บทที่ 77 - พักผ่อนที่เมืองหลุนวา
แต่จ้านหู่กลับกล่าวว่า “มันจะไปดีอะไร? การเหาะของพวกเรานักรบ ไม่เหมือนกับการเหาะของนักเวทย์ พวกนักเวทย์สามารถเหาะช้า ๆ หรือลอยตัวเพื่อชื่นชมกับทิวทัศน์ได้ แต่การใช้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในการเหาะนั้นสิ้นเปลืองพลังอย่างมาก นักรบต้องรีบรุดหน้าไปให้ได้ไกลที่สุด เร็วที่สุด พวกเราไม่ได้ชอบการเหาะเลยสักนิด”
“แต่ไม่ว่ายังไง เหาะได้ก็คือเหาะได้! เหาะได้คือดีเยี่ยมแล้ว! ไม่รู้ว่าเมื่อไรจิตวิญญาณต่อสู้ของข้าจะไปถึงระดับนั้น”
ตงรื่อรีบขัดผมทันที “พอเลยจางกง! ตอนนี้นายก็น่ากลัวมากพอแล้ว อายุเท่าไรกับเชียว ยังไม่ถึง 20 ปี ตอนนี้เป็นเมธีเวทย์แล้ว นี่นายยังอยากเป็นอัศวินสวรรค์อีกเหรอ? มันจะมากเกินไปแล้วนะ”
น่าประหลาดที่ทำไมทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดของตงรื่อ (ทำไมอ่ะ? ผมแค่อยากเหาะได้) ขนาดจ้านหู่ยังพูดว่าผมไม่ควรเน้นไปที่วิชาต่อสู้มากเกินไป ควรจะเน้นอยู่ที่การศึกษาเวทย์มนต์มากกว่า ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม แต่ผมก็เป็นคนที่มีอายุน้อยที่สุดด้วย (ไม่นับตงรื่อนะ) ผมจะพูดอะไรได้ ผมคงต้องเชื่อฟังพวกเขา และปล่อยให้ความฝันที่จะบินได้ให้ลอยหายไป
เมืองหลุนวาเป็นเมืองแรกของอาณาจักรต้าลู่ที่พวกเรามาถึง อาณาจักรนี้สมควรแล้วที่ได้ชื่อว่าอาณาจักรแห่งการค้า แค่เมืองชายแดน การค้าก็เบ่งบานไปทุกที่ ถนนสายหลังเต็มไปด้วยเสียงและความน่าตื่นเต้น เหมือนกับว่าทุกคนที่อยู่ที่นั่น จะดื่มด่ำกับความพึงพอใจที่ได้ซื้อและขาย
พวกเรามุ่งหน้าไปหาโรงแรมที่ค่อนข้างดีเพื่อเข้าพักก่อน อย่างไรเสีย พวกเรานั้นไม่ขาดเงินอยู่แล้ว ผมยังไม่ได้ใช้เหรียญเพชรที่อาจารย์ตี้ให้มาเลยซักเหรียญเดียว ยังไม่ต้องนึกถึงเงินจำนวนมากที่พี่ใหญ่จ้านหู่นำติดตัวมาด้วย หลังจากเก็บข้าวของกันเสร็จเรียบร้อย พวกเรามารวมตัวกันเพื่อวางแผนการเดินทางต่อไป
ผมกางแผนที่ไว้บนโต๊ะ ชี้ไปยังจุดที่บอกว่าเป็นอาณาจักรต้าลู่ แล้วพูดขึ้น “ทุกคนดู ตอนนี้พวกเราอยู่กันที่นี่ ห่างออกไปทางใต้อีก 400 กิโลเมตรจะเป็นเขตปกครองเคอน่า อาจารย์ตี้บอกเอาไว้ว่าดาบศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงไหนสักที่ในหุบเขาของเขตปกครองเคอน่านี่แหละ พวกเราคงต้องค้นหาให้ทั่วทั้งป่า มีใครมีคำถามอะไรมั้ย?”
จ้านหู่กล่าวออกมา “แผนที่ของเจ้ามันหยาบเกินไป ไม่ค่อยมีรายละเอียด ข้าว่าพวกเราควรจะต้องหาแผนที่ของเขตปกครองเคอน่าโดยเฉพาะ เราจะได้ทำเครื่องหมายที่สถานที่เราจะค้นหา และสถานที่ที่เราเคยค้นหาแล้วได้อย่างแม่นยำ เอาอย่างนี้เป็นยังไง?” ทุกคนเห็นด้วยกับข้อเสนอของจ้านหู่
ซิวซือกล่าวบ้าง “นี่ก็เป็นทั้งหมดที่เราทำได้ในตอนนี้แล้ว เบาะแสของพวกเราน้อยเกินไป พวกเราได้แต่หว่านแหไปให้ทั่ว แล้วก็ค่อย ๆ คลำทางไปทีละนิด พวกเราไม่สามารถยกเว้นพื้นที่ที่น่าสงสัยได้เลย”
ตงรื่อออกความเห็น “ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเราตอนนี้ พวกเราน่าจะสามารถจัดการกับอันตรายได้เกือบทุกอย่าง ที่เราต้องเป็นกังวลคือการที่จะหาสถานที่ไม่เจอเท่านั้น”
ผมถอนหายใจออกมา “เอาล่ะ! ถ้าอย่างนั้นตงรื่อไปกับฉัน เดี๋ยวพวกเราไปหาซื้อแผนที่เขตปกครองเคอน่ากันก่อน จะได้ค่อย ๆ ปรึกษาเรื่องนี้กันต่อ ทุกคนที่เหลือพักผ่อนกันก่อน หลังจากที่เราได้แผนที่มาแล้วค่อยมาคุยกันอีกครั้ง”
ผมกับตงรื่อพากันมาที่ถนนอันคึกครื้นนั่นอีกครั้ง หลังจากสอบถามข้อมูลไป 2-3 ครั้ง พวกเราก็มาถึงร้านที่ขายแผนที่จนได้ ผมมองไปทั่วร้านและเห็นแผนที่ของทุก ๆ สถานที่วางอยู่ เจ้าของร้านเดินเข้ามาหาเราแล้วถามว่า “ท่านลูกค้า! ไม่ทราบว่าต้องการแผนที่ของบริเวณพื้นที่ไหน? แผนที่ของที่ร้านนี้นับได้ว่าค่อนข้างที่จะสมบูรณ์มาก ถ้าจะให้พูดแล้ว ในร้านนี้มีแผนที่ของทั้งทวีป แม้แต่แผนที่ของทวีปตะวันตกก็ยังพอหาได้”
ผมกล่าวด้วยความประหลาดใจ “โอ้! ท่านมีแผนที่ของทวีปตะวันตกขายด้วยหรือ? ข้าขอดูหน่อยได้หรือไม่?” เผ่าปีศาจกับเผ่าอสูรกายเป็นเรื่องลึกลับสำหรับผม มันทำให้ผมอยากรู้ว่าสภาพพื้นที่ของทวีปตะวันตกกับตะวันออกนั้นแตกต่างกันหรือไม่
เจ้าของร้านนำกระบอกขนาดเล็กที่ถูกปิดที่ปลายทั้ง 2 ข้างออกมา เปิดฝาออกข้างหนึ่งเผยให้เห็นแผนที่ที่ทำจากหนังแกะม้วนอยู่ข้างใน มันมีสีเหลืองพอสมควร น่าจะมีอายุหลายสิบปีแล้ว
เขาส่งแผนที่ให้ผม ก่อนจะกล่าวว่า “นายท่าน แผนที่ผืนนี้ถูกส่งต่อลงมาจากบรรพบุรุษของข้า มันเป็นแผนที่ของทวีปตะวันตกเมื่อ 200 ปีก่อน ตอนนี้มันน่าจะไม่ตรงกับปัจจุบันไปทั้งหมด แต่สถานที่หลัก ๆ ควรจะยังมีความถูกต้องอยู่”
ผมรับแผนที่มาดู มันถูกวาดขึ้นมาอย่างละเอียด มีพื้นที่ขนาดเล็กหลายแห่งปรากฏอยู่บนนั้น ตรงกลางเยื้องไปทางด้านซ้ายของแผนที่ ผมเจอเมืองหลวงของเผ่าปีศาจ เมืองซาตาน ผมเริ่มนึกถึงสาวสวยที่น่าตกตะลึงคนนั้น ใบหน้าสาวเผ่าปีศาจที่ผมเคยเจอโผล่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้เธอจะอยู่ที่นั่นหรือเปล่า? นึกถึงหน้าตาของเธอขึ้นมา ผมนี่ออกอาการเหม่อลอยไปทันที
“จางกง! จางกง! นายเป็นอะไร? นายมองหาอะไรในแผนที่ของทวีปตะวันตก? รีบทำธุระของพวกเราให้เรียบร้อยเถอะ” ตงรื่อเตือนผมจากทางด้านข้าง
ผมตื่นขึ้นจากจินตนาการของตัวเอง “อา! นายว่าอะไรนะ? โอ้! รู้แล้ว เจ้าของร้านท่านช่วยนำแผนที่ของเขตปกครองเคอน่ามาให้พวกเราหน่อยได้มั้ย? ข้าต้องการแผนที่ผืนนี้ด้วย ทั้งหมดนี่จะมีราคาเท่าไหร่?”
เจ้าของร้านรีบคำนวณ “แผนที่ของเขตปกครองเคอน่าราคา 2 เหรียญทองแดง ส่วนแผนที่ของทวีปตะวันตกผืนนี้มีราคา 2 เหรียญเพชร”
ตงรื่ออุทานเสียงดังออกมา “2 เหรียญเพชร? เจ้าพยายามจะปล้นพวกเราหรือยังไงกัน? จางกง คืนแผนที่เขาไป”
ผมยกมือขึ้นขวางตงรื่อไว้ หยิบบัตรม่วงออกมาจากอกเสื้อ และมอบมันให้กับเจ้าของร้าน พอมองเห็นบัตรสีม่วงนั้น เจ้าของร้านรู้ได้ทันทีว่าผมไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ด้วยรอยยิ้มกว้างไปทั้งหน้าของเขา เขากล่าวว่า “อันที่จริง ผู้ต่ำต้อยมีตาหามีแววไม่ อย่างนั้นเอาเป็นว่าข้าขอมอบแผนที่ของเคอน่าให้เป็นของกำนัล ส่วนแผนที่ทวีปตะวันตก.....”
ผมโบกมือให้เขาอย่างเริ่มรำคาญ “คิดราคามาตามปกติเถอะ รีบหน่อย!” พอเห็นว่าผมต้องการแผนที่ผืนนั้นจริง ๆ ตงรื่อก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หลังจากที่เจ้าของร้านทำเรื่องการจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย เขาคืนบัตรม่วงให้ผมอย่างให้ความเคารพ ผมเก็บแผนที่ทวีปตะวันตกไว้ในกระเป๋าเก็บของมิติ ถือแผนที่ของเขตปกครองเคอน่าเอาไว้ในมือ ชวนตงรื่อกลับไปที่โรงแรม
ขณะที่เดินทางกลับไปด้วยกัน ผมชวนตงรื่อคุย “ตอนที่นายออกจากเมืองหลวงมา นายไม่ได้บอกน้องสาวหงเสวียใช่มั้ย? นายไม่ได้บอกแน่ ๆ ฮ่าฮ่า!”
ตงรื่อเผยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา “อย่ามาล้อฉันเล่นเรื่องนี้เลย ตอนที่ออกมาฉันไม่ได้บอกเธอหรอก สถานะของเธอเป็นแบบไหน? สถานะของฉันเป็นแบบไหน? เรื่องแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้หรอก”
“พอได้แล้ว! นายพูดแบบนี้อีกแล้ว พวกเราบอกนายกี่ครั้งแล้ว? ไม่ต้องคิดว่าตัวเองต่ำต้อยเกินไป นายไม่ได้แตกต่างกับคนอื่น ๆ หรอก ก็แค่บอกมาว่านายชอบเธอหรือเปล่า!”
ตงรื่อหน้าแดง แล้วก็พูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ก็น่าจะมีโอกาสอยู่”
“ฮิฮิ! นั่นแหละ! แสดงว่านายชอบเธอ ฉันเห็นว่าหงเสวียก็ชอบนายจริง ๆ จะมีอะไรจะมีความสุขมากไปกว่าหญิงชายใจตรงกันอีก? กลับไปก็ไปบอกเธอเลย อาจารย์เหวินน่าจะเป็นเจ้าภาพให้กับนายแน่นอน ฮ่าฮ่า! แต่ครั้งนี้นายออกมาโดยไม่ได้บอกเธอ หงเสวียต้องเสียใจมากแน่ ๆ ตอนที่นายกลับไป นายต้องไปขอโทษเธอให้ดี ๆ ล่ะ”
ตลอดระยะทางที่เหลือ ตงรื่อไม่พูดอะไรอีก ดูเหมือนเขากำลังคิดเกี่ยวกับน้องสาวหงเสวียอยู่แน่ ๆ ผมไม่อยากรบกวนเขาแล้ว
กลับมาถึงโรงแรม พี่ใหญ่จ้านหู่เห็นผมถือแผนที่กลับมาก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในที่สุดก็ได้มา! วางไว้ก่อน ไปหาอะไรกินกัน พวกเรากำลังหิวเลย ค่อยดูแผนที่ตอนที่พวกเรากลับมา”
พวกเราหาโต๊ะที่ค่อนข้างเงียบในร้านอาหารของโรงแรมนั่นเอง สั่งอาหารพิเศษหลายอย่างมาเติมท้องของพวกเรา ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา พวกเราแทบจะไม่ได้กินอาหารอร่อย ๆ เลย การกินกันอย่างบ้าคลั่งของพวกเราในครั้งนี้ทำให้พวกเราหมดเงินไปเกือบ 40 เหรียญทอง พวกเราอิ่มท้อง แต่ในหัวใจกลับรู้สึกปวดขึ้นมาแล้ว