บทที่ 182: พี่น้องที่ร่วมทุกข์ร่วมยากด้วยกัน
หูเจียวเจียวยกผ้าห่มหนังสัตว์ขึ้นแล้วลุกจากเตียง
เนื่องจากฤดูนี้อากาศยังไม่หนาวเท่าไหร่ เวลานอนในตอนกลางคืนจึงสามารถใช้หนังสัตว์บาง ๆ ห่มแทนผ้าห่มผืนหนาได้ แต่ทันทีที่ฤดูหนาวมาเยือน อุณหภูมิจะลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันหนาวถึงขั้นที่ว่าคนคนหนึ่งจำเป็นจะต้องห่มหนังสัตว์เป็น 10 ผืนเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
ตอนนี้บนพื้นเหมือนได้รับการเก็บกวาดเรียบร้อยแล้วเพราะหนังสัตว์ที่ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ในความทรงจำหายไปจากที่ที่มันเคยอยู่
แล้วจิ้งจอกสาวก็หน้าขึ้นสีด้วยความอายเมื่อเธอคิดว่าหลงโม่เก็บข้าวของเหล่านี้ก่อนที่ตนจะตื่น
ถัดมา หูเจียวเจียวเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบเสื้อผ้าหนังสัตว์ที่สะอาดมาสวมใส่ แต่เธอพบว่าชุดพวกนี้ไม่สามารถปกปิดรอยฟกช้ำตามร่างกายได้เลย เธอจึงหยิบหนังสัตว์อีกผืนมาใช้เป็นเสื้อคลุม
พอหญิงสาวจัดแจงตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็ลากร่างกายที่ยังเจ็บระบมลงบันไดไป ก่อนที่จะเห็นหลงอวี้, หลงเซียวและหลงหลิงเอ๋อนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้า
เสียงร้องคร่ำครวญที่เธอได้ยินก่อนหน้านี้มาจากหลงเหยาซึ่งกลิ้งไปมาบนพื้นพร้อมกับกุมท้องตัวเองเอาไว้
ภาพนั้นทำให้มุมปากของแม่จิ้งจอกกระตุก
“พี่สาม ท่านเป็นอะไรไหม เสี่ยวเหยาไม่ไหวแล้ว...”
ในเวลาเดียวกัน หลงจงเดินกุมท้องกลับมาจากสวนหลังบ้านแล้วนั่งลงกับพื้น ใบหน้าของเขาซีดเผือดเหมือนกระดาษขณะตอบด้วยเสียงเลื่อนลอยว่า
“พอไหว…”
ทันทีที่เด็กหนุ่มพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืนหันหลังกลับก่อนจะวิ่งออกจากบ้านไปด้วยสีหน้าขมขื่น
“ให้ตายเถอะ ข้าปวดท้องอีกแล้ว เสี่ยวเหยา อดทนหน่อยนะ!”
พอพี่ชายคนที่ 3 พูดจบ เขาก็วิ่งไปที่ห้องน้ำนอกสวนหลังบ้านอย่างรวดเร็ว
“อ๊ะ! เสี่ยวเหยาก็ทนไม่ไหวแล้ว!”
หลงเหยาร้องคร่ำครวญพลางลุกขึ้นจากพื้น ก่อนที่เขาจะกลายร่างเป็นมังกรเพื่อพุ่งเข้าไปในป่าเล็ก ๆ นอกประตู
ไม่นานหลังจากที่ทั้งคู่ออกไป เสียงโครกครากก็ดังขึ้นในห้องนั่งเล่น และสีหน้าของลูกอีก 3 คนที่เหลือก็เปลี่ยนไป จากนั้นพวกเขาก็พากันวิ่งไปที่ป่านอกสวนหลังบ้านตามหลังน้องชายคนเล็กไปติด ๆ
ตอนนี้เด็กน้อยผู้น่าสงสารทุกคนไม่สามารถทนรอให้ห้องน้ำว่างได้อีกจึงหาทางอื่นเพื่อแก้ไขสถานการณ์แทน
ทันทีที่หูเจียวเจียวลงมาชั้นล่าง เธอเห็นลูก ๆ วิ่งผ่านเธอไปราวกับสายลม พร้อมกับที่พวกเขากรีดร้องไม่หยุด
“เกิดอะไรขึ้น?” หญิงสาวมองเจ้าตัวเล็กทั้งหลายอย่างสงสัย
ส่วนหลงโม่กำลังทำความสะอาด ‘สถานที่เกิดเหตุ’ ในสวนหลังบ้าน เมื่อเขาได้ยินเสียงคนเดินลงมาข้างล่าง เขาจึงทิ้งจานชามที่ลูกกินเสร็จแล้วไว้ในอ่างหิน ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้าน
“เจียวเจียว เจ้าตื่นแล้วหริอ?”
พอมังกรหนุ่มเห็นผู้หญิงตรงหน้า ดวงตาที่เย็นชาของเขาก็กลายเป็นอบอุ่นเหมือนในฤดูใบไม้ร่วง และน้ำเสียงก็อ่อนลงโดยไม่รู้ตัว
“อืม... ข้าตื่นแล้ว” เมื่อจิ้งจอกสาวหันไปทางต้นเสียง เธอก็พบกับใบหน้าที่เคร่งขรึมของชายร่างสูง แล้วฉากเลือนรางที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ปรากฏขึ้นในหัวเธอทันที คำตอบที่ออกจากปากจึงเบาราวกับขนนก
แม้ว่าหูเจียวเจียวจะปกปิดร่างกายส่วนใหญ่ด้วยหนังสัตว์ แต่หลงโม่ก็ยังสังเกตเห็นร่องรอยบางอย่างอยู่ดี
“เมื่อคืน… ข้าขอโทษ… เจ้าเจ็บหรือเปล่า?” ชายหนุ่มเดินเข้ามาถามอย่างไม่เร่งรีบ น้ำเสียงของเขาฟังดูนุ่มนวลปนรู้สึกผิด
“แค่ก ๆ!”
นี่ไม่ใช่คำถามที่ควรจะถามตอนนี้!
หูเจียวเจียวสำลักน้ำลายตัวเอง เธอไออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันศีรษะไปมองอีกคนด้วยความลำบากใจ
เธอจะตอบว่าอย่างไรดี?
ถ้าบอกว่าใช่ นั่นไม่ใช่การยอมรับว่าเมื่อคืนเขาดุดันมากหรอกหรือ?
ถ้าบอกว่าไม่ ก็แสดงว่าเขาไม่มีความสามารถในทางนั้นอีกไม่ใช่หรือ?
ไม่ว่าคำตอบจะเป็นเช่นไร…
เมื่อหลงโม่เห็นว่าหูเจียวเจียวไม่พูดอะไร เขาก็คิดว่านางโกรธเพราะนาง ‘บาดเจ็บ’ ใบหน้าที่เคร่งขรึมบัดนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด และเขายังคงขอโทษอย่างจริงจัง
“ข้าขอโทษ ครั้งหน้าข้าจะเบามือกว่านี้ ข้าไม่รู้ว่าผิวผู้หญิงจะบอบบางเช่นนี้”
ในขณะที่ชายหนุ่มพูด ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นร่องรอยบนผิวขาวนวลใต้หนังสัตว์ของหญิงสาว
ทันทีที่หูเจียวเจียวสัมผัสได้ถึงสายตาของชายตรงหน้า เธอก็รีบดึงหนังสัตว์ที่คลุมตัวเธอไว้ขึ้นมาปกปิดกายให้มิดชิด พลางส่งเสียงกระแอมในลำคอ พร้อมกับเฉไฉพูดถึงเรื่องอื่น
“ที่ข้าใส่เสื้อผ้าแบบนี้เพราะว่า… เพราะว่าวันนี้อากาศมันค่อนข้างหนาว ข้าเลยใส่เสื้อผ้าเยอะขึ้น… ใช่ มันหนาว...”
ตอนนี้เธออยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปจากตรงนี้มากจริง ๆ!
“หนาว?”
มังกรหนุ่มทวนคำก่อนจะมองไปที่ดวงอาทิตย์นอกบ้านด้วยสีหน้าฉงน
“อืม หนาว” เนื่องจากจิ้งจอกสาวไม่ต้องการให้เขาสนใจกับคำถามที่น่าอายนี้อีกต่อไป เธอจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอเสมองไปทางอื่นและเปลี่ยนเรื่องคุย
“ยังไงก็เถอะ เกิดอะไรขึ้นกับลูก? ข้าคิดว่าพวกเขาทำตัวแปลก ๆ”
“ไม่มีอะไรหรอก” หลงโม่กำมือยกขึ้นปิดปาก เขาไม่ตอบคำถามของเธอ อีกทั้งยังถามเธอเสียงเบาว่า “เจ้าหิวไหม? ข้าจะทำอาหารให้เจ้า—”
ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบประโยค เขาก็จำปฏิกิริยาของลูกน้อยทั้ง 5 หลังจากกินอาหารที่เขาทำได้ เขาจึงชะงักไปอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าทักษะการทำอาหารในครั้งนี้ของเขาออกมาไม่ค่อยดีนัก เขาไม่อยากทำให้คู่ครองรู้สึกไม่สบายหลังจากกินอาหารฝีมือตัวเอง
เขาเลยตัดสินใจเปลี่ยนไปพูดว่า “ข้าจะหาผลไม้มาให้เจ้ากิน”
“อืม” หูเจียวเจียวพยักหน้า เสียงนุ่มของเธอฟังดูแหบเล็กน้อย
หลังจากทำศึกหนักกันมาทั้งคืน ตอนนี้ท้องของหญิงสาวว่างเปล่า และเธอรู้สึกหิวมากจริง ๆ
แม้ว่าเมื่อวานเธอจะอยู่ในอาการมึนเมา แล้วเธอก็จำฉากบางฉากได้ไม่ชัดเจน แต่เธอจำได้ราง ๆ ว่าก่อนที่จะหลับไป ฟ้าข้างนอกก็สว่างแล้ว อีกทั้งเธอยังจำเสียงนกร้องที่นอกหน้าต่างได้ด้วย
ทำให้วันนี้จิ้งจอกสาวต้องจับราวบันไดเพื่อประคองตัวเองในยามที่เดินขึ้นลงบันได
เธอต้องยอมรับเลยว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของภูตนั้นดีมาก
ในขณะเดียวกัน หลงโม่รีบไปยังโกดังที่เก็บอาหารเพื่อนำผลไม้ไปให้หูเจียวเจียว ซึ่งอาหารบางส่วนในโกดังเป็นของที่หัวหน้าเผ่าส่งมาให้ และบางส่วนก็เป็นของที่ตนกักตุนเอาไว้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
นับตั้งแต่ชายหนุ่มค้นพบว่าหญิงสาวชอบกินผลไม้รสหวาน ทุกครั้งที่เขาออกล่า เขาจะนำผลไม้กลับมาจากในป่าด้วย ทำให้ผลไม้จำนวนมากกองพะเนินอยู่ในห้องเก็บของ
ต่อมา มังกรหนุ่มล้างผลไม้ก่อนที่จะนำไปให้จิ้งจอกสาว แต่ทันทีที่เขาเข้าไปในบ้าน หลงเหยาก็กลับมากอดขาของอีกคนเพื่อฟ้องว่า
“ฮือออ ท่านแม่ ท่านพ่อรังแกเราตอนที่ท่านหลับ…”
คนตัวเล็กเบะปาก ดวงตาสีทับทิมของเขาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ทั้งหมดนี้ทำให้เขาดูน่าสงสารมากกว่าเดิมหลายเท่า
ใบหน้าที่ปกติจะแต่งแต้มด้วยสีชมพูระเรื่อยามนี้ซีดลงเล็กน้อย และดูเหมือนเขาจะเสียใจมากยิ่งขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น เหยาเอ๋อ?” เมื่อแม่จิ้งจอกเห็นลูกชายคนเล็กมีสภาพเป็นเช่นนี้ เธอก็กอดเขาอย่างเป็นทุกข์
พอเธออุ้มเด็กน้อยขึ้นมาก็ได้กลิ่นแปลก ๆ
ทำไมเจ้าตัวเล็กถึงมีกลิ่น...เหมือนชักโครกที่กดไม่ลง
“อะแฮ่ม”
ก่อนที่หลงเหยาจะได้พูดออกไป หลงโม่ก็ยกมือมาป้องปากและกระแอมเบา ๆ
นัยน์ตาสีทองเหลือบมองไปที่ลูกชายคนสุดท้องอย่างเงียบเชียบ ทว่ามีคำเตือนอยู่ในดวงตาเฉียบคมคู่นั้น
ราวกับจะบอกว่า: เจ้ารู้ดีว่าควรพูดอะไรและไม่ควรพูดอะไร
หลงโม่มั่นใจว่าหลงเหยาจะไม่ปากโป้งบอกผู้เป็นแม่
ทางด้านคนตัวเล็กรีบปิดปากตัวเอง ก่อนจะกระโดดลงไปที่พื้นเพื่อกอดขาของหูเจียวเจียวไว้แน่นโดยซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเธอ ในขณะที่ดวงตาสีแดงมองไปทางพ่อมังกรอย่างระแวดระวังประหนึ่งว่าเขากำลังมองศัตรู
หากจะพูดให้ถูก ท่าทางของเด็กน้อยเหมือนคนกำลังหลบโจรที่มาปล้นบ้านเสียมากกว่า
“ย้ากกก!”
ในที่สุดหลงเหยาก็ย่นจมูกและตะโกนเสียงดังใส่คนเป็นพ่อ เขาไม่ใช่เสี่ยวเหยาจอมหน่อมแน้มในวันวานอีกต่อไปแล้ว!
ตอนนี้เขาเป็นภูตมังกรที่มีคนคอยหนุนหลัง!
จากนั้นหางรูปสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ยกขึ้นสูงกว่าหัวตัวเองด้วยความเย่อหยิ่ง
“ท่านแม่ ท่านพ่อบังคับให้เรากินอาหารพิษที่เขาทำ มันทำให้เราปวดท้องและท้องเสีย ตอนนี้ท้องของเสี่ยวเหยาไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว!”
หลงเหยาเปิดปากบ่นเสียงดัง เพราะเกรงว่าหูเจียวเจียวจะได้ยินไม่ชัดเจนหากเสียงของเขาเบาเกินไป
เมื่อมังกรหนุ่มได้ยินคำพูดของลูกชายคนสุดท้อง ใบหน้าของเขาก็มืดลงอย่างเห็นได้ชัด
ไอ้ตัวเล็กนี่!
กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้ต่อหน้านาง!
ในเวลาเดียวกัน เด็กอีก 4 คนที่เหลือก็เอามือกุมท้องเดินกลับเข้ามาในบ้านทีละคน
เมื่อแม่จิ้งจอกเห็นหน้าตาของลูกคนอื่น เธอก็รู้ได้ทันทีว่าหลงเหยากำลังพูดความจริง
“ท่านแม่ ท่านพ่อจ้องเสี่ยวเหยาเขม็งเลย...” เด็กน้อยตัวสั่นด้วยความประหม่า ก่อนจะมุดกลับไปซ่อนอยู่ข้างหลังขาของผู้เป็นแม่
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: พ่อมังกรเปิบพิสดาร ส่วนลูกกลายเป็นหนูทดลอง 55555