ตอนที่แล้วบทที่ 73 - เตรียมตัวเดินทาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 75 - ออกเดินทางด้วยกัน

บทที่ 74 - ไปเยี่ยมซานหยุน


หลังจากกลับมาที่ห้องของตัวเอง ผมนั่งลงบนเตียง เริ่มนึกย้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างที่ผมอยู่ในเมืองซิวต้านี้ ไม่เพียงแต่ผมได้พบกับพี่ใหญ่จ้านหู่ระหว่างการเดินทาง พลังเวทย์ของผมยังบรรลุถึงระดับใหม่ด้วย แล้วผมยังได้เรียนรู้ทักษะวิชายุทธ์พื้นฐานหลายอย่าง การพิพากษาแห่งมังกรทะยานของผมฝึกถึงขั้นการกลั่นกรองแล้ว ตอนนี้สามารถพูดได้อย่างหยาบ ๆ ว่า ผมมีความแข็งแกร่งระดับอัศวิน ทุกคนต่างพากันประหลาดใจในการพัฒนาจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของผม มีแต่ผมเท่านั้นที่รู้ว่าจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ กับพลังจิตวิญญาณมันไม่ได้แตกต่างกันเลย

ตอนนี้ผมกำลังจะออกเดินทางอีกครั้งแล้ว โอ้!! ใช่แล้ว...ถ้าพูดถึงพี่ใหญ่จ้านหู่ ผมยังไม่ได้ไปพบกับท่านพ่อของเขาเลย! ผมต้องไปที่วังของเจ้าชายสักครั้งก่อน

ผมได้ยินมาว่าวังของเจ้าชายอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงของเมืองซิวต้า แล้วผมจะขอเข้าพบยังไงดี? จะใช้ชื่อใครในการขอเข้าพบ? ถ้าสุ่ม ๆ ไป เจ้าชายคงไม่ออกมาพบผมแน่! ตอนที่ผมกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น ผมนึกถึงชื่อคน ๆ หนึ่งขึ้นมาได้ ซานหยุน! เขาเป็นพี่ชายของพี่ใหญ่จ้านหู่ แถมพวกเรายังเคยประมือกันมาแล้ว ใช้ชื่อของผมขอเข้าพบเขาไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ผมจะได้ดูทิศทางลมก่อนด้วย ว่าจะพบเจ้าชายฉีลู่ดีหรือไม่

ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูวังของเจ้าชาย ขอให้คนที่เฝ้าประตูส่งข้อความต่อว่าผมมาขอพบเจ้าชายซานหยุน เขาต้อนรับผมแบบส่วนตัว เห็นว่าผมแสดงท่าทางดีใจ เขาก็ยิ้มออกมาเหมือนกัน “อา! จางกง! เป็นเจ้าเอง นับว่าเป็นแขกที่คาดไม่ถึงทีเดียว ไป! เข้าไปข้างในดีกว่า จะได้คุยกันให้สนุก”

ผมตอบกลับอย่างมีมารยาท “นี่มันน่าละอายจริง ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะรบกวนท่านเลย”

“ไม่ต้องตื่นเต้นไป ตลอดชีวิตของข้า เพียงชื่นชมผู้แข็งแกร่ง มีแต่ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าข้าเท่านั้นที่สามารถจะเป็นเพื่อนกับข้าได้ ไม่ว่าเจ้าจะคิดเห็นอย่างไร เจ้าก็ถือว่าเป็นเพื่อนของข้าแล้ว ฮ่าฮ่า!” ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนตรงไปตรงมา ฟังคำพูดของเขาแล้ว ผมแอบดีใจขึ้นมา

ผมเผยรอยยิ้ม แล้วเริ่มพูด “ผมก็รู้สึกยินดี ที่ได้เป็นเพื่อนกับท่าน การประลองเมื่อวันก่อนเป็นเพียงเพราะว่าผมมีโชค ทำให้สามารถเอาชนะมาได้อย่างเฉียดฉิว ถ้าท่านใช้สัตว์เวทย์ตั้งแต่ตอนเริ่มต้น คงจะจัดการพวกเราได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว” ระหว่างที่เราพูดคุยกันอยู่นั้น พวกเราก็ได้เข้ามาถึงบริเวณภายในวัง มันเป็นวังที่ใหญ่มากกก! สถาปัตยกรรมช่างอลังการ หรูหรา ล้อมรอบอยู่ด้วยสวนสวยงาม ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใหญ่โตเท่ากับพระราชวัง แต่มันก็เป็นเขาวงกตอยู่เหมือนกัน

ซานหยุนมีข้อสงสัย “ถ้าจะพูดเรื่องนั้น สัตว์เวทย์ของเจ้าน่าเกรงขามมากจริง ๆ มันเป็นสัตว์เวทย์อะไรกันแน่?”

เสี่ยวจินตอนนี้ยังหลับลึกอยู่ในร่างกายของผม ผมเกาหัวเลือกใช้คำพูด ก่อนจะตอบแบบอาย ๆ “มันเป็นสัตว์เวทย์ประเภทงู แค่มันตัวใหญ่กว่าปกติเท่านั้นเอง ถึงว่าความแข็งแกร่งของมันจะมีไม่น้อย แต่ผมก็ต้องใช้พลังเวทย์ปริมาณมหาศาลในการควบคุม ตอนนี้มันยังต้องพักฟื้นอยู่เลย อันที่จริง ถ้าตอนนั้นท่านยังทนต่อต้านอีกสักพัก มันก็จะไม่เหลือพลังอะไรแล้ว นั่นแหละ! ผมถึงได้บอกว่าพวกเรามีโชค ถึงได้ชนะการประลองมาได้”

เขาพาผมไปที่ห้องรับแขกส่วนตัวของเขา พวกเราพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ กันอีกเล็กน้อย จากการที่ได้ฟังเขาพูด ผมสามารถบอกได้เลยว่า ทั้งซานหยุนและพี่ใหญ่จ้านหู่เป็นคนประเภทเดียวกัน

หลังจากตัดสินใจแล้ว ผมกัดฟันถาม

“เจ้าชายซานหยุน! ผมมีเรื่องที่จะรบกวนถามท่านหน่อย ท่านมีน้องชายอยู่ใช่หรือไม่”

ได้ยินคำถามของผม เขารีบถามกลับอย่างตื่นเต้น “เจ้ามีข่าวของจิงหยุนหรือ?”

“หวา! ท่านสงบใจลงหน่อย ผมรับพลังของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ไม่ไหวนะ” ซานหยุนปล่อยมือที่จับแขนผมอยู่แน่นอย่างอาย ๆ

ผมรีบกล่าวต่อ “อันที่จริง ผมเป็นตัวแทนของเขามาที่ซิวต้านี่ เพื่อบอกพวกท่านว่าเขาสบายดี ผมยังมาที่นี่เพื่อดูว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้างให้เขา”

ซานหยุนถามไม่หยุดอย่างตื่นเต้น “แล้วทำไมเขาถึงไม่กลับมาเอง? ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”

ผมสั่นศรีษะเล็กน้อย ปฏิเสธออกมาอย่างสุภาพ “ผมบอกท่านได้แค่ว่าตอนนี้เขาสบายดี ผมสัญญากับเขาว่าจะไม่บอกใครว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ดูเหมือนว่าเขายังไม่สามารถทำใจกับเรื่องในอดีตได้ เอาไว้รอให้ผมช่วยเขาจัดการกับเรื่องพวกนั้นได้แล้ว เขาจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน”

ซานหยุนถอนหายใจออกมา “อา! ทั้งหมดนี่เป็นเพราะมังกรดินของเขา เสี่ยวจ้าน! จิงหยุนโง่เกินไปจริง ๆ ตอนนั้นพวกเราก็ไม่ได้ทำดีที่สุดเหมือนกัน พวกเราไม่ได้ให้ความสนใจกับเขามากพอ ทำให้เขาแค่ทิ้งจดหมายไว้ก่อนจะจากไป อันที่จริง ท่านพ่อไม่ได้โทษเขาเลย มีใครบ้างไม่เคยทำพลาด? จิงหยุนเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในหมู่พวกเรา 3 พี่น้อง ตอนนี้มันน่าเศร้าที่เขากลายเป็นแบบนี้ ในเมื่อเจ้าสัญญากับเขาไว้ว่าจะไม่เปิดเผยที่อยู่ของเขา ข้าก็ไม่บังคับ ถ้าเจ้าได้พบกับเขาอีก บอกให้เขารีบกลับมา ทุกคนที่นี่คิดถึงเขามาก”

ผมพยักหน้าก่อนจะกล่าว “ได้ยินอย่างนี้ผมก็สบายใจ ผมจะกลับไปบอกพี่ใหญ่จ้านหู่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนี้ผมกับพี่ใหญ่สาบานเป็นพี่น้องกันแล้ว ท่านเป็นพี่ชายของพี่ใหญ่จ้านหู่ ดังนั้นท่านก็เหมือนกับเป็นพี่ชายของผมด้วย ฮิฮิ! รอให้เขาบรรลุระดับอัศวินศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาต้องกลับมาแน่นอน และวันนั้นก็ไม่ห่างไกลแล้วด้วย อ้า! แล้วท่านจอมพลล่ะ ร่างกายของท่านเป็นอย่างไรบ้าง? สุขภาพของท่านดีหรือไม่?”

ซานหยุนตอบ “ร่างกายของท่านพ่อแข็งแรงเต็มที่ นอกจากอายุที่มากขึ้น สุขภาพของท่านไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ถึงแม้ว่าท่านพ่อจะไม่ได้พูดออกมา แต่ข้ารู้ว่าในใจของท่านยังกังวลเกี่ยวกับจิงหยุนอยู่”

“อ้อ! อีกเรื่องหนึ่งที่ผมต้องรบกวนท่าน พี่ใหญ่หยุนซาน!” ผมรีบกล่าว “ได้โปรดอย่าเพิ่งบอกท่านจอมพลเกี่ยวกับเรื่องของพี่ใหญ่จ้านหู่ ให้เวลาผม 1 ปี ผมจะช่วยพาเขากลับมาได้แน่นอน”

“ก็ได้! ข้าเชื่อเจ้า ถ้าซาบซึ้งเป็นอย่างมากที่เจ้าเป็นกังวลแทนพวกเรา ถ้าในอนาคตมีอะไรต้องการความช่วยเหลือ ก็ไม่ต้องลังเลนะ ข้าจะช่วยสนับสนุนเจ้าเอง เอานี่ไป! เหรียญตราประจำกองพันที่ 1 ของข้า มันจะมีประโยชน์มากตราบเท่าที่ยังอยู่ในอาณาจักรซิวต้า เก็บมันไว้ให้ดี และใช้มันอย่างระมัดระวังด้วยล่ะ”

ผมยื่นมือเข้าไปรับเหรียญตรามาเก็บไว้ “ขอบคุณมากครับ พี่ใหญ่หยุนซาน! แล้วก็ ผมคิดว่าผมควรจะกลับได้แล้วล่ะครับ ผมจะเดินทางออกจากเมืองพรุ่งนี้แล้ว ผมยังต้องไปบอกลาอีกหลายคน”

ซานหยุนเดินออกมาส่งผมที่ประตูวัง แล้วผมก็เดินทางกลับมาที่สถาบันด้วยเส้นทางเดียวเดิม

ในกระท่อมไม้! มีคนเพิ่มขึ้นมาอีกคน ฮัวหลุนหงเสวีย! ครั้งก่อนเป็นเพราะนางถึงได้เกิดเรื่องขึ้น ตอนนี้เธอปรากฏตัวขึ้นอีกแล้ว หวังว่าคงจะไม่มีเรื่องยุ่งยากอีกนะ

ผมยังไม่ทันได้พูดอะไร เธอเป็นฝ่ายส่งเสียงมาที่ผมก่อน “จางกง นายกลับมาแล้ว ฉันได้ยินว่านายจะออกเดินทางพรุ่งนี้ วันนี้เลยมาขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันเสียใจจริง ๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้”

อาจารย์เหวินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอรีบกล่าว “วันนี้เธอบอกขอโทษออกมาเป็นร้อยครั้งแล้ว เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ไม่มีใครโทษเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก”

ผมก็พูดออกไปอย่างไม่ได้แสดงท่าทีอะไร “สวัสดีครับ คุณฮัวหลุน ตงรื่อเป็นเพื่อนสนิทของผม คุณน่าจะรู้จักนิสัยของเขาดี ถ้าคุณชอบเขาจริง ๆ คุณก็ต้องดูแลเขาให้ดีในอนาคต ผมไม่อยากให้พี่น้องของผมต้องเสียใจ ผมคงต้องไปพักผ่อนแล้ว พรุ่งนี้ผมต้องเดินทางแต่เช้า”

คำพูดของผมทำให้ตงรื่อกับหงเสวียหน้าแดงกล่ำ แม้แต่ซิวซือผู้เงียบขรึมยังต้องกล่าว “คำพูดของจางกงนั้นถูกต้องอย่างมาก ฉันชอบจริง ๆ ฮ่าฮ่า” ซิงโอวกับเกาเต๋อก็ร่วมปล่อยเสียงหัวเราะออกมา

หงเสวียพูดออกมาทั้งที่หน้ายังแดงอยู่ “พวกนายรวมหัวกันรังแกฉัน!” ถึงแม้ปากจะกล่าวออกมาอย่างนั้น แต่ในใจของเธอกำลังคิดถึงคำที่ผมเพิ่งพูดออกไปอยู่ เธอต้องทำให้ตงรื่อไม่รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยอีก เธอตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดแล้ว เธอไม่กลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเลย

แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ ในใจของตงรื่อกำลังคิดอะไรที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เขาแค่คิดว่าจะหนีออกไปจากตรงนี้ยังไง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด