ตอนที่แล้วระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 38 แม้จะมีพรสวรรค์แต่ดันติดที่ปาก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 40 กลับมาเสียก่อน

ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 39 รอข้าเสียก่อนไม่ได้เลยหรือ


อี้เซวียนไม่รอช้าอีกต่อไป ทันใดนั้นนางก็เริ่มเคลื่อนไหว ร่างกายของนางราวกับจะแสงวาบไปด้วยแสงสีขาว พลังปราณเริ่มหลอมรวมกันที่ฝ่ามือของนาง นางโจมตีไปที่หน้าอกของหหลู่เหวิน

ฝ่ามือของอี้เซวียนพุ่งไปโจมตีหหลู่เหวินอแต่กลับพลาดเป้า

อี้เซวียนหันกลับมาอย่างรวดเร็วและโจมตีอีกครั้งด้วยฝ่ามือ

อี้เซวียนโจมตีอย่างต่อเนื่องแต่หหลู่เหวินก็สามารถหลบการโจมตีนั้นได้ครั้งแล้วครั้งเล่า เขามิได้ใช้พลังปราณใด ๆ เลยในการหลบการโจมตีของอี้เซวียน

“เขาต้องการให้นางใช้พลังจนหมดหรือไม่?” เซวียนห่าวรู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อยเมื่อเห็นฉากนี้

แม้การที่จะทำให้ผู้ฝึกตนหมดแรงนั้นจะเป็นไปได้จริง แต่ก็ต้องใช้เวลาอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออี้เซวียนไม่ได้ใช้พลังปราณใด ๆ นางเพียงรวบรวมพลังปราณไว้ที่ฝ่ามือของนางเท่านั้น

“…” หวังหูตัดสินใจที่จะไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันและเพียงแค่มองไปทางอื่น

ขณะที่ผู้ชมเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่ยาวนาน อี้ซวนก็เคลื่อนตัวด้วยความเร็วที่เกินกว่าที่ศิษย์ใหม่ส่วนใหญ่จะมองเห็น นางปรากฏตัวต่อหน้าหลู่เหวินในทันที

เมื่อหลู่เหวินไม่มีทางหนีจากความเร็วดังกล่าวได้ เขาจึงตอบสนองอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนจากการหลบหลีกเป็นการโจมตีในทันที

หลู่เหวินปะทะเข้ากับกับการโจมตีของอี้เซวียน

ลานประลองหินที่หลู่เหวินยืนอยู่ได้แตกเป็นเสี่ยง ๆ จนเกิดรอยแตกที่คล้ายใยแมงมุมปรากฏขึ้นโดยมีหลู่เหวินเป็นศูนย์กลาง

การโจมตีจากอี้เซวียนสามารถทำลายลานประลองหินที่อยู่ด้านล่างของหลู่เหวินได้อย่างง่ายดาย !

ทั้งอี้เซวียนและหลู่เหวินกระโดดออกจากกันอย่างรวดเร็วหลังจากการปะทะกัน

รูม่านตาของหลู่เหวินหดตัว เขาเงยหน้าขึ้นมองมือของเขา เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่สั่นไหวกระจายไปทั่ว การโจมตีก่อนหน้านี้เกือบทำให้แขนทั้งสองข้างของเขาเกือบหัก !

หลู่เหวินก็ต้องแปลกใจ เมื่อหันไปมองที่มือของนาง มือของนางดูอ่อนแอและอ่อนนุ่มราวกับหญิงสาวที่ไม่เคยทำงานมาก่อน แต่มือที่ดูอ่อนแอเหล่านั้นกลับสามารถทำมือของเขาเกือบแตกหักได้ !

หลู่เหวินรู้สึกตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นอี้เซวียนโจมตีอีกครั้ง เขาไม่กล้าประมาทนางอีกและตัดสินใจใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อแสดงความเคารพที่นางสมควรได้รับ

หลู่เหวินรู้สึกราวกับว่าตนเองมีพลังขึ้นอย่างกระทันหัน เขาสามารถพัฒนาฐานการบ่มเพาะของเขาได้หลังจากที่ถูกโจมตี ตอนนี้เขากำลังจะเลือนขั้น

เซวียนห่าวพูดไม่ออก เขาสงสัยว่าชายหนุ่มผู้นี้สามารถเพิ่มพลังในขณะที่ต่อสู้ได้หรือไม่ บางทีเขาอาจจะสามารถทำเช่นนั้นได้ในอนาคต?

หรือนี่เป็นลิขิตที่ถูกกำหนดไว้ให้กับตัวละครหลักเช่นเขา? เซวียนห่าวไม่รู้เรื่องใดเลย แม้ว่าความทรงจำทั้งหมดของเซวียนห่าวจะหลอมรวมเข้าด้วยกันแต่ก็ไม่มีสิ่งใดเลยที่กล่าวถึงผู้ที่เพิ่มพลังหลังจากถูกทุบตี

หวังหูก็พูดไม่ออกเช่นกันเมือเขาเห็นหลู่เหวินทะลุผ่านจากขอบเขตรวมปราณขั้น 8 ไปยังขอบเขตรวมปราณขั้น 9

“ได้อย่างไรกัน...” อี้เซวียนพูดไม่ออกพอ ๆ กับผู้อื่น นางมองไปที่หลู่เหวิน นางนั่งลงโดยไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร นางตัดสินใจรอให้เขาข้ามขั้นไปเสียก่อน

หลังจากที่ผู้คนรู้สึกประหลาดใจกับการข้ามขั้นของหลู่เหวิน ทุกคนก็หันความสนใจไปที่ลานประลองอื่น เพราะท้ายที่สุดแล้วการข้ามขั้นนั้นต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก ในบางกรณี การข้ามขั้นอาจใช้เวลาหลายชั่วโมงเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากผู้ฝึกตนจะต้องทำให้ขอบเขตของเขามีเสถียรภาพเสียก่อนหลังจากที่ข้ามมาอีกขั้น

ในไม่ช้าการประลองรอบที่สองก็จบลงและรอบที่สามก็กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า ด้วยเหตุนี้หลู่เหวินจึงถูกตัดสิทธิ์โดยทันทีและทำให้อี้เซวียนเข้าสู่รอบที่สามของการประลอง

เซวียนห่าวมองอย่างแปลก ๆ ที่หลู่เหวิน เขายังคงบ่มเพาะต่อ เขาอาจคิดว่าผู้คนจะรอให้เขาบรรลุเสียก่อน

เซวียนห่าวเริ่มรู้สึกสงสารเขาเล็กน้อยเมื่อผู้อาวุโสบางคนอุ้มเขาออกจากลานประลองและทิ้งเขาลงกับพื้นเพื่อให้ผู้เข้าประลองคนอื่นสามารถใช้พื้นที่นี้ได้ต่อไป

หลังจากที่หลู่เหวินจบลงอย่างน่าเศร้าในการประลอง ทั้งชิงอี้และอี้เซวียนก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ขึ้นทั้งหมดและลงเอยด้วยการเผชิญหน้ากันในรอบชิงชนะเลิศ

“หืม... ข้าอยู่ที่ไหนกัน?”

เมื่อผู้อาวุโสประกาศให้ชิงอี้และอี้เซวียนเข้าสู่ลานประลองที่หนึ่ง มันก็ได้ทำให้หลู่เหวินตื่นจากการบ่มเพาะของเขา

“อี้เซวียน เหตุใดเจ้าจึงอยู่ตรงนั้น เรามิได้กำลังสู้กันอยู่หรือ?” หลู่เหวินมองอย่างสับสนไปที่อี้เซวียนและชิงอี้ที่กำลังเดินไปลานประลองที่หนึ่ง เขาไม่ได้รู้เลยว่าตนเองนั้นถูกตัดสิทธิ์ไปเสียแล้ว

“เนื่องจากเจ้าไม่สามารถต่อสู้ได้ในรอบที่สอง เจ้าจึงถูกตัดสิทธิ์ !” ผู้อาวุโสท่าทางใจดีเดินมาหาหลู่เหวินและอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง

“อย่างไรกัน? ถูกตัดสิทธิ์อย่างนั้นหรือ? เหตุใดข้าถึงถูกตัดสิทธิ์? ท่านรอให้ข้าบ่มเพาะจนเสร็จเสียก่อนไม่ได้หรือ !” หลู่เหวินดูหงุดหงิดและเสียใจเมื่อได้ยินว่าเขาถูกตัดสิทธิ์

“เหตุใดเราจึงต้องทำเช่นนั้น? เราต่างก็มีสิ่งที่ต้องทำนอกเหนือจากการชมการประลอง เจ้านั้นใช้เวลาไปมากกว่าสองชั่วโมงในการบ่มเพาะ ใครเล่าที่จะอยากรอโดยไม่ทำอย่างใดเลย?”  ผู้อาวุโสเลิกคิ้วขึ้น เขาดูหงุดหงิดขณะที่เขาอธิบายให้หลู่เหวินฟังก่อนที่จะเดินกลับไปหาผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ชมการประลอง

เซวียนห่าวและหวังหู่ต่างก็มองหน้ากันและกัน

“ฮ่าฮ่า ข้าขอให้เจ้าและศิษย์ใหม่โชคดีนะ หวังหู่... ฮ่าฮ่า !”

“เจ้าสารเลวนี่... เหตุใดคน ๆ หนึ่งจึงกลายเป็นคนเย่อหยิ่งเช่นนี้ หรือว่าเจ้านี่จะสติฟั่นเฟือนเสียด้วย?” หวังหู่คร่ำครวญถึงปัญหาต่าง ๆ ที่ศิษย์ใหม่ของเขามี เขาสงสัยว่ามันคุ้มค่ากับนิกายกระบี่ล่องนภาจริง ๆ หรือไม่ แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์ก็ตาม

เซวียนห่าวตัดสินใจที่จะไม่ทำให้หวังหู่ผิดหวังอีกต่อไปเพราะเขาดูราวกับว่าจะลงทุบหัวของหลู่เหวินได้ทุกเมื่อ

จะเกิดอันใดขึ้นหากหวังหู่ทุบตีหลู่เหวินก็ที่จะรับเขาเข้าเป็นศิษย์...

เซวียนห่าวสงสัยว่าหลู่เหวินจะเป็นอย่างไรต่อไปและหันกลับไปมองลานประลองที่หนึ่งซึ่งชิงอี้กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้าย

ในการประลองครั้งนี้นางทำได้ดีเป็นอย่างมาก นางได้รู้ถึงวิธีการต่อสู้หรือแม้กระทั่งวิธีสร้างความประทับใจให้กับเหล่าศิษย์คนอื่น ๆ

5 4 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด