บทที่ 176: เจ้าแน่ใจหรือ…
ตอนนี้ร่างกายที่บอบบางของจิ้งจอกสาวทิ้งตัวลงอยู่ในอ้อมแขนของมังกรหนุ่ม ทว่าเขาไม่รู้สึกหนักเลยสักนิดเพราะร่างกายนั้นอ่อนนุ่มเหมือนดอกฝ้ายไร้น้ำหนัก
ชายหนุ่มร่างสูงกำลังอุ้มหญิงสาวขึ้นไปที่ชั้น 2 แล้วเดินไปที่ห้องนอนของพวกเขา
“อืม... ข้าอยู่ที่ไหน…” หูเจียวเจียวเอ่ยถามอย่างงุนงงหลังจากที่เธอหรี่ตาขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสวนหลังบ้านเหมือนเดิม
“เราอยู่ในห้อง ข้าจะพาเจ้าไปนอนบนเตียง”
หลงโม่กล่าวพร้อมกับอุ้มคู่ครองของตัวเองไปที่เตียงทันที
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจิ้งจอกสาว แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่านางง่วงนอนและต้องการที่พักที่สะดวกสบาย
เมื่อหญิงสาวตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนของมังกรหนุ่มได้ยินคำพูดนั้นก็ยกมือขึ้นเพื่อคว้าบางสิ่งในอากาศ
“อือ… ข้าจะนอน แต่ข้าร้อนมาก ข้าจะถอดเสื้อผ้าออก… ถอดให้หมดเลย…”
มือเรียวยาวขยับสะเปะสะปะไปมาอยู่ในอากาศ จนในที่สุดก็พบเป้าหมาย ซึ่งตรงนั้นก็คือหน้าอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของหลงโม่
“อ๊ะ ข้าเจอแล้ว ถอดเสื้อผ้าออกแล้วนอนกันเถอะ...”
หูเจียวเจียวพูดพลางหรี่ตาขึ้นก่อนจะเผยรอยยิ้มหวาน จากนั้นจึงเริ่มทึ้งเสื้อผ้าของหลงโม่
การกระทำของคนตรงหน้าทำให้ฝ่ายชายหนุ่มต้องกลืนก้อนเหนียว ๆ ลงคอด้วยความยากลำบาก เขาก้มหน้าลงมองมือเล็กที่ป่ายไปมาบนหน้าอกของตัวเอง แต่ตอนนี้เขาไม่มีมือว่างมาห้ามเจ้ามือซุกซนนี่ไว้
ขณะนี้เขาค่อย ๆ ไล่สายตามองจากมือ, แขน, แก้มสีแดงระเรื่อ, ปากอวบอิ่มชุ่มฉ่ำน้ำ จนไปถึงดวงตาคมทว่าแฝงไปด้วยความหวานหยดย้อยคู่หนึ่งราวกับดอกกุหลาบที่เริ่มผลิบานซึ่งกำลังหรี่มองมาทางตน แต่พอมองประกอบกันแล้วมันกลับยิ่งขับให้จิ้งจอกสาวมีเสน่ห์มากกว่าในยามปกติ
เขาไม่เคยเห็นหูเจียวเจียวเป็นแบบนี้มาก่อน
ภายในรูม่านตาสีทองลึกล้ำคล้ายมีกระแสน้ำเชี่ยวกรากกำลังซัดเข้าท่วมดวงตา แล้วสักพักก็มีเปลวไฟลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับที่มีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านไปทั้งตัวซึ่งกระจายออกจากบริเวณที่มือบอบบางนั้นสัมผัส
ทั้งหมดนี้ทำให้หลงโม่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
การถอดเสื้อผ้าเข้านอนหมายถึงการร่วมเตียงกันใช่ไหม?
ตั้งแต่คืนนั้น จิ้งจอกสาวก็ไม่เคยแตะต้องเขาอีกเลย
แม้ว่าคืนที่เกิดเหตุเขาจะขาดสติไปเพราะเผลอกินสัตว์ติดพิษซึ่งมันได้กินผลยาปลุกกำหนัดในป่าเข้า ดังนั้น…
“หือ? ถอดเสื้อผ้านี่ยากชะมัด...”
เสียงของหูเจียวเจียวได้เรียกสติของหลงโม่กลับคืนมา แล้วเขาก็ได้ยินนางบ่นพึมพำอะไรบางอย่างเบา ๆ พอนางเห็นว่าตัวเองไม่สามารถฉีกเสื้อผ้าของเขาออกได้ นางจึงเปลี่ยนกลยุทธ์โดยการใช้ฟันกัดแทน
บัดนี้ฟันคมกำลังกัดผ่านเสื้อผ้าหนังสัตว์บนร่างกายของมังกรหนุ่ม
วินาทีถัดมา ใบหน้าของหลงโม่มืดลงเล็กน้อย มือเรียวของคนตรงหน้าไม่มีเรี่ยวแรงเลยสักนิด มันไม่น่าแปลกใจเลยที่นางจะฉีกเสื้อผ้าของเขาไม่สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวยังคงพยายามดึงหนังสัตว์ออกจากอกเขาอย่างไม่ลดละ พลางเอาหัวพิงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามไว้ แล้วอ้าปากกัดหนังสัตว์ ซึ่งผลที่ได้ก็คือการขบเม้มเบา ๆ
จากนั้นศีรษะที่แสนซุกซนก็ถูไถไปมา ทำให้แก้มเนียนและริมฝีปากสีสดปัดผ่านแผงอกของชายหนุ่ม
“อึก”
เป็นอีกครั้งที่หลงโม่จะต้องพยายามกลืนก้อนเหนียว ๆ ลงคอ เขารีบวางหญิงสาวลงบนเตียงด้วยสีหน้าถมึงทึง แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าหูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงไปจนหมดแล้ว ซึ่งมันกำลังฟ้องว่าเจ้าตัวรู้สึกอย่างไร
ในเวลาเดียวกัน หูเจียวเจียวรู้สึกว่าโลกหมุนไปชั่วขณะ และร่างกายของเธอก็อ่อนยวบลง จากนั้นเจ้าของ ‘เสื้อผ้าหนังสัตว์’ ที่ตนพยายามจะฉีกทึ้งก่อนหน้านี้ก็มาคร่อมอยู่เหนือตัวเธอ
“เจ้าอยากนอนกับข้าจริง ๆ หรือ?” มังกรหนุ่มเอ่ยถามด้วยเสียงแหบแห้ง พลางก้มลงมองใบหน้าที่มีเสน่ห์ใกล้ ๆ
ปัจจุบันแก้มของจิ้งจอกสาวแดงระเรื่อประหนึ่งก้อนเมฆสีแดงบนท้องฟ้า ใบหน้าหล่อคมสะท้อนให้เห็นในดวงตาหวานฉ่ำน้ำ ขณะนี้หญิงสาวรู้สึกว่าภาพตรงหน้าที่ชวนให้วิงเวียนยิ่งหมุนเร็วมากขึ้น ไม่นานเธอก็พยักหน้าตอบกลับไป
“นอนสิ ทำไมจะไม่นอน”
ต่อมา หลงโม่ยื่นมือออกไปแตะคางของหูเจียวเจียวให้เงยหน้าขึ้นสบตากับเขา
แล้วเสียงนุ่มทุ้มก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มั่นใจ
“ข้าเป็นใคร?”
ฝ่ายที่ถูกถามเอียงศีรษะ ก่อนจะเอื้อมมือไปประคองใบหน้าคมคายมามองใกล้ ๆ จากนั้นเธอก็ใช้นิ้วถ่างเปลือกตาตัวเองเพื่อบังคับให้มันเบิกกว้างขึ้น และมองอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังอยู่ 2-3 วินาที
ยามนี้หลงโม่สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นและหอมหวานกำลังพ่นรดบนใบหน้าของตน
แล้วชายหนุ่มก็รู้สึกหัวใจพองโต ราวกับว่ามือของหญิงสาวกุมหัวใจเขาไว้แน่น
ในวินาทีถัดมา ชายร่างสูงได้ยินเสียงพ่นลมของผู้หญิงตัวเล็กก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“เจ้าโง่หรือไง เจ้าคือหลงโม่ นี่เจ้าไม่รู้แล้วหรือว่าตัวเองเป็นใคร เจ้าโง่เอ๊ย...”
ขณะที่จิ้งจอกสาวพูด เธอใช้มือ 2 ข้างขยี้แก้มของคนตรงหน้าเบา ๆ เหมือนหมั่นเขี้ยวอะไรบางอย่าง
จนกระทั่งความมืดในดวงตาลึกล้ำของมังกรหนุ่มจางหายไป แล้วแทนที่ด้วยความร้อนแรง
ครู่ถัดมา มือใหญ่บีบมือเล็กที่วางอยู่บนใบหน้าของตัวเองและนัยน์ตาสีทองก็จ้องมองดวงหน้าอันงดงามอย่างหลงใหล “เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าต้องการร่วมเตียงกับข้า... เจ้าจะไม่เกลียดข้า และเจ้าจะไม่เสียใจ...”
นี่เป็นโอกาสสุดท้าย ถ้านางไม่ต้องการ… เขาก็จะไป
“ร่วมเตียง...” ดวงตาที่มัวหมองของหูเจียวเจียวฉายแววสับสน จากนั้นเธอก็หลุบตาลง ก่อนจะเผยรอยยิ้มหวาน
“ทำไมข้าต้องเสียใจด้วย เจ้าคือคนที่ดีที่สุดที่ข้าเคยพบมาในชีวิต นอกจากพ่อแม่และพี่ชายของข้า”
“เจ้าดีกับข้ามาก ข้าก็อยากจะดีกับเจ้าเหมือนกัน!”
หลังจากที่จิ้งจอกสาวพูดจบ เธอก็นึกอะไรบางอย่างได้จึงหดคอกลับพร้อมพูดอย่างเขินอายว่า
“ก็แค่... เจ้าหายโกรธข้าได้ไหม ข้าผิดเองที่ไล่เจ้าออกจากเผ่า ข้ารู้ว่ามันผิด เจ้าอย่าฉีกข้าเป็นชิ้น ๆ ได้ไหม...”
แม้ว่าหญิงสาวจะเมา แต่ภาพที่เจ้าจอมวายร้ายฉีกร่างเธอแบบโหดเหี้ยมก็ยังแจ่มชัดในความทรงจำ
อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นเงามืดที่ฝังลึกที่สุดในใจของหูเจียวเจียว
ในขณะเดียวกัน หลงโม่รู้สึกประทับใจในตัวหญิงสาวอีกครั้ง ในโลกนี้ ไม่มีภูตคนใดเคยพูดกับเขาว่าอยากจะทำดีกับเขาบ้าง
นางเป็นคนแรก…
ประโยคนี้ทำให้ความคับข้องใจหลายปีของชายหนุ่มมลายหายไป
“ไม่โกรธหรอก” หลงโม่มองลึกเข้าไปในดวงตาของหูเจียวเจียวนิ่ง นัยน์ตาของทั้ง 2 สบประสานกัน และเขาก็เอ่ยคำสัญญาเสียงเบาว่า “ข้าจะไม่โกรธเจ้า”
ทางด้านหูเจียวเจียวที่กำลังเมาไม่รู้ว่าอีกคนพูดอะไรเลย เธอได้ยินเพียงคำว่า ‘ไม่โกรธ’ แล้วดูเหมือนว่าเธอจะพึงพอใจกับคำตอบของเขามาก รอยยิ้มสวยและเย้ายวนจึงปรากฏบนใบหน้าแดงก่ำ
ภาพนั้นทำให้มังกรหนุ่มไม่สามารถรั้งตัวเองไว้ได้อีกต่อไป เขาเอนตัวไปจูบที่ริมฝีปากอวบอิ่มตรงหน้าด้วยความหลงใหล
แคว่ก!
หนังสัตว์ที่หญิงสาวไม่สามารถฉีกทึ้งออกไปได้เมื่อกี้นี้กลายเป็นกระดาษแผ่นหนึ่งในมือของหลงโม่ มันร่วงลงกับพื้นพร้อมกับเสียงฉีกขาด
ดวงตาสีทองคู่สวยเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความรักใคร่ การเคลื่อนไหวของเขานุ่มนวลราวกับว่าเขากำลังจับต้องสมบัติที่เปราะบาง…
บัดนี้คลื่นความร้อนภายในห้องถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันดั่งคลื่นที่ซัดเข้าหาชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง
เมฆและดวงจันทร์บนท้องฟ้าพัวพันกันอย่างไม่รู้จบ ภายใต้ก้อนเมฆสีขุ่น มีแสงจันทร์นวลผ่องส่องลงมาเป็นระยะโดยสะท้อนเงา 2 ร่างที่แนบชิดกันจาง ๆ หลังหน้าต่าง
…
อีกด้านหนึ่ง
หูเฉียงกับหูหมินพาลูกชายทั้ง 4 คนกลับบ้าน
แม้ว่าปากของทั้งคู่จะบอกเช่นนั้น แต่ความจริงแล้วคนเป็นพ่อกลายร่างเป็นจิ้งจอกพาภรรยาไปเดินเล่นในเผ่า แล้วเดินกลับบ้านกันโดยทิ้งลูกชายทุกคนไว้ข้างหลัง
สถานการณ์ทางด้าน 4 พี่น้องตระกูลหู หูชิงซานผู้เป็นพี่ใหญ่เคยชินกับการกระทำของพ่อแม่ตัวเอง เขาจึงเว้นระยะห่างจากผู้อาวุโสทั้ง 2 ไปทันที
ขณะที่เขากำลังเดินไปตามทาง หูชิงเกาที่เป็นน้องรองก็หันมองไปรอบ ๆ แล้วพูดขึ้นมาอย่างสงสัย
“ชิงหยวนอยู่ไหน ทำไมชิงหยวนถึงหายไป?”
จากนั้นหูชิงซานกับหูชิงหลู่ก็รู้ว่ามีคนหายไป จึงส่ายหัวตอบพี่น้องคนรอง
“ไม่รู้สิ เมื่อกี้เขาไม่ได้ออกมากับเราหรือ?” พี่ชายคนโตขมวดคิ้ว “ข้าจะกลับไปตามหาเขา”
แต่หูชิงหลู่ผู้เป็นน้องสามคว้าตัวเขาไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ “หาเขาทำไม? เขาโตแล้วแถมยังเป็นผู้ชายด้วย เขาไม่หลงทางหรอก”
เมื่อหูชิงซานได้ยินเช่นนี้ คิ้วของเขาที่ขมวดอยู่ก็คลายลง
“ใช่แล้ว ชิงหยวนไม่ใช่เด็กผู้หญิงสักหน่อย ปล่อยเขาไปเถอะ เดี๋ยวเขาก็กลับมาเองแหละ”
หลังจากที่พูดคุยกันจบ พี่น้องทั้ง 3 คนก็ไม่มีใครสนใจน้องชายคนที่ 4 และเดินกลับบ้านกันไปอย่างไร้กังวล
---------------------------------------------
หมายเหตุ: เสี่ยวเถียวขออนุญาตแก้ไขเนื้อหาจากวรรค ‘แม้ว่าคืนที่เกิดเหตุเขาจะหมดสติไปเพราะเผลอกินผลไม้มีพิษในป่าเข้า’ เป็น ‘แม้ว่าคืนที่เกิดเหตุเขาจะขาดสติไปเพราะเผลอกินสัตว์ติดพิษซึ่งมันได้กินผลยาปลุกกำหนัดในป่าเข้า’ นะคะ ต้องขออภัยด้วยค่ะ