ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 42 ทะลวงขั้น
หลังจากพูดคุยกับเฟิงเฉินเสร็จ เซวียนห่าวก็หลับตาลงอย่างเงียบ ๆ และเริ่มบ่มเพาะต่อไป เมื่อเร็ว ๆ นี้การบ่มเพาะของเขาดีขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกราวกับว่ากำลังจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดขั้น 3 ในขณะนี้เขาอยู่ขั้นคอขวดของขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดขั้น 2 แล้ว
หากชิงอี้ยังคงเป็นพัฒนาได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เช่นนี้ เซวียนห่าวก็คงไม่มีเหตุให้แสดงหน้าที่ของเขาในฐานะอาจารย์อีกต่อไป... ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการถูกศิษย์ก้าวข้ามตนในโลกของการบ่มเพาะ เพราะนั่นหมายความว่าผู้นั้นกำลังถึงจุดสุดท้ายของชีวิตไปเสียแล้ว
การบ่มเพาะนั้นเกี่ยวกับการพยายามพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การถูกศิษย์ก้าวข้ามนั้นแม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก แต่ก็มีศิษย์อัจฉริยะบางคนที่ก้าวข้ามอาจารย์ของตนและกลับมาช่วยให้เขาก้าวผ่านได้ต่อไป
เซวียนห่าวคิดว่าตนนั้นมีความสามารถมากและจะไม่ยอมปล่อยให้ศิษย์ของเขาหรือศิษย์ในอนาคตเหนือกว่าเขาได้
เซวียนห่าวใช้เวลาทั้งคืนฝึกฝนด้วยความมุ่งมั่น เขาพยายามทะลวงคอขวดระหว่างขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดขั้น 2 และขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดขั้น 3 จนกระทั่งเขาสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดขั้น 3 ในวันรุ่งขึ้น
ชิงอี้ไม่ได้ตระหนักว่าอาจารย์ของตนได้ทะลวงไปถึงขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดขั้น 3 ไปเสียแล้ว เซวียนห่าวบอกให้นางบ่มเพาะด้วยตนเองเพราะเขาต้องทำให้ฐานการบ่มเพาะเสถียรเสียก่อน
เวลาผ่านไปจนเข้าใกล้วันที่การประลองรุ่นเยาว์ในเมืองอาทิตย์สาดส่องมากขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งเดียวที่เกิดขึ้นคืออาณาจักรนภาครามได้ส่งทหารมากมายไปประจำที่พรมแดน
อาณาจักรนภาสวรรค์ไม่ได้เพิกเฉยต่อสิ่งนี้และเริ่มรวบรวมกองกำลังของตนเองที่พรมแดนเช่นกัน นิกายกระบี่ล่องนภาก็ตึงเครียดมากขึ้นเนื่องจากความตึงเครียดระหว่างอาณาจักรนภาสวรรค์และอาณาจักรนภาครามเพิ่มขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ
“หากเจ้าจะก้าวข้ามขอบเขตรวมปราณ เจ้าจะต้องใช้พลังปราณในจุดตันเถียนของเจ้าสร้างเสาพลังปราณภายในจุดตันเถียน เสาพลังปราณนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวค้ำจุนจุตันเถียนของเจ้าและยังเป็นก้าวแรกสู่ขอบเขตการก่อตั้งรากฐาน” เซวียนห่าวกำลังสั่งสอนให้ชิงอี้ก้าวข้ามขอบเขตรวมปราณโดยปราศจากความตึงเครียดจากนิกายกระบี่ล่องนภา
เป็นวันสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทางไปยังเมืองพระอาทิตย์สาดส่อง ชิงอี้มาหาเขาตั้งแต่เช้าตรู่โดยบอกว่านางต้องการที่จะก้าวข้ามไปสู่ขอบเขตการก่อตั้งรากฐานก่อนที่จะออกเดินทางไปเมืองอาทิตย์สาดส่อง
เซวียนห่าวไม่ปฏิเสธและช่วยเหลือนางในการทะลวงไปสู่ขอบเขตการก่อตั้งรากฐาน
“ขณะที่เจ้าย่อเสาพลังปราณภายในจุดตันเถียนของเจ้า ให้เจ้าลองจินตนาการรูปแบบเสานั้นไว้ จับมันไว้ด้วยกันและปล่อยให้มันขยายได้อย่างอิสระ เสาพลังปราณคือรากฐานในอนาคตของเจ้า ยิ่งเสาแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ แก่นแท้ของเจ้าก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเมื่อไปถึงขอบเขตควบแน่นแก่นแท้ !” เซวียนห่าวมองลงมาที่ชิงอี้ นางตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะควบแน่นเสาพลังปราณแรกในจุดตันเถียนของนาง
หลังจากรวบรวมแล้ว ปริมาณของพลังปราณภายในตันเถียนของนางก็ค่อย ๆ ควบแน่นกลายเป็นเสาพลังปราณ ขณะที่เสานี้ค่อย ๆ เล็กลงแต่ในขณะเดียวกันก็แข็งแกร่งมากขึ้น
เสาภายในจุดตันเถียนของนางค่อย ๆ เปลี่ยนจากเค้าโครงกลายเป็นเสาที่แท้จริง รัศมีพลังของชิงอี้เริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ
รัศมีขอบเขตรวมปราณค่อย ๆ หรี่ รัศมีขอบเขตก่อตั้งรากฐานที่เริ่มแผ่ออกมาจากร่างกายของนาง
ยิ่งสร้างเสาที่แข็งแกร่งมากเท่าใดก็จะยิ่งส่งผลดีต่อผู้ฝึกตน ขั้นตอนการควบแน่นพลังปราณให้เป็นเสานั้นใช้เวลาไปถึงสี่ชั่วโมงก่อนที่คลื่นพลังปราณจะพัดพาร่างของนางไปในทันที
พลังปราณมาจากเสาที่อยู่ภายในตันเถียนของนางและเมื่อมันผ่านเข้าไปในร่างกายของนาง มันได้ชำระล้างสิ่งเจือปนและขัดเกลาร่างกายให้เหมาะแก่การบ่มเพาะมากยิ่งขึ้น นี่คือสิ่งที่เรียกว่าการสร้างรากฐาน เสาพลังปราณแรกช่วยทำความสะอาดร่างกายของผู้ฝึกตนจากสิ่งสกปรกและขัดเกลาจนทำให้ผู้ฝึกตนควบคุมพลังปราณได้มากขึ้น
สิ่งนี้จะเกิดขึ้นทุกครั้งที่สร้างเสาพลังปราณเพิ่มได้และจะช่วยให้ผู้ฝึกตนสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับขอบเขตการบ่มเพาะในอนาคต
เซวียนห่าวมองลงไปที่ชิงอี้อย่างมีความสุข นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ ขอบเขตก่อตั้งรากฐาน
เซวียนห่าววางมือบนหัวของนางและส่งสัมผัสเทวะเข้าไปภายในร่างกายของนางทันทีเพื่อดูว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดีหรือไม่ เขาไม่ผิดหวังเมื่อเห็นเสาพลังปราณแรกภายในตันเถียนของนาง
เสานี้สร้างจากพลังปราณธาตุไฟเท่านั้น ดังนั้นรูปร่างของมันจึงเป็นสีแดงเนื่องจากพลังปราณธาตุไฟค่อย ๆ เคลื่อนไปรอบ ๆ เสาที่อยู่ตรงกลางตันเถียนของนาง
ก่อนหน้านี้ภายในตันเถียนมีเพียงพลังปราณที่แผ่กระจายออกไปทุกหนทุกแห่งเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับมีเพียงเสาที่อยู่ตรงกลาง
นี่เป็นก้าวแรกที่แท้จริงบนเส้นทางการบ่มเพาะที่ขอบเขตรวมปราณไม่สามารถเปรียบเทียบได้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อเข้าสู่ขอบเขตก่อตั้งรากฐาน ผู้ฝึกตนจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ในขณะที่ผู้ฝึกตนขอบเขตรวมปราณจะมีร่างกายราวกับคนปกติที่มีพลังปราณอยู่ภายใน แต่ร่างกายของผู้ฝึกตนขอบเขตก่อตั้งรากฐานอยู่เหนือกว่านั้นอย่างชัดเจน ร่างของพวกเขาจะถูกขัดเกลาหลังจากสร้างเสาพลังปราณแรกได้
ชิงอี้ลืมตาขึ้นและมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างมีความสุข นางรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่ไหลผ่านตัวของนาง
“ท่านอาจารย์ดูทางนี้” ชิงอี้ก็แสดงให้เห็นถึงการควบคุมพลังปราณของนางโดยจุดดวงไฟขนาดเล็กที่กลางฝ่ามือ เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของนาง
“แต่เจ้าควรไปอาบน้ำเสียก่อน…” เซวียนห่าวบีบจมูกของเขาพร้อมกับรอยยิ้มแห้ง ๆ บนริมฝีปากของเขา เซวียนห่าวมองไปที่คราบสกปรกสีดำเหนอะหนะทั่วร่างกายของ ชิงอี้ทำให้เสื้อผ้าของนางเปรอะเปื้อนและมีกลิ่นที่ยากจะต้านทาน
“ข้าจะรีบอาบน้ำทันที !” เมื่อชิงอี้เห็นสภาพของนางเอง นางก็วิ่งหนีก่อนที่เซวียนห่าวจะเตือนนางเกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพฐานการบ่มเพาะ
“นางน่าจะทำมันได้หลังจากนั้น...” เซวียนห่าวส่ายหัวเล็กน้อย เขาเปิดหน้าต่าง และเรียกให้จื่อหรัวเข้ามาทำความสะอาดสิ่งสกปรกจากตัวของชิงอี้
จื่อหรัวถอนหายใจขณะที่มองดูร่องรอยของสิ่งสกปรกที่ชิงอี้ทิ้งไว้เมื่อนางวิ่งผ่านตำหนักและหันกลับไปมองเซวียนห่าว นางพบว่าเขาหนีไปแล้วหลังจากเรียกหานาง
“…”
แม้นางเป็นคนรับใช้ แต่ครั้งนี้ก็หนักเกินไปสำหรับนาง นางหวังว่าครั้งหน้าพวกเขาไปบ่มเพาะใกล้ ๆ กับห้องอาบน้ำหรือที่ใดทำนองนั้น
“เฮ้อ...” นางรู้ว่าโอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้นน้อยมาก แม้ว่านางจะพยายามเกลี้ยกล่อมชิงอี้ให้ทำเช่นนั้นก็ตาม แต่นางจะสามารถโน้มน้าวศิษย์คนอื่น ๆ ในอนาคตของเซวียนห่าวได้อย่างไร
นางจินตนาการได้ถึงภาพของผู้คนจำนวนนับสิบคนที่ปกคลุมไปด้วยสิ่งสกปรกกำลังวิ่งไปรอบ ๆ ตำหนัก จื่อหรัวสาบานว่าจะทำให้ศิษย์คนใดก็ตามที่เซวียนห่าวรับมาจะต้องเป็นผู้ที่รักษาความสะอาด
นางจะปล่อยให้พวกเขาทำตำหนักสกปรกไม่ได้ !
ด้วยความคิดแปลก ๆ ที่ก่อตัวขึ้นในหัวของนาง จื่อหรัวจึงเริ่มทำความสะอาดสิ่งที่ ชิงอี้ทิ้งไว้