ตอนที่แล้วตอนที่ 1084 กลายเป็นพ่อคน.. นี่ยังเซอร์ไพรส์ไม่พออีกเหรอ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1086 ฉันบอกไปแล้วว่า.. ขอให้ไว้หน้าฉันหน่อย

ตอนที่ 1085 เดี๋ยว คือ.. เกิดอะไรขึ้น?


เว่ย เยว่เอ๋อร์ ได้ไปส่ง หลินฟาน กลับไปที่หมู่บ้าน และได้ขับรถกลับที่บ้านของเธอ ในเวลานี้เองที่เธอได้รับโทรศัพท์จาก เว่ย เทียนเฉิง..

อาจเป็นเพราะพี่ชายของเธอ ไม่ได้ติดต่อเธอมาสักระยะหนึ่งแล้ว เขาจึงได้คิดถึงเธอล่ะมั้ง? เธอจึงได้รีบรับโทรศัพท์ : “พี่คะ ทําไมดึกขนาดนี้ยังไม่ได้นอนอีก?”

เว่ย เทียนเฉิง ได้ยิ้ม แล้วพูดว่า : “เราเองก็ยังไม่นอนไม่ใช่เหรอ แล้วทําไมพี่ถึงได้ยินเสียงเหมือนเธออยู่ในรถ?”

เว่ย เยว่เอ๋อร์ พูดว่า : “อืม.. ตอนนี้กําลังรีบกลับบ้านอยู่”

เว่ย เทียนเฉิง ได้พูดด้วยความเป็นกังวลไปว่า : “ทําไมถึงกลับดึกขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องงานหรือเปล่า จะลําบากเกินไปไหม หากถ้างานนี้มันลําบากเกินไป สู้เราหยุดทําเลยดีกว่า..”

เว่ย เยว่เอ๋อร์ ได้รีบพูดไปว่า : “ไม่ ไม่เลยค่ะ ไม่ได้รู้สึกหนักใจ ขอบคุณพี่ที่เป็นห่วง”

เว่ย เทียนเฉิง พูดว่า : “แล้วคืนนี้เราไปไหนมา ถึงได้กลับดึงขนาดนี้?”

เว่ย เยว่เอ๋อร์ กล่าวว่า : “คืนนี้.. ฉันไปกับ หลินฟาน ไปที่บ้านของตระกูลซ่ง ทางตระกูลซ่ง ได้มีงานเลี้ยง หม่านเย่ว์จื่ว (เหล้าครบเดือน 满月酒) ของหลานชายของ เลาซ่ง ดังนั้นมันจึงได้ดึกขนาดนี้.. และปกติแล้ว มันก็ไม่ได้ดึกขนาดนี้หรอกค่ะ”

เว่ย เทียนเฉิง ได้ร้องโอ้ แล้วพูดว่า : “เลาซ่ง หรือว่า ซ่ง หรงเหมา ประธานหอการค้าหยุนเฉิง?”

เว่ย เยว่เอ๋อร์ กล่าวว่า : “อืมม”

“ดูเหมือนว่า ซ่ง หรงเหมา คนนี้ จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ หลินฟาน.. นี่ถึงขนาดงานเลี้ยง หม่านเย่ว์จื่ว ของหลานชาย ก็ยังได้เชิญเขาไปเข้าร่วมด้วย” เว่ย เทียนเฉิง ได้กล่าวต่อไปว่า : “ใช่แล้ว เท่าที่พี่รู้มา ซ่ง หรงเหมา กับหลี่ เจี้ยน เป็นเพื่อนกัน คืนนี้เราได้เห็น หลี่ เจี้ยน ในงานด้วยหรือเปล่า?”

เว่ย เยว่เอ๋อร์ พูดว่า : “คืนนี้ คุณหลี่ ก็ไปด้วย”

เว่ย เทียนเฉิง ก็ได้พูดพร้อมกับหัวเราะไปว่า : “ยังไงตอนนี้เราก็ว่างแล้ว พูดคุยถึงเรื่องนี้คงไม่เป็นไร พี่เองมีเรื่องที่อยากจะพูดคุยถามกับเราหน่อย หลินฟาน .. เองได้บอกว่าจะเอาที่ดินผืนนั้นไปสร้างอาคารสํานักงานใหญ่ไม่ใช่เหรอ แล้วเขาได้วางแผนจะเริ่มก่อสร้างเมื่อไหร่ล่ะ?”

เว่ย เยว่เอ๋อร์ ได้ไว้วางใจ เว่ย เทียนเฉิง มาก เว่ย เทียนเฉิง ได้เป็นคนสนับสนุนเธอให้อยู่ข้างๆ หลินฟาน และหลังจากที่ เว่ย เทียนเฉิง และหลินฟาน ได้แข่งกันแย่งชิงที่ดินผืนนั้น พี่ชายของเธอ เว่ย เทียนเฉิง ก็ได้ล้มเหลวในการแย่งชิง หลังจากนั้นมา พี่ชายของเธอก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจใดๆ และเขายังได้แสดงออกอย่างกล้าหาญมาก บวกกับที่เขาเป็นพี่ชายของเธอ ดังนั้น เว่ย เยว่เอ๋อร์ จึงไม่ได้ระมัดระวังอะไรกับเขา

“เรื่องนี้.. ได้มีการเตรียมการมาตลอด คืนนี้เอง เลาซ่ง ก็ได้แนะนําสถาปนิกคนหนึ่งให้กับทางเรา..” เว่ย เยว่เอ๋อร์ ได้กล่าว

เว่ย เทียนเฉิง ได้พูดด้วยความสนใจไปว่า : “โอ้.. จริงงั้นเหรอ? แล้วเขาได้แนะนําสถาปนิกคนไหนไป พอดีพี่เองก็ได้รู้จักสถาปนิกดีๆ เก่งๆ บางคนอยู่ด้วยบ้าง เพื่อจะสามารถช่วยเราอ้างอิงได้”

เว่ย เยว่เอ๋อร์ ได้เล่าไปว่า : “เหมือนเธอจะชื่อ อู๋ อีลี่ เธอเป็นคนค่อนข้างเก่งมาก และยังเพิ่งกลับมาจากการศึกษาต่อที่อังกฤษ แถมยังได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมมามากมาย ตอนนี้ได้ทํางานที่สถาบันออกแบบสถาปัตยกรรมเจียงหนาน พี่คะ พี่เคยได้ยินเกี่ยวกับเธอมาบ้างไหม?”

เว่ย เทียนเฉิง กล่าวว่า : “นี่... พี่เองพอได้ยินมาเล็กน้อย ซ่ง หรงเหมา ได้แนะนําด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่าครั้งนี้ หลินฟาน จะได้ร่วมมือกับ คุณอู๋ คนนี้แล้วสินะ”

เว่ย เยว่เอ๋อร์ กล่าวว่า : “น่าจะใช่คะ พรุ่งนี้ คุณอู๋ จะไปที่บริษัทเพื่อพูดคุยกันในเรื่องนี้”

เว่ย เทียนเฉิง กล่าวว่า : “ในเมื่อได้รับการแนะนําจาก ซ่ง หรงเหมา และคุณอู๋ ก็เก่งขนาดนี้ ความร่วมมือครั้งนี้ ก็น่าจะไม่ได้หนีไปไหนแล้ว ฮ่าฮ่าๆ เช่นนี้ต้องขอแสดงความยินดีกับ หลินฟาน จริงๆ โอเค นี่มันก็ดึกมากแล้ว พี่เองก็จะไปนอนก่อน เราเองก็ขับรถอย่างระมัดระวังด้วยล่ะ เข้าใจไหม?”

จากนั้น เว่ย เทียนเฉิง ก็ได้วางสายไป เขาเองได้นั่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง.. จากนั้น เว่ย เทียนเฉิง ก็ได้โทรออกไปหา เว่ย เจี้ยนเซิง : “หา อู๋ อีลี่ ให้ฉัน ฉันจะต้องได้ตัวเธอก่อน ไอ้เด็กน้อย หลินฟาน!”

เว่ย เทียนเฉิง ได้กล่าวไว้ก่อนแล้วว่า.. ในอนาคตเขาจะทำให้ หลินฟาน สะดุด และแน่นอน เขาจะทำให้ หลินฟาน ไม่มีวันสงบสุขตลอดไป

เขาเองได้จัดให้ เว่ย เยว่เอ๋อร์ น้องสาวของเขาได้ไปอยู่ข้างๆ หลินฟาน.. เมื่อกี้ ก็ซึ่งได้ผลอย่างที่เห็นแล้ว ในอนาคตเขาจะใช้ความไว้วางใจของน้องสาวของเขา เพื่อดึงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ กลุ่ม หยงจิ่ว และวางแผนซุ่มโจมตี กลุ่ม หยงจิ่ว อย่างลับๆ

มาตอนนี้ หลินฟาน ยังไม่รู้ และก่อนที่เขาจะได้พบเห็น อู๋ อีลี่ คนนี้ เธอคนนี้ก็ได้ถูก เว่ย เทียนเฉิง จับจ้องเอาไว้แล้ว

หลินฟาน เขาเองได้เดินลงจากรถ และเดินเข้าไปในอพาร์ตเมนต์

ในเวลานี้ หลินฟาน อยู่ในสภาพเมา แต่เขาก็ยังคงเดินได้อย่างมั่นคงอยู่ แต่หัวของเขาเองยังคงมึนๆ อยู่นิดหน่อย มาตอนนี้แค่อยากรีบกลับเข้าไปในบ้าน ไปอาบน้ำ และเข้านอน..

แต่แล้ว ..ทันใดนั้นเอง หลินฟาน ก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างๆ เมื่อมองไปตามเสียง ก็ได้เห็นว่าที่มุมหนึ่งของหมู่บ้าน ได้มีคนกลุ่มหนึ่งได้เข้าล้อมรอบลุงคนหนึ่งเอาไว้ ..อยู่ตรงนั้น

“ได้ยินว่าวันนี้แกได้ไปร้องเรียนเรื่องของฉันแล้ว แกนี่มันใจกล้าน่าดูชมจริงๆ นี่แสดงว่าแก.. มันไม่สนใจคําพูดของ เล่าจื้อ เลยสินะ?”

ชายที่ย้อมผมสีทองที่ดูเป็นผู้นำ ได้เข้าตบหน้าลุงด้วยมือข้างหนึ่งของเขาอย่างโหดเหี้ยม ทั้งยังได้ทิ้งรอยฝ่ามือเอาไว้บนใบหน้าของลุง..

ลุงคนนั้นเองได้รู้สึกกลัวเล็กน้อย พร้อมทั้งได้พูดด้วยเสียงที่สั่นเครือออกไปว่า : “พวกคุณอยากจะทําอะไรกันแน่?”

ชายที่ย้อมผมสีทอง ได้พูดไปด้วยความโกรธว่า : “อยากทําอะไร? นี่แกไม่รู้เลยเหรอว่า เล่าจื้อ อยากจะทําอะไร? ต่อไปแกก็ช่วยหนีบหางของแกให้กับ เล่าจื้อ.. ไม่อย่างงั้นพอ เล่าจื้อ ได้เห็นหน้าแกเมื่อไหร่ ก็จะทุบตีแกหนึ่งครั้ง!”

ลุงคนนั้น ได้พูดขึ้นว่า : “เลาลิ่ว คุณจะมารังแกคนแบบนี้ไม่ได้ ฉันแค่อยากได้ของที่เป็นของฉันคืน และโกดังนั่น มันก็เป็นของบ้านฉัน”

ทันใดนั้น ชายที่ย้อมผมสีทอง ก็ได้แสดงใบหน้าที่ดุร้ายออกมาทันที : “ของบ้านแก? ตอนที่พ่อแกมันยังมีชีวิตอยู่นะ มันได้ให้สัญญาว่าจะให้ฉัน.. และนั่นมันก็ต้องเป็นของๆ ฉัน ที่นี่แกรู้ยัง? ซื่อสัตย์กับฉันหน่อย.. และถ้าหากแกยังคิดที่จะมายุ่งกับฉันอีก ฉัน.. เอาแกตายแน่!”

ชายที่ย้อมผมสีทอง ได้ยกมือขึ้น ทำท่าว่าจะตบตีลุงคนนี้อีกครั้ง

แต่.. ลุงคนนี้ ได้พูดไปว่า : “คุณบอกว่าพ่อฉันให้คุณ ไหนคุณมีหลักฐานไหม? แล้วในตอนนั้นฉันเองก็ได้ยิน เขาเองแค่พูดว่าจะให้คุณยืม และที่คุณพูดมันก็เป็นเพียงคำพูดด้วยวาจาเท่านั้น มาตอนนี้ ฉันแค่ต้องการโกดังนั่นกลับมา มันก็ดูเป็นเรื่องปกติ!”

แม้อีกฝ่ายจะดุร้าย และได้พูดขู่เข็ญ แต่ ลุงคนนี้ ก็ได้พยายามสู้กลับไปด้วยเหตุผล

คนข้างๆ เขาก็ดูจะทนไม่ไหวแล้ว และได้พูดขึ้นว่า : “พี่ลิ่ว อย่าได้ไปพูดเรื่องไร้สาระกับมันเลย เสียเวลาเปล่า สู้ทุบตีมันซักหน่อย เพียงครู่เดียวมันก็ซื่อสัตย์แล้ว”

ชายที่ย้อมผมสีทอง ก็ดูโกรธมาก.. ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่กลัวคําขู่ของเขาจริงๆ ซึ่งนี่.. มันก็ทําให้เขารู้สึกเสียหน้ามาก!

“ดูเหมือนว่าแก ..ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตาสินะ.. ได้งั้น เล่าจื้อ ก็จะทุบตีแกอีกครั้งหนึ่ง!”

ชายที่ย้อมผมสีทอง ดูโกรธจัดมาก และต้องการจะทุบตีลุง ลุงเองไม่กล้าที่จะแข็งกร้าวกับแก๊งอันธพาลพวกนี้ เลยถือโอกาสนี้ วิ่งหลุดออกจากวงล้อมของคนพวกนี้ แล้วรีบวิ่งหนีไปทันที

“ไล่ตามมันไป!” ชายที่ย้อมผมสีทอง ได้พูดออกไปด้วยความโกรธ.. และคืนนี้ไม่ว่ายังไง เขาจะต้องสอนบทเรียนให้กับลุงคนนี้ให้ได้..

ลุงเองได้เกิดความกลัวในใจ เขารู้ว่าเขา ..หนีไม่พ้นแน่ๆ แต่เมื่อเขาได้มองไปเห็น หลินฟาน มันก็เหมือนกับได้จับฟางช่วยชีวิตเอาไว้ได้ ลุงจึงได้รีบวิ่งไปหา หลินฟาน แล้วพูดว่า : “น้องชาย คุณมาช่วยฉันแสดงความคิดเห็นหน่อย”

หลินฟาน กล่าวว่า : “คือ.. เกิดอะไรขึ้น?”

แก๊งอันธพาล และชายที่ย้อมผมสีทอง ที่ได้วิ่งไล่ตามมา แต่พอได้เห็น หลินฟาน พวกเขาจึงได้หยุด เพราะ หลินฟาน เป็นคนแปลกหน้า พวกเขาจึงไม่กล้าคิดที่จะทําอะไรกับ หลินฟาน สักพัก..

ลุงคนนั้น ได้พูดว่า : “มันอย่างนี้ เลาลิ่ว คนนี้ เป็นเพื่อนบ้านของฉัน แต่เขาได้ยึดโกดังที่หันหน้าออกไปทางถนนของบ้านฉันไปแล้ว ฉันเองอยากได้คืน และอยากเปลี่ยนมันเป็นร้านค้า และทําธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ แต่เขาก็ไม่ยอมคืนให้ ทั้งยังขัดขวางฉันอยู่หลายครั้ง มาตอนนี้เขายังได้พาคนมารุมตีฉันอีก”

“คือ.. อย่างนั้นเหรอ?” หลินฟาน ได้เงยหน้ามองไปที่ ชายที่ย้อมผมสีทอง แล้วพูดว่า : “ในเมื่อเป็นร้านของลุงคนนี้ คุณก็คืนให้กับคนอื่นไป นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว คุณยังคิดที่จะยึดทรัพย์สินคนอื่นอยู่อีก? แถมยังอยากจะทุบตีคนอื่น นี่พวกคุณไม่มีความเคารพต่อกฎหมายบ้างหรือไง?”

ชายที่ย้อมผมสีทอง รู้สึกรําคาญมาก เขาได้มองไปที่เด็กคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขา และเห็นแต่เสื้อผ้าที่หาได้ตามแผงลอยเต็มไปหมด ทั้งมันก็ระบุได้ทันทีว่า ไอ้เด็กนี่.. มันก็เป็นแค่ผู้เช่าอยู่ที่นี่ และมันก็เป็นแค่คนนอก!

“เฮ้ๆ ไอ้หนูตัวเหม็น อย่ามายุ่งเรื่องของคนอื่นจะดีกว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องของแก รีบออกไปซะ ไม่อย่างงั้น.. ฉันก็จะทุบตีแกด้วย!” ชายที่ย้อมผมสีทอง ได้พูดออกมาอย่างเย็นชา

หลินฟาน ได้ร้องโอ้ ออกมา : “แม้แต่ฉันก็จะตีด้วย? ฉันเพียงแค่อยากจะถือโอกาสนี้ ..แนะนําอะไรคุณสักอย่างหนึ่ง เรื่องนี้.. มันไม่จำเป็นต้องถึงขนาดทุบกันหรอก ในเรื่องการมาตะโกนฆ่ากัน ..มันก็ไม่ดี ทางที่ดีเรามานั่งคุยกัน หาทางลงเกี่ยวกับความขัดแย้งของพวกคุณไม่ดีกว่าหรือ? ถ้าคุยกันแล้ว ตกลงอะไรกันไม่ได้ก็ส่งเรื่องไปให้กฎหมายเข้ามาช่วยได้ แล้วนี่มันยุคสมัยไหนแล้ว พวกคุณต้องพูดถึงเรื่องกฎหมายกันแล้ว คุณจะมารังแกคนแบบนี้มันก็ไม่ถูกต้องหรอกนะ”

ชายที่ย้อมผมสีทอง โกรธจนจมูกเบี้ยว และเขาได้ตะโกนไปว่า : “ไอ้เด็กตัวเหม็นนี่ แกนี่ก็ช่างจู้จี้จุกจิกนักนะ ฉันบอกให้แกออกไป แต่แกกลับไม่ออกไป งั้นได้.. ฉันจะแนะนําแกให้บ้าง.. ว่าแกอย่าได้มาแสร้งทำเป็นก้าวร้าวที่นี่ ถ้าแกยังไม่มีความแข็งแกร่งพอ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด