่อนที่แววตาเคร่งขรึมของเขาจะอ่อนลงเล็กน้อย
ในความเป็นจริง หลังจากที่เขาจับวัวได้ เขาก็มุ่งมั่นออกไปตามหากระต่ายโดยเฉพาะ
เดิมทีชายหนุ่มต้องการนำเพียงลูกกลับมา เพราะเขาพบว่าหญิงสาวดูเหมือนจะชอบกระต่ายตัวน้อยมากกว่า แต่ลูกครอกนี้ตัวเล็กเกินไป อีกทั้งเขากลัวว่าแม่กระต่ายจะเสียใจหากมันกลับมาไม่เจอลูกตัวเอง เขาจึงนำพวกมันกลับมาทั้งครอบครัว
เมื่อหลงโม่เห็นสีหน้ามีความสุขของหูเจียวเจียว อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นเล็กน้อย
ปรากฎว่าการทำให้ผู้หญิงมีความสุขนั้นง่ายกว่าที่คิด
“ดีจังที่มีกระต่ายครอกนี้ พอโตขึ้น พวกมันสามารถผสมพันธุ์กันได้แน่” จิ้งจอกสาวมองไปที่สัตว์ขนปุกปุยและเริ่มคิดเกี่ยวกับแผนการขยายพันธุ์พวกมัน
ทว่าสิ่งที่ควรระวังคือ การผสมพันธุ์กระต่ายทำให้กระต่ายเป็นโรคได้
เดิมทีเธอคิดที่จะไปจับกระต่ายมาเพิ่มตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว แต่เนื่องจากหลงโม่งานยุ่งมาก รวมถึงเธอไม่กล้ารบกวนเขาด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เธอเลยตัดสินใจลองเลี้ยงกระต่ายขาวสักระยะหนึ่ง ถ้าเธอสามารถเลี้ยงให้พวกมันเติบโตสมบูรณ์ได้ เธอจะไปคุยกับหัวหน้าเผ่าอีกครั้ง
แต่ใครจะไปคิดว่ามังกรหนุ่มจะสอยกระต่ายทั้งรังกลับมาให้เธอเร็วขนาดนี้
“ดูเหมือนว่าในป่าจะมีกระต่ายอยู่เยอะ และกระต่ายที่นี่ก็ขยายพันธุ์เร็วมาก” จิ้งจอกสาวพึมพำกับตัวเอง
ทางด้านหลงโม่ได้ยินเพียงประโยคก่อนหน้าของหญิงสาว จากนั้นเขาเลื่อนสายตามองไปทางเหล่าสัตว์ขนฟูสีเทาอย่างเฉยเมย
เขาไม่ได้บอกหูเจียวเจียวว่าในป่ามีกระต่ายไม่มากนัก ซึ่งเขาพบพวกมันหลังจากใช้เวลาตามหาอยู่ครึ่งวัน
ต่อมา แม่จิ้งจอกจับกระต่ายสีเทามาขังไว้กับกระต่ายสีขาว
ปัจจุบันกระต่ายทั้งหมดถูกเลี้ยงไว้ในลานบ้านเก่าเพื่อไม่ให้มีกลิ่นเหม็นรบกวนคนในบ้านหิน ระหว่างนี้เธอวางแผนที่จะไปหาท่านผู้เฒ่าเพื่อปรึกษาหารือว่าควรจะเลี้ยงกระต่ายไว้ที่ไหน แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น เธอมีสิ่งที่สำคัญกว่าที่ต้องไปทำ
ทางด้านมังกรหนุ่มนำวัวทั้ง 3 ตัวไปที่แม่น้ำเพื่อถลกหนัง แล่เนื้อ และทำความสะอาดอวัยวะภายใน
เขาทำสิ่งเหล่านี้ด้วยความคล่องแคล่วว่องไว โดยจัดการวัวทั้ง 3 ตัวได้แบบเรียบร้อยไร้ที่ติ เขาหั่นพวกมันเป็นก้อนสี่เหลี่ยมตามคำขอของจิ้งจอกสาว
“เจ้าจะทำสิ่งนี้ไปทำไม?” หลงโม่เฝ้าดูทุกย่างก้าวของหูเจียวเจียว ในขณะที่ดวงตาของเขาฉายแววกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้
ยามนี้หญิงสาวกำลังจดจ่อกับการทำเนื้อสับคั่วพริก จึงไม่ได้สังเกตเห็นอะไรผิดปกติจากอีกฝ่าย ดังนั้นเธอจึงตอบอย่างสบาย ๆ ว่า “เนื้อสับคั่วพริก มันสามารถเก็บไว้กินในฤดูหนาวได้”
“นี่คืออะไรหรือ?”
ชายร่างสูงถามพลางชี้ไปที่กระเทียมซึ่งดูแปลกตา
“นี่คือกระเทียม มันจะหอมมากถ้าใส่กับเนื้อ” หูเจียวเจียวอธิบาย
เมื่อเร็ว ๆ นี้ หญิงสาวเข้าไปในป่าเพื่อเก็บผลไม้กับกลุ่มเก็บเกี่ยวเป็นครั้งคราว และทุกครั้งที่เธอ ‘ค้นพบ’ ผลไม้สดที่กินได้ ภูตทุกคนก็ได้รู้จักผลไม้ชนิดนั้นทันที
ทุกครั้งที่เธอกลับมาจากการเก็บ เธอจะมาพร้อมกับถุงหนังสัตว์ใบใหญ่เสมอ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่อยู่ข้างในส่วนใหญ่เต็มไปของที่เธอแอบนำออกมาจากมิติ
ถุงหนังสัตว์นั้นใหญ่มากจนพวกภูตคิดว่าจิ้งจอกสาวเก็บผลไม้กลับมาได้มากมาย และไม่มีใครสงสัยอะไรในตอนที่เธอหยิบวัตถุดิบต่าง ๆ จากมิติออกจากถุงเลยแม้แต่คนเดียว
ทางด้านหลงโม่เห็นว่าหูเจียวเจียวทุบกระเทียม ปอกเปลือก ทำความสะอาด สับจนละเอียด แล้วใส่ลงในกระทะพร้อมกับส่วนผสมอื่น ๆ แทนพริกชี้ฟ้าแล้วผัดต่อไปอย่างชำนาญ
ดวงตาของคนตัวสูงเต็มไปด้วยความกระหายใคร่รู้ และเขาจดจำทุกขั้นตอนอย่างระมัดระวัง
เขาจะพยายามทำให้ได้ในครั้งต่อไป!
แต่เขาจะลองกับใครล่ะ?
นี่แหละปัญหา…
ความคิดดังกล่าวทำให้ดวงตาของมังกรหนุ่มหม่นหมองลง หากเขาทำอาหารออกมาได้ไม่ดีอีกครั้ง ลูก ๆ อาจถึงขั้นป่วยตาย แล้วเจียวเจียวจะไม่มีวันให้อภัยเขา เมื่อถึงตอนนั้นนางต้องหาภูตคนอื่นมาเป็นคู่แน่นอน
แต่ชายหนุ่มไม่มีสหายในเผ่า ใครจะเต็มใจช่วยเขาชิมอาหารล่ะ?
ในขณะที่หลงโม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หูเจียวเจียวได้ทำเนื้อสับคั่วพริกแบบไม่เผ็ดกระทะใหญ่เสร็จแล้ว ก่อนจะนำไหหินออกมาวางหลายใบ
“ระวัง ข้าจะทำเอง” เมื่อมังกรหนุ่มเห็นว่าจิ้งจอกสาวกำลังจะเทเนื้อสับคั่วพริกลงไห เขาก็ก้าวเข้าไปแทนที่นาง เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะถูกหม้อลวก
“อืม” ก่อนที่หญิงสาวจะทันได้ตอบ คนตัวสูงก็คว้าของไปจากมือเธอแล้ว
เธอจึงทำได้เพียงยืนอยู่ข้างหลังอย่างเงียบ ๆ พลางเฝ้าดูชายร่างสูงหล่อเหลายุ่งอยู่กับสิ่งที่ตนกำลังทำ และทันใดนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่าตนเองได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากคนอื่น