ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 34 สงครามอาจเกิดขึ้น
เมื่อมองดูร่างของชิงอี้ที่หายไป เซวียนห่าวก็สงสัยเกี่ยวกับการประลองศิษย์ใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของชิงอี้ นางคงจะสามารถติดอันดับที่ดีอย่างแน่นอน หากนางสามารถเรียนรู้เคล็ดวิชาเพลิงสวรรค์ได้สักเสี้ยวหนึ่ง นางก็คงเป็นที่หนึ่งได้อย่างง่ายดาย !
แต่การเรียนรู้เคล็ดวิชาบ่มเพาะขั้นสวรรค์นั้นพูดง่ายกว่าทำ แม้แต่การเข้าใจเบื้องต้นก็ใช้เวลานานนับเดือน แต่หากนางไม่ได้มีกายาศักดิ์สิทธิ์ตะวันเจิดจรัสแล้ว การที่จะเรียนรู้มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้
แต่ท้ายที่สุดแล้ว นางจะเข้าร่วมหรือไม่นั้นมันก็ขึ้นอยู่กับนาง การประลองศิษย์ใหม่มีขึ้นเพื่อให้ศิษย์ที่เพิ่งได้รับคัดเลือกได้รู้จักกัน
เวลาส่วนใหญ่ที่พวกเขาได้รู้จักกันก็มักจะมาจากการสอนของผู้อาวุโสต่าง ๆ
แต่ชิงอี้ไม่ได้เข้าร่วมการสอนของผู้อาวุโสทั้งฝ่ายในและฝ่ายนอก นางมีอาจารย์ของนางที่ค่อยสอนเรื่อง ๆ ต่าง ๆ ให้กับนางอยู่แล้ว นางจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนและบ่มเพาะ
การประลองศิษย์ใหม่ที่กำลังจะมาถึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับชิงอี้ที่จะคลุกคลีกับศิษย์ใหม่คนอื่น ๆ
ขณะที่ชิงอี้เดินกลับเข้าไปในห้องของนางและเริ่มอ่านเคล็ดวิชาเพลิงสวรรค์ในทันทีนางพยายามเรียนรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่ามันจะยากที่จะเข้าใจแต่ชิงอี้ก็รู้สึกว่ามันง่ายขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อนางฟื้นตัวเต็มที่จากการเปลี่ยนพลังปราณธาตุปฐพีเป็นปราณธาตุไฟ นางก็พยายามบ่มเพาะตามวิธีที่อาจารย์สอนนางในทันที
ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่น่าแปลกใจมากนัก ชิงอี้รู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ นางรู้สึกราวกับจะทะลวงไปอีกขั้น !
นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าอัศจรรย์เลย ในไม่ช้าชิงอี้ก็จะอยู่ในขอบเขตบ่มเพาะเดียวกันกับเหวินหลู่ผู้เป็นผู้ที่หนึ่งในการคัดเลือกเข้าของนิกายกระบี่ล่องนภา
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ชิงอี้ก็รู้สึกขอบคุณอาจารย์ของนางที่ได้ช่วยเหลือนางมามากขนาดนี้
ขณะที่ชิงอี้กำลังบ่มเพาะและพยายามทำความเข้าใจกับเคล็ดวิชาเพลิงสวรรค์ เซวียนห่าวก็บ่มเพาะอย่างเงียบ ๆ ในห้องของเขาเช่นกัน
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็วและการประลองศิษย์ใหม่ก็จะเริ่มขึ้นในไม่ช้า
ชิงอี้ได้เตรียมการไว้แล้ว เจิ้งซื่อฮั่นช่วยให้นางสมัครการประลองนั้นได้ทันการณ์
เซวียนห่าวรู้ว่าชิงอี้กำลังจะเข้าร่วมการประลองศิษย์ใหม่จึงตัดสินใจที่จะไปที่นั่นเช่นกัน
การประลองศิษย์ใหม่ไม่เพียงแต่เหมาะสำหรับการทำความรู้จักกับผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการเรียนรู้สำหรับศิษย์ใหม่ของนิกายกระบี่ล่องนภาเสียด้วย
ประสบการณ์ต่อสู้ที่พวกเขาได้รับจากการประลองศิษย์ใหม่จะมีประโยชน์เสมอ แม้ว่าพวกเขาจะแพ้หรือไม่ก็ตาม ผู้อาวุโสจากนิกายกระบี่ล่องนภารับรองว่าจะไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตเพราะนี่เป็นเพียงการประลองกระชับมิตรเท่านั้น
“ผู้อาวุโสเซวียน เจ้าก็จะไปชมการประลองศิษย์ใหม่ด้วยหรือไม่” ขณะที่เซวียนห่าวมาถึงลานประลอง เสียงเรียกก็ดังมาจากด้านหลังของเขา
“หวังหู่... ข้าจะไปชมการประลองศิษย์ใหม่เพราะศิษย์ของข้าก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน เจ้าก็จะไปด้วยหรือ?”
“ข้ามาที่นี่เพื่อมองหาคนรุ่นเยาว์ที่ดึงดูดความสนใจของข้าได้บ้าง บางทีพวกเขาอาจแข็งแกร่งขึ้นหลังจากสัปดาห์แรกที่เข้านิกาย พี่ชายของข้าออกไปตรวจสอบบางอย่างรอบเขตแดนของอาณาจักรนภาสวรรค์”
“ราชวงศ์นภาสวรรค์ขอให้เราและยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดอีกสามคนไปช่วยที่นั่น” หวังหู่ยิ้มกว้างและอธิบายเหตุผลของเขาในการที่มาดูการประลองศิษย์ใหม่ ใบหน้าของเขาค่อย ๆ จริงจังมากยิ่งขึ้นเมื่อพูดถึงพี่ชายของเขา
“ข้าเข้าใจแล้ว... พรมแดนของอาณาจักรนภาครามหรือไม่” เมื่อนึกถึงเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง เซวียนห่าวก็ตระหนักได้ว่าอาณาจักรนภาสวรรค์นั้นไม่เป็นมิตรกับอาณาจักรนภาครามมากนัก
“มันคือพรมแดนของเรากับอาณาจักรนภาคราม...”
การต่อสู้ปะทุขึ้นเป็นครั้งคราวที่พรมแดนของพวกเขา ผู้เข้าร่วมในนั้นไม่เคยเกินขอบเขตควบแน่นแก่นแท้
การที่อาณาจักรนภาสวรรค์ร้องขอยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดจากทั้งสี่นิกาย นั่นอาจหมายถึงการต่อสู้ได้พัฒนาไปไกลกว่าการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือขอบเขตควบแน่นแก่นแท้ไปเสียแล้ว
“…”
เซวียนห่าวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
สงครามไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าอาณาจักรนภาสวรรค์และอาณาจักรนภาครามจะเป็นของจักรวรรดิเดียวกัน จักรวรรดินภาอันยิ่งใหญ่
จักรวรรดินภานั้นไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรของตน ต่อให้จะมีการทำลายอาณาจักร พวกเขาก็ยังคงไม่สนใจเช่นเคย
มีเพียงครั้งเดียวที่จักรวรรดินภาจะพยายามป้องกันไม่ให้เกิดสงครามระหว่างอาณาจักรหากอาณาจักรนั้นมีขอบเขตราชันอยู่ในนั้น
ยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดไม่ได้มีความหมายอะไรมากมายในจักรวรรดิอย่างจักรวรรดินภา แต่ขอบเขตราชันนั้นมีค่าอย่างท่วมท้น แม้ว่าผู้นั้นจะอ่อนแอที่สุดในขอบเขตราชันก็ยังคงมีค่าสำหรับจักรวรรดินภา
เซวียนห่าวรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นยังต่ำเกินไปในโลกใบนี้ แม้เขาจะแข็งแกร่งในอาณาจักรนภาสวรรค์ แต่เมื่ออยู่ข้างนอกเขาก็ไม่ต่างจากยอดฝีมือทั่วไป หากเขาต้องการท่องไปทั่วทวีปเอวาเรียอย่างอิสระ เขาต้องไปถึงขอบเขตราชันเสียก่อน
เซวียนห่าวนั่งลงพร้อมกับหวังหู่และมองไปที่เวทีที่การประลองศิษย์ใหม่จะเกิดขึ้น