บทที่ 75 - ออกเดินทางด้วยกัน
ตอนเช้าวันต่อมา ผมเก็บของเรียบร้อยและไปที่ห้องของอาจารย์เหวินเพื่อกล่าวลา เขาส่งจดหมายให้ผมแล้วบอกว่า “นี่เป็นจดหมายสำหรับเหล่าหลุนและคนอื่น ๆ ที่นั่น เดินทางปลอดภัยล่ะ ไม่ว่าเธอจะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ ก็อย่าใช้เวลาให้มันนานนัก ถึงจะไม่ต้องกลับมาที่นี่ แต่ทางบ้าน ทางครอบครัวของเธอคงเป็นห่วงมากที่เธอใช้เวลาอยู่ห่างบ้านนานขนาดนี้ ยังไงก็รักษาตัวด้วย”
ดวงตาของผมเริ่มชื้นขึ้นมา หลังจากนึกถึงช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ผมอยู่ที่นี่ ผมกล่าวกับอาจารย์เหวิน “อาจารย์ครับ ผมต้องกลับมาเยี่ยมอาจารย์แน่นอน ขอให้อาจารย์ดูแลสุขภาพตัวเองด้วย ผมไปก่อนนะครับ” อาจารย์เหวินยิ้มบาง ๆ ให้ผม แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก
ผมไม่ได้พบกับตงรื่อแล้วก็คนอื่น ๆ ที่เหลือ ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ได้รอบบอกลาพวกเขา ผมเก็บสิ่งของของผมเอาไว้ในถุงเก็บของมิติ สวมเสื้อคลุม แล้วเริ่มออกจากที่ ๆ ผมอยู่มาเกือบปี ผมยังไม่ค่อยอยากจากไปเท่าไรนัก
ตอนที่ผมเริ่มออกเดินทาง ผมนึกถึงมิตรภาพที่ผมได้รับจากที่นี่ ผมรู้สึกใจหายหน่อย ๆ ได้แต่สั่นหัวแล้วพูดกับตัวเอง “ไม่ต้องคิดแล้ว ทุกคนมีเส้นทางเดินของตัวเอง เมื่อมีพบ ก็ต้องมีจาก! พวกเรายังมีโอกาสได้เจอกันอีกในอนาคต” หือ! อะไรน่ะ? ทำไมป้ายที่อยู่ไกล ๆ นั่นถึงได้ดูคุ้นตาอย่างนี้ ผมเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ มันคือสมาคมทหารรับจ้าง ผมนึกถึงภารกิจแรกที่ได้รับทำจากทางสมาคม ตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่ามันถือว่าประสบความสำเร็จ หรือว่าล้มเหลว ผมได้แต่ยิ้มฝืด ๆ ให้กับตัวเอง โอ้! จริงสิ! ผมมาที่เมืองนี้ตั้งนานแล้ว แต่ผมไม่ได้ออกไปตามหาหลงเหมิงเลย ผมมีเรื่องยุ่งเข้ามาตลอดเวลา ผมลืมพวกเขาไปแล้วนะเนี่ย น่าละอายจริง ๆ ...อืม! ลองเข้าไปดูข้างในดีกว่า ถ้าพวกเราจะได้เจอกัน มันก็ต้องได้เจอล่ะนะ
ผ่านเข้าไปในสมาคมทหารรับจ้าง ผมสังเกตได้ว่ามันใหญ่กว่าสมาคมที่ตั้งอยู่ที่เมืองชายแดน น่าจะเป็นอย่างนั้น เมื่ออยู่ในเมืองใหญ่กว่า ธุรกิจก็น่าจะดีกว่าด้วย ผมมองไปรอบ ๆ ไม่ได้ตั้งความหวังอะไร แต่ก็นะ โชคของผมไม่เคยดีขนาดนี้มาก่อนเลย ในหมู่คนที่ส่งเสียงดังอยู่ ผมเห็นร่างที่คุ้นเคย สูงเด่นมาเชียว
ผมตะโกนเรียก “หลงเหมิง”
คนตัวใหญ่สะดุ้งแล้วหันหน้ามามอง พอเห็นผมยืนอยู่ เขาตะโกนออกมาอย่างประหลาดใจ “จางกง! นั่นนาย! นายมาแล้วหรือ? ไม่เจอกันตั้งนาน นายเป็นยังไงบ้าง? ฉันเชื่อว่านายไม่ติดกับดักของพวกโจรนั่นหรอก” หลังจากพูดจบเขาก็ถึงตัวผม แล้วจับแขนทั้งสองข้างของผมเอาไว้แน่นเชียว
ผมถอนหายใจเบา ๆ แล้วแกล้งเป็นเศร้าใจ “ก็ไม่ได้เจอกับดักอะไรหรอก แค่ไม่ได้ออกมาข้างนอกนานเลยแค่นั้น มันเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันเพิ่งมาถึง ฉันเสียใจจริง ๆ”
หลงเหมิงยิ้มออกมาอย่างจริงใจ “ไม่มีปัญหา แค่นายมาก็ดีมากแล้ว ช่วงที่ผ่านมาฉันทำภารกิจสำเร็จไปไม่น้อย ตอนนี้ฉันเป็นทหารรับจ้างเกรด D แล้วนะ แล้วนายล่ะ ตอนนี้ทำอะไรอยู่? พวกเราไปหาอะไรดื่มกันก่อนดีกว่า”
“ฉันไปกับนายไม่ได้ ฉันแค่มามองหานายเท่านั้น ฉันต้องออกเดินทางไปทำภารกิจของตัวเองแล้ว ถ้ามีโอกาสครั้งหน้า พวกเราค่อยไปดื่มด้วยกัน คราวหน้าฉันไม่พลาดแน่”
หลงเหมิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงผิดหวัง “ไม่เอาน่า พวกเราไม่ได้เจอกันง่าย ๆ ฉันจะปล่อยให้นายไปง่าย ๆ ได้ยังไงกัน? ถ้าอย่างนั้น ฉันไปกับนายด้วยเลยแล้วกัน นายเป็นคนที่ฉันชื่นชมที่สุดในชีวิตแล้ว ต่อไปนี้ ฉันจะติดตามนาย นายไปไหนฉันไปด้วย” ได้โปรดเถอะ! ไม่เอาน่า! ผมไม่ใช่สาวน้อยน่ารักนะ ทำไมผมถึงเป็นที่ชื่นชอบขนาดนั้นเนี่ย?
ผมคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ลากเขาไปคุยที่มุมหนึ่งของห้องโถง เสียงของเขาดังเกินไป ผมไม่อยากเป็นจุดสนใจของฝูงชน ผมกระซิบกับเขา “หลงเหมิง ตอนนี้นายน่าจะรู้ตัวนะว่าความแข็งแกร่งของพวกเราแตกต่างกันมาก ถ้าฉันพานายไปด้วยตอนนี้ นายช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก แถมจะทำให้นายตกอยู่ในอันตรายอีกด้วย”
“ฉันไม่กลัวอันตรายอะไร แค่พาฉันไปด้วย ขอร้องล่ะ ฉันจะเชื่อฟังนายทุกอย่าง แต่นั้นมันไม่พอเหรอ? เขาเป็นคนที่มีอารมณ์ร่วมสูงมากจริง ๆ อา! จะทำยังไงดี? จริงสิ! มันยังมีวิธีอยู่ ผมยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ก่อนที่จะเอ่ยกับเขา”ถ้าอย่างนั้น เอาอย่างนี้เป็นไง? ฉันจะแนะนำอาจารย์ที่เก่งมากให้นายคนหนึ่ง นายต้องฝึกฝนกับเขาก่อน ถ้านายมีความสำเร็จอะไรบางอย่างแล้ว นายค่อยมากับฉัน”
หลงเหมิงทำหน้าทำตาสงสัย ถามอย่างไม่แน่ใจ “อาจารย์ที่เก่งมาก? ได้! ฉันก็พยายามหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อจะฝากตัวเป็นลูกศิษย์อยู่แล้ว แต่ความสามารถของฉันอยู่แค่ระดับปานกลาง ไม่ค่อยมีอาจารย์คนไหนยอมรับฉัน มันมีอาจารย์เก่ง ๆ อยู่จริงเหรอ? ที่นายบอก”
ผมไม่ได้ตอบเขาในทันที แต่กลับไปยืมปากกาและกระดาษมาจากโต๊ะของแผนกต้อนรับ เขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่งแล้วส่งให้เขา อธิบายให้เขาฟัง “ถือจดหมายฉบับนี้ไว้ แล้วไปที่สถาบันอัศวิน ถามหาผู้อำนวยการเหวินหลี่เคอ ยื่นจดหมายนี่ให้เขา เขาจะจัดการเรื่องทั้งหมดให้ ถ้าคนที่เฝ้าประตูไม่เชื่อนาย ให้บอกชื่อฉันไป มันไม่มีปัญหาแน่นอน”
หลงเหมิงรับจดหมายไปแล้วพึมพำ “สถาบันอัศวิน นั่นมันเป็นสวรรค์ของที่ฝึกวิชาเลยนะ เป็นที่ที่ฉันได้แต่ฝันถึง ฉันจะไปได้จริง ๆ? ขอบคุณนายมากจางกง แต่ว่า แล้วเมื่อไรนายจะกลับมาตามหาฉันอีก?”
นั่นเป็นคำถามที่ผมตอบได้ยาก ผมไม่รู้ว่าเมื่อไรผมจะกลับมาที่นี่อีกเหมือนกัน หลังจากยืนคิดอยู่สักพัก ผมตัดสินใจบอกเขา “น่าจะไม่เกิน 3 ปี ฉันน่าจะกลับมาที่นี่อีก นายต้องฝึกอย่างตั้งใจ” ยังไงก็ตามเมื่อถึงเวลานั้น มันก็สมควรที่ผมจะกลับมาเยี่ยมอาจารย์เหวินบ้างแล้ว ฮ่าฮ่า! ตอนนั้นผมจะรู้ได้ยังไงว่าตอนที่ผมกลับมาที่นี่ในอีก 3 ปีให้หลัง ผมจะได้เจอกับความเปลี่ยนแปลงที่มากมายมหาศาล
หลงเหมิงยังยืนลังเลอยู่ว่าจะทำยังไงต่อ ตอนที่ผมเดินออกมาทางประตูเมือง
ผมก้มหน้าก้มตาเดินมาเรื่อย ๆ ไม่ค่อยได้เงยหน้าขึ้นดูทางบ่อยนัก แล้วผมก็รู้สึกว่ามีอะไรมาขวางทางผมอยู่ มันมีขนาดใหญ่ทีเดียว ผมถอยหลังออกมาเพื่อเงยหน้าขึ้นมอง แล้วผมก็ตกใจ
มีคนยืนขวางผมอยู่ เรียงเป็นหน้ากระดานเชียว แถมไม่ขาดไปสักคน ซิวซือ ตงรื่อ ซิงโอว และเกาเต๋อ มากันครบเลย สงสัยจะพากันมาส่งผม “พวกนายมาแล้ว ฉันนึกว่าพวกนายจะไม่มาส่งฉันแล้ว” แน่นอน ผมรู้สึกดีใจ แต่หลังจากนั้นผมก็อ้าปากค้าง ตอนที่ได้ยินคำพูดของพวกเขา
“ทำไมนายมาช้าจัง? พวกเรารอมาครึ่งค่อนวันแล้ว พวกเราไปกันเถอะ หัวหน้าทีม!” เป็นเสียงของซิวซือ ยิ้มของเขาดูเจ้าเล่ห์ชอบกล
“อะไร? อะไรคือพวกเราไปกันเถอะ? พวกนาย หรือว่า...?”
หลังจากที่พวกเขามองหน้ากันแวบหนึ่ง พวกเขาเริ่มหัวเราะคิกคักออกมาพร้อมกัน “ก็นะ พวกเราจะไปกับนาย แค่นั้นแหละ ฮ่าฮ่า!”
หลังจากได้ฟังอีกครั้งอย่างชัด ๆ ผมยังไม่แน่ใจว่าตัวเองเข้าใจถูกมั้ย ได้แต่ถามออกไปตามสัญชาตญาณ “อาจารย์เหวินรู้เรื่องนี้มั้ย? เขาอนุญาตแล้วหรือ?”
ซิงโอวตอบยิ้ม ๆ “แน่นอนเขาอนุญาต ไม่อย่างนั้นพวกเราจะมาที่นี่ได้ยังไง? ไปกันเถอะหัวหน้าทีม! อ้อ! อีกอย่างหนึ่ง พวกเราทุกคนตัดสินใจเปลี่ยนชื่อทีมแล้วนะ จากหน่วยรบศักดิ์สิทธิ์ เป็นกลุ่มทหารรับจ้างศักดิ์สิทธิ์จางกง มันน่าจะทำให้การเดินทางง่ายขึ้น ถ้าเราขาดเงิน ก็สามารถไปรับภารกิจเพื่อหาเงินได้ นายเป็นหัวหน้า ซิวซือเป็นรองหัวหน้า”
ตอนนี้เองที่ผมเข้าใจรอยยิ้มบาง ๆ ที่อาจารย์เหวินมีตอนที่ผมไปบอกลาเขา ดูเหมือนว่าตาเฒ่านั่นก็ต้องการให้ลูกศิษย์ของเขาออกเดินทางหาประสบการณ์กับผม เป็นอย่างนี้ก็ดี มีคนมากขึ้น ความปลอดภัยก็มากขึ้น อีกอย่างพวกเขาทั้งหมดก็มีความแข็งแกร่งเพียงพอ
ผมถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว มันทำอะไรไม่ได้แล้วนี่ ไปกันเถอะ!” พวกเขาดีใจ เพราะคิดว่าต้องใช้เวลาในการเกลี้ยกล่อมผมมากกว่านี้ ตอนนี้พวกเขาพอใจมาก
ก็ตามนี้แหละ พวกเราออกเดินทางกันอย่างรื่นเริง ย่างเท้าไปบนเส้นทางแห่งการผจญภัย