บทที่ 181: เมื่อคืนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะนอนกับตัวร้าย...
แสงแรกของวันใหม่สาดส่องผ่านหน้าต่างบ้านหินเข้ามาในห้อง
พอหลงโม่ตื่นขึ้นมา เขาเห็นหญิงสาวตัวเล็กร่างกายบอบบางกำลังซุกตัวนอนหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของเขา
ในยามที่ชายหนุ่มก้มลงมองดวงหน้ามนก็เห็นขนตางอนยาวโดดเด่นขยับพร้อมกับจังหวะการหายใจ ภาพชวนฝันนี้อยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น แค่เพียงเขาขยับนิดเดียวเขาก็สามารถสัมผัสนางได้แล้ว
ลมหายใจอุ่นเป่ารดอยู่ที่แผงอก ร่างสูงส่งสายตาอ่อนโยนทอดมองเจ้าของใบหน้าที่มีเสน่ห์จนไม่อาจละออกไปได้
มังกรหนุ่มไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าวันหนึ่งเขาจะตื่นขึ้นมาในลักษณะนี้
เขาไม่ต้องอยู่ในถ้ำที่มืดและชื้นแฉะ หรือออกไปนอนตามป่าเขาอีกต่อไป ปัจจุบันเขาได้อาศัยอยู่ที่บ้านอันแสนอบอุ่นโดยมีคู่ครองอยู่ในอ้อมกอด
ขณะนี้ริมฝีปากที่มักจะแสดงความบึ้งตึงอยู่เสมอเผยรอยยิ้มอยู่เป็นเวลานาน
ดวงตาที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนเคลื่อนไปทางลำคอระหงผ่านไปยังแขนเรียวที่มีจุดสีน้ำเงินอมม่วง แล้วหลงโม่ก็รู้สึกเสียใจอยู่พักหนึ่ง
ในครั้งสุดท้ายที่พวกเขามีสัมพันธ์กัน เขาจำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่รู้ว่าผิวของนางจะบอบบางขนาดนี้ เขาจำได้ว่าเมื่อคืนตนสัมผัสอีกคนอย่างทะนุถนอม แต่คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่ามันจะทิ้งรอยแบบนี้เอาไว้
ครั้งหน้าเขาจะเบามือกว่านี้แน่นอน
สายตาของชายหนุ่มยังคงจับจ้องไปที่ใบหน้าอันงดงาม และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ขยับลุกขึ้นจากเตียงอย่างไม่เต็มใจ
เพราะว่าในฐานะภูตชาย เขาไม่สามารถหยุดงานล่าสัตว์เพียงเพราะตนหวงแหนช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ได้
เขาต้องการกักตุนอาหารให้เพียงพอเพื่อนางและลูก ๆ ก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง
เมื่อหลงโม่ลุกขึ้นจากเตียง เขาก็มองไปทางเสื้อผ้าหนังสัตว์ที่ขาดกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ซึ่งภาพนั้นทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะลูบบริเวณหว่างคิ้ว พร้อมกับรู้สึกถึงความเจ็บปวดในหัวใจ
นี่คือชุดหนังสัตว์ที่จิ้งจอกสาวทำให้เขา…
ในเวลาเดียวกัน
เด็กตระกูลหลงทั้ง 5 ถูกนาฬิกาชีวิตปลุกให้ตื่น จากนั้นทุกคนก็พากันลงไปชั้นล่างเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่พอพวกเขาตามหาจนทั่วบ้านแล้วกลับไม่พบพ่อแม่ของตัวเอง อีกทั้งเด็กน้อยไม่ได้กลิ่นอาหารโชยไปทั่วบ้านเหมือนทุกที ดังนั้นพวกเขาจึงเดินขึ้นไปชั้นบนก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าห้องของหูเจียวเจียวกับหลงโม่ทีละคน
“ท่านแม่ ทำไมวันนี้ท่านยังไม่ตื่น ท้องของเสี่ยวเหยามันคำรามเสียงดังแล้ว…”
หลงเหยานั่งพิงกำแพงอยู่ข้างประตู พลางเอามือป้อมสั้นจิ้มพื้นแล้วพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา ขณะที่หางรูปสามเหลี่ยมด้านหลังสะบัดไปมาอย่างกระวนกระวายใจ
“ปกติท่านแม่จะตื่นก่อนเวลานี้เสมอ” หลงหลิงเอ๋อขยี้ตายืนอยู่ข้าง ๆ ชายคนเล็กด้วยใบหน้าที่ยังง่วงงุน ซึ่งแตกต่างจากเจ้าตัวเล็กที่มักจะมีพลังมากขึ้นในยามที่นึกถึงของกิน
“บางทีนางอาจจะเหนื่อยเกินไป เราลงไปกันเถอะ อย่ารบกวนนางเลย” หลงอวี้ลูบหัวหลงเหยา ซึ่งน้ำเสียงเด็กของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่โตเกินวัย
คนตัวเล็กลูบท้องตัวเองอย่างไม่พอใจ “แต่เสี่ยวเหยาหิวมาก”
ครู่มาต่อ หลงจงดึงแขนน้องชายให้ลุกขึ้น “อยู่กับพวกเรา เจ้าจะอดตายได้ยังไง”
“เสี่ยวเหยาไม่อยากให้ท่านแม่นอนหลับสบายหรือ?” หลงเซียวใช้มือพยุงผนังอีกด้านหนึ่งและถามขึ้นมาในขณะที่หลับตา
หลงเหยาส่ายหัวทันที
“ไม่ เสี่ยวเหยาต้องการให้แม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่”
ไม่ว่าคนตัวเล็กจะห่วงกินแค่ไหน เขาก็รู้ว่าแม่จิ้งจอกยุ่งอยู่กับการทำงานในบ้านรวมถึงนอกบ้านทุกวัน นางคอยเป็นห่วงความปลอดภัยของครอบครัวตัวเองมาโดยตลอด และเขารู้สึกเห็นใจนาง
แต่เด็กน้อยไม่สามารถควบคุมเสียงท้องที่กำลังดังประท้วงของตนได้
“เอาแบบนี้นะ พี่ใหญ่จะทำเนื้อย่างให้เจ้าดีไหม?” หลงอวี้ส่งสายตาเอ็นดูไปให้น้องชายคนสุดท้อง พลางลูบหัวที่มีผมดกดำของอีกคน
จังหวะที่เด็กทั้ง 5 กำลังจะลงไปข้างล่าง ทันใดนั้นก็มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้น ก่อนที่ประตูจะเปิดจากด้านใน
ดวงตาของเด็กทุกคนเป็นประกายทันที และพวกเขาก็หันไปมองทางต้นเสียง
ตอนแรกทุกคนคิดว่าเป็นหูเจียวเจียวที่ตื่นแล้ว
แต่เมื่อเด็กน้อยทั้งหลายหันกลับไป ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เห็นผู้ชายที่มีใบหน้าบูดบึ้งแทนที่จะเป็นคนที่พวกตนคิด นั่นทำให้พวกเขายืนชะงักนิ่งมองภาพตรงหน้าไป 3 วินาที ประกอบกับมุมปากที่กำลังจะยกยิ้มก็ถูกดึงลงอย่างกะทันหัน
หางของหลงเหยาที่ยกขึ้นในตอนนี้ก็ลดต่ำลงเช่นกัน
“พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?” หลงโม่ชำเลืองมองลูก ๆ ด้วยสายตาเย็นชา
เจ้าตัวเล็กทั้ง 5 ส่ายหัวตอบพร้อมกัน “เปล่า ไม่มีอะไร”
สิ้นเสียงของทุกคน ท้องของลูกชายคนเล็กก็คำรามเสียงดัง ซึ่งมันดังก้องไปในทางเดินที่เงียบสงบ
ตามปกติแล้ว ความเชื่อของพ่อมังกรในการเลี้ยงลูกก็คือการปล่อยให้พวกเขาพึ่งพาตนเองเสมอ แต่หลังจากที่เขาได้ยินเสียงท้องร้องของหลงเหยา เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าหูเจียวเจียวเป็นคนที่คอยทำอาหารให้ลูก ๆ กินในเวลานี้เป็นประจำ
“เจ้าหิวหรือ?”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นพลางมองไปที่ลูกทั้ง 5 ราวกับว่าเขาจำอะไรบางอย่างได้
“ไม่ เราไม่หิว เราไม่หิว…” เด็กตระกูลหลงรีบส่ายหัวปฏิเสธทันที พวกเขาแสดงสีหน้าต่อต้านและตื่นตระหนก
แต่หลงโม่ไม่เปิดโอกาสให้เจ้าตัวเล็กปฏิเสธ เขายกมือขึ้นบีบข้อมือและเดินลงบันไดไปโดยพูดทิ้งทายว่า
“พ่อจะไปทำอาหารให้พวกเจ้า” เสียงฝีเท้ามั่นคงดังขึ้นไม่หยุดพร้อมกับน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการขู่เตือน “พวกเจ้าอย่าไปรบกวนแม่เลย ปล่อยให้นางได้พักผ่อนเถอะ”
มังกรหนุ่มจะใช้โอกาสนี้ในการฝึกทักษะการทำอาหารของตัวเอง
เขาจะไม่ยอมให้ในอนาคตอาหารที่ตนทำมีรสชาติแย่จนหูเจียวเจียวกินไม่ได้
ตอนนี้เขาควรฝึกฝนกับเจ้าเด็กน้อยไปก่อน นี่ถือว่าเป็นการดูแลลูก ๆ เพื่อแบ่งเบาภาระของนาง แถมยังได้ฝึกฝนทักษะการทำอาหารไปพร้อมกันด้วย ซึ่งมันไม่ต่างจากการขว้างก้อนหิน 1 ก้อนได้นก 2 ตัวเลยสักนิด
ทันทีที่พ่อมังกรเข้าไปในครัว ทุกอย่างก็เริ่มปั่นป่วน
ส่วนลูก ๆ 5 คนยืนตัวแข็งกลายร่างเป็นรูปปั้นหินทันที
เมื่อกี้ท่านพ่อพูดว่าอะไรนะ?
เขาอยากวางยาพิษให้พวกเราตาย!
ต้องรีบหนีไปให้ไกล ๆ!
“พี่ใหญ่ เสี่ยวเหยาหนีไปตอนนี้ได้ไหม...” หลงเหยาจับหางของตัวเองแบบประหม่า ใบหน้านิ่วคิ้วขมวดแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว เนื่องจากเขาหวาดผวากับอาหารที่ผู้เป็นพ่อทำมากจริง ๆ
ในขณะที่หลงอวี้ผู้สุขุมรอบคอบไม่ค่อยแสดงออกกำลังทำหน้าเจ็บปวด และถามอย่างช่วยไม่ได้ว่า “เจ้าวิ่งเร็วกว่าท่านพ่อไหมล่ะ?”
“เอิ่ม เหมือนจะไม่นะ...”
“แล้ววันนี้เสี่ยวเหยาไม่หิว ยังไงก็...” ท่าทางของคนตัวเล็กกระสับกระส่ายมากขึ้น
“ข้าคิดว่าคงไม่เป็นไรหรอก” หลงจงพยักหน้า
ขณะที่น้องชายคนเล็กเงยหน้าขึ้นด้วยความดีใจ เขาก็ได้ยินพี่สามพูดต่อว่า “แต่ข้าไม่รู้ว่าท่านพ่อคิดอะไรอยู่”
“…”
คำตอบคือไม่!
หลังจากเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง
ยามนี้เด็กตระกูลหลง 5 คนถูกบังคับให้นั่งบนโต๊ะอาหารในสวนหลังบ้าน โดยที่ทุกคนจ้องมองอาหารสีเหลือง, เขียวและดำในชามตรงหน้า ซึ่งอาหารพวกนี้มองอย่างไรก็ไม่น่าจะกินได้
“ท่านพ่อ ตัวเหลือง ๆ นี่มันตัวอะไรหรือ?”
หลงเหยาคนส่วนผสมในชามด้วยช้อน ขณะที่มือข้างหนึ่งบีบจมูกแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอู้อี้
มันดูเหมือนขี้เลย…
“กินสิ แม่ของเจ้าเก็บมันมาให้เจ้าก่อนหน้านี้” หลงโม่ตอบอย่างเฉยเมย
เขาหยิบมันมาจากห้องครัว มันเป็นข้าวฟ่างที่หูเจียวเจียววางไว้ในครัว และนางเคยทำโจ๊กข้าวฟ่างให้ลูกกินในตอนเช้า
เจ้าตัวเล็กทั้ง 5 ต่างก็รู้สึกหดหู่กับคำตอบของพ่อมังกร
พวกเขามองไม่เห็นความคล้ายคลึงกันระหว่างสิ่งที่อยู่ตรงหน้ากับอาหารเช้าที่แม่จิ้งจอกทำให้เลยสักนิด
“แล้วอันที่เป็นสีดำล่ะ?” หลงเหยาชี้ไปที่สิ่งสีดำในชามอีกครั้งด้วยมือเล็ก ๆ น่ารัก
คนที่ทำอาหารเหลือบมองก่อนจะตอบเสียงเบาว่า “นั่นคือเนื้อย่างของเมื่อวาน เจ้าบอกว่ามันแข็งเกินไป พ่อคิดว่าพอเอาไปต้มแล้วมันคงไม่แข็งเหมือนเดิมแล้วล่ะ”
“...” เด็กน้อยที่ได้ยินเช่นนั้นนิ่งเงียบไปทันที
เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
“พวกเจ้าไม่กินหรือ ลองชิมดูสิ ถ้าไม่อร่อยเดี๋ยวพ่อทำให้ใหม่”
หลงโม่ชำเลืองมองไปยังลูกน้อยทั้งหลาย และน้ำเสียงที่ใช้พูดประโยคข้างต้นก็ให้ความรู้สึกกดดัน
“กิน…”
บัดนี้ลูกทั้ง 5 ตื่นตระหนก ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินของในชามขนาดใหญ่ด้วยใบหน้าที่ขมขื่นและน้ำตาซึม
…
ภายในห้องชั้นบน
เมื่อหูเจียวเจียวตื่นขึ้น พระอาทิตย์ก็ลอยขึ้นสูงเหนือฟ้าแล้ว
เธอพยายามฝืนยกเปลือกตาที่หนักอึ้ง ตอนนี้เธอรู้สึกเพียงว่าหัวของตัวเองปวดจนแทบระเบิดรวมถึงปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว ก่อนที่ภาพเมื่อคืนจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในความทรงจำ
ทันใดนั้นดวงตาคู่สวยก็เบิกกว้าง พอหญิงสาวตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอจึงปิดปากด้วยความตกใจเพื่อปิดกั้นไม่ให้ตัวเองส่งเสียงกรีดร้องออกมา
ดูเหมือนว่าเธอจะนอนกับเจ้าจอมวายร้ายเมื่อวานนี้!
ก่อนที่จิ้งจอกสาวจะทันได้คิดอะไรต่อ เสียงโอดครวญจากชั้นล่างก็ดึงสติเธอกลับคืนมา...