ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 41 ท่านอาจารย์ ข้ามีเรื่องอยากขอร้อง
หลังจากการประลองศิษย์ใหม่สิ้นสุดลง เซวียนห่าวและชิงอี้ต่างก็ใช้ไปกับการบ่มเพาะ เซวียนห่าวสอนชิงอี้ในทุกสิ่งตั้งแต่เคล็ดวิชาบ่มเพาะและเคล็ดวิชาต่อสู้ที่นางยังคงขาดตกบกพร่อง
แต่สิ่งหนึ่งที่ชิงอี้ก้าวหน้าได้มากที่สุดก็คือเคล็ดวิชากระบี่วายุโปรยปรายที่พ่อของนางได้สอนไว้
“ย้าก !”
กระบี่พุ่งผ่านอากาศและในไม่ช้าก็ฟันเข้าที่หุ่นฝึก
หุ่นฝึกถูกกระบี่แทงลึกเข้าไปในร่างของมันจนทิ้งรอยไว้บนร่างที่เต็มไปด้วยร่องรอยการฟันนับครั้งไม่ถ้วน
พลังจากกระบี่นี้แข็งแกร่งกว่าก่อนอย่างชัดเจน ชิงอี้รู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาและในตอนนี้นางก็อยู่ห่างจากการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตก่อตั้งรากฐานเพียงก้าวเดียว !
“ความแข็งแกร่งของเจ้าคงใกล้มาถึงขอบเขตการก่อตั้งรากฐานแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เจ้าต้องมีคือโอกาสที่จะก้าวข้ามมัน !”
เซวียนห่าวมองที่ชิงอี้อย่างมีความสุข ในไม่ช้าเขาจะสามารถทำภารกิจหลักของระบบได้สำเร็จ
แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่ารางวัลของภารกิจหลักเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยเขาก็หวังว่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าของภารกิจรอง เพราะภารกิจหลักมักมีค่ากว่าภารกิจรองเสมอ
นอกเหนือจากการบ่มเพาะอย่างหนักในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ชิงอี้ก็ยังสามารถเข้ากับจื่อหรัวได้ พวกนางทั้งสองใช้เวลาร่วมกันทุกครั้งที่นางไม่ได้ฝึกฝน
เจิ้งซื่อฮั่นก็เข้าร่วมกับพวกนางทั้งสองทุกครั้งที่นางมีเวลา แม้จะไม่บ่อยนักเพราะนางเพิ่งได้งานภายในนิกาย สิ่งนี้ทำให้นางมีทรัพยากรมากขึ้น แต่ก็ทำให้นางมีเวลาว่างน้อยลงกว่าเมื่อก่อนเช่นกัน
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาชิงอี้ใช้เวลาของนางอย่างดีและได้ผูกมิตรกับศิษย์จำนวนหนึ่งในนิกายกระบี่ล่องนภา
นางรู้ว่าสิ่งนี้จะไม่คงอยู่ตลอดไป การประลองรุ่นเยาว์ประจำปีของเมืองอาทิตย์สาดส่องกำลังจะเริ่มในอีกไม่ถึงเดือนและนางยังไม่ได้ขอร้องอาจารย์ของนางเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ !
“วันนี้เจ้าเพียงแค่นี้ เจ้าไปพักผ่อนเสีย !”
“ท่านอาจารย์... ข้ามีเรื่องจะขอร้องท่าน !” ขณะที่เซวียนห่าวกำลังเดินกลับไปที่ตำหนักและมองไปที่ชิงอี้ที่กระสับกระส่าย นางประหม่าอย่างชัดเจน
“หืม? มีเหตุอันใดหรือ ชิงอี้ เจ้าขอข้ามาได้เสมอ เจ้าไม่ต้องกังวลไป”
“ข้า... ตระกูลของข้าจะเข้าร่วมการประลองรุ่นเยาว์ในเมืองของข้า ข้าจึงอยากให้ท่านกลับเมืองอาทิตย์สาดส่องไปพร้อมกับข้า...”
“หากเจ้าต้องการเพียงแค่นี้ก็ไม่มีปัญหา !” เซวียนห่าวเข้าใจได้ทันทีว่าเหตุใดนางถึงประหม่าเช่นนี้
ในฐานะผู้อาวุโสหลักของนิกายกระบี่ล่องนภา เขาไม่มีเหตุอันใดให้ทำมากนักนอกเสียจากการบ่มเพาะ สิ่งเดียวที่นิกายกระบี่ล่องนภาต้องการจากเขาคือการช่วยเหลือในกรณีที่มีบางอย่างเกิดขึ้นกับนิกาย
ส่วยเวลาที่เหลือของเขา เขามีอิสระที่จะทำอย่างไรก็ได้ตราบเท่าที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทั่วอาณาจักรนภาสวรรค์หรือบ่มเพาะอย่างเงียบ ๆ ในตำหนักของเขา นิกายกระบี่ล่องนภาก็จะไม่สนใจ
การรักษาดินแดนและพรมแดนของนิกายกระบี่ล่องนภานั้นส่วนใหญ่มักจะให้ผู้ฝึกตนขอบเขตควบแน่นแก่นแท้ทำหน้าที่นั้น ผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดนั้นมักจะอยู่ในสถานที่สำคัญหรือสถานที่ที่นิกายมอบหมายเพียงเท่านั้น
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ท่านอาจารย์ ! การประลองจะจัดขึ้นในอีกยี่สิบห้าวัน”
ชิงอี้รู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินอาจารย์ของนางตกปากรับคำ นางถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะที่นางบอกวันเวลาที่การประลองจะเริ่มขึ้น
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะบอกจ้าวนิกาบว่าข้านั้นจะออกจากนิกายสักระยะหนึ่งเพื่อไปยังเมืองอาทิตย์สาดส่อง”
ในขณะที่ชิงอี้และเซวียนห่าวต่างก็เดินทางกลับไปยังที่ตำหนักของพวกเขา เซวียนห่าวรีบหยิบยันต์ส่งสารออกจากกระเป๋าของเขาและติดต่อไปยังเฟิงเฉินผู้เป็นจ้าวนิกายเพื่อหารือเกี่ยวกับการออกจากนิกายของเขา
“เซวียนห่าว เหตุใดเจ้าจึงติดต่อหาข้า”
ยันต์ส่งสารเริ่มสว่างขึ้นอย่างช้า ๆ และในไม่ช้าเสียงของเฟิงเฉินก็กระจายออกมาจากยันต์นั้น
“ข้าและศิษย์ของข้าต้องการเข้าร่วมในการประลองรุ่นเยาว์ที่เมืองอาทิตย์สาดส่อง ข้าจึงสงสัยว่ามีสิ่งใดที่ข้าควรพึงระวังหรือไม่เมื่อออกไปข้างนอก ข้ารู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว...” เซวียนห่าวอธิบายสถานการณ์ของเขาให้เฟิงเฉินได้รับรู้และรอคำตอบจากเขาอย่างอดทน
“ข้าเข้าใจ... แต่เจ้าจะต้องระวังบริเวณนั้นไว้ นิกายนวาระทมิฬตั้งอยู่ใกล้ ๆ นั่น พวกนั้นแสดงท่าทางน่าสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงหลัง แม้ว่าเราจะเป็นจ้าวเขตเหนือก็ตาม นิกายนวาระทมิฬอาจต้องการตำแหน่งนั้นจากเราก็เป็นได้”
“สถานการณ์ของอาณาจักรนภาครามนั้นไม่สู้ดีนัก หวังหลันเพิ่งรายงานมาว่าพวกเขาได้ส่งยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดออกไปหลายคน พวกเขาอาจกระทำบางสิ่งบางอย่างในเร็ว ๆ นี้” เฟิงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวลผ่านยันต์ส่งสารทำให้เซวียนห่าวครุ่นคิด
เป็นเวลาห้าเดือนแล้วที่หวังหลันไปยังพรมแดนของอาณาจักรนภาครามและตอนนี้เขาก็ยังไม่กลับมา อาจเป็นเพราะความขัดแย้งกับอาณาจักรนภาครมนั้นยังไม่ได้รับการแก้ไขและอาจบานปลายยิ่งขึ้นไปอีก
“ข้าจะจำไว้และจะพยายามระมัดระวังให้มากที่สุด หากมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นข้าจะหนีอย่างเต็มที่ ฮ่าฮ่า” เซวียนห่าวหัวเราะเบา ๆ ในตอนท้าย
“ฮ่าฮ่า ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทำเช่นนั้น ขอให้เจ้าโชคดีในการเดินทางสู่เมืองอาทิตย์สาดส่อง” เฟิงเฉินรู้ว่าเซวียนห่าวเกลียดมากแค่ไหนที่ต้องรับมือกับเรื่องยุ่งยาก เขาจึงหัวเราะเสียงดังกับคำพูดของเซวียนห่าวที่จะวิ่งหนีทันทีที่มีปัญหาเกิดขึ้น
“…”
เมื่อปิดยันต์ส่งสาร เซวียนห่าวเห็นยันต์ที่เคยสว่างไสวค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเข้มขณะที่เขาโยนมันกลับเข้าไปในกระเป๋าของเขา
ใครเล่าจะรู้ว่าเหตุการณ์ใดจะเดิดขึ้น แต่ก็หวังว่าจะไม่มีเรื่องร้ายแรงมากนัก...