ตอนที่ 189: พลังพิเศษของเซิร์ก
ตอนที่ 189: พลังพิเศษของเซิร์ก
ไม่น่าเชื่อว่ารูที่เกิดจากความเสียหายของยานลำนี้เพียงแค่รูเดียวก็มีขนาดมากพอให้โทมาฮอว์กสามารถเคลื่อนที่ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย
“เปิดไฟส่องสว่างเต็มกำลัง” เซี่ยเฟยสั่งการขณะที่มือทั้งสองข้างยังคงจับพวงมาลัย
พรึบ!
สิ้นคำสั่งไฟค้นหาความเข้มสูง 16 ดวงก็ยื่นออกมาจากใต้เกราะของโทมาฮอว์กพร้อมกับส่องแสงสว่างสีขาวไปทั่วทุกทิศทาง
เซี่ยเฟยทำการประเมินภายในใจว่าความหนาของชั้นเกราะและความหนาของโครงสร้างยานลำนี้สมควรจะมีความหนาไม่น้อยกว่า 100 เมตร ยิ่งไปกว่านั้นโลหะที่นำมาสร้างชั้นเกราะรอบตัวยานยังเป็นโลหะผสมต่อต้านไอออน ทำให้ไม่มีเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ สามารถสแกนผ่านชั้นเกราะของยานลำนี้ได้
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยกลับให้ความสำคัญกับสิ่งที่ทำลายยานลำนี้ลงมากกว่า เพราะเขาไม่สามารถนึกภาพออกได้จริง ๆ ว่าปืนใหญ่ประเภทไหนถึงสามารถทำลายเกราะหนา ๆ ของยานลำนี้ได้ และถ้าหากอาวุธทำลายล้างสูงชิ้นนี้ได้ยิงเข้าใส่ยานบัญชาการในปัจจุบันจริง ๆ มันก็อาจจะทำลายยานที่แข็งแกร่งที่สุดในพันธมิตรได้ด้วยกระสุนเพียงแค่นัดเดียว
หากอาวุธที่ทรงพลังชิ้นนี้ได้ยิงเข้าใส่ดาวโลก มันก็คงจะทำให้โลกทั้งใบระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที
โทมาฮอว์กบินเข้าไปภายในยานขนาดใหญ่คล้ายกับแมลงวันที่หลงเข้าไปภายในคฤหาสน์ และถึงแม้ว่าโทมาฮอว์กจะเป็นยานที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่มันก็ไม่สามารถเทียบชั้นกับยานลำมหึมาลำนี้ได้เลย
ในความเป็นจริงยานรบทั้งหมดที่มีอยู่ในพันธมิตรก็ไม่สามารถนำมาเทียบชั้นกับยานลำมหึมาลำนี้ได้ แม้แต่ยานบัญชาการขนาดใหญ่จากบริษัทบิ๊กโฟร์ก็ยังไม่ใช่ข้อยกเว้น
เมื่อได้มีแสงส่องสว่างปล่อยออกมาจากตัวยาน ในที่สุดพวกเซี่ยเฟยก็ได้เห็นภาพภายในยานลำนี้อย่างชัดเจน
“โอ้พระเจ้า! นี่มันเมืองชัด ๆ” แฮร์ริสอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ฉันคิดว่ามันไม่ใช่เมือง แต่มันเป็นดาวเคราะห์เคลื่อนที่ต่างหาก” เซี่ยเฟยส่ายหัวด้วยใบหน้าที่จริงจัง
—
หลังจากใช้เวลาสำรวจไปประมาณ 1 ชั่วโมงเซี่ยเฟยก็ค่อย ๆ ขับโทมาฮอว์กออกจากยานลำมหึมาอย่างช้า ๆ แต่ความตกใจที่เกิดขึ้นจากภาพภายในยานยังคงตรึงตราอยู่ในใจของทุกคน
ยานลำนี้อยู่เหนือเกินกว่าจินตนาการของมนุษย์ในยุคนี้ไปไกลจนทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสงสัยว่าใครเป็นคนสร้างมันขึ้นมากันแน่
แฮร์ริสตัดสินใจเดินกลับไปที่ห้องด้วยความสงสัยเพื่อทำการวิจัยของเขาต่อไป จึงเหลือเพียงแค่เซี่ยเฟยกับอันธที่อยู่ภายในห้องบัญชาการ
“ฉันว่าภายในยานมันแปลก ๆ ปกติยานลำใหญ่แบบนี้น่าจะบรรทุกพวกอาวุธอุปกรณ์เอาไว้เป็นจำนวนมากไม่ใช่หรอ?” อันธตั้งข้อสงสัย
“ฉันว่ายานลำนี้มันยังสร้างไม่เสร็จ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“สร้างไม่เสร็จ?”
“ใช่ เสายึดยังติดอยู่กับตัวยานด้านหนึ่งอยู่เลย หมายความว่ายานลำนี้ถูกโจมตีในระหว่างการก่อสร้างและระบบไฟฟ้าภายในตัวยานยังไม่ทันจะได้ทำการติดตั้งเลยด้วยซ้ำ” เซี่ยเฟยกล่าว
หลังจากได้ฟังการวิเคราะห์ของเซี่ยเฟยแล้วอันธก็พยายามนึกถึงภาพภายในยานเมื่อสักครู่ ซึ่งทุกอย่างมันก็เป็นไปตามที่ชายหนุ่มได้พูดเอาไว้จริง ๆ ว่ามันยังมีพื้นที่หลายส่วนภายในยานที่อยู่ในขั้นตอนของการประกอบ
“น่าเสียดายที่ยานลำนี้ยังสร้างไม่เสร็จ แต่ใครล่ะที่มีพลังมากพอทำลายยานขนาดใหญ่แบบนี้ได้?” อันธตั้งข้อสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำลายยานลำนี้ แต่ดูจากร่องรอยการทำลายของตัวยานแล้วมันย่อมเป็นยานที่มีความแข็งแกร่งไม่ต่างไปจากยานมหึมาลำนี้แน่นอน”
“นอกจากนี้ชั้นเกราะที่เสียหายตรงนี้มีความเรียบที่สูงมาก ฉันคิดว่ามันน่าจะถูกยิงจากพวกปืนใหญ่ประเภทเลเซอร์ ส่วนตรงนี้มีความเสียหายคล้ายรูปดาวมีโอกาสที่มันจะถูกยิงจากลูกระเบิดขนาดใหญ่ ส่วนตรงนั้นมีความเสียหายเป็นรูปไม้กางเขนฉันคิดว่าพวกมันน่าจะถูกทำลายจากพวกมิสไซล์หรือตอร์ปิโด”
“หากวิเคราะห์จากความเสียหายที่เกิดขึ้นทั่วทั้งตัวยาน มันก็มีโอกาสสูงมากที่ศัตรูจะไม่ใช่ยานรบเพียงแค่ลำเดียวแต่เป็นกองยานขนาดใหญ่ที่รุมจู่โจมมันจนพัง”
เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากที่เขาพยายามทำการวิเคราะห์ภาพที่เห็น
ท้ายที่สุดบาดแผลที่เกิดขึ้นจากอาวุธแต่ละชนิดก็มีความแตกต่างกัน เซี่ยเฟยจึงชี้ไปยังจุดเสียหายพร้อมกับทำการวิเคราะห์ขึ้นมาทีละจุด
“นายคิดว่ามียานรบกี่ลำที่จู่โจมเข้าใส่ยานลำนี้” อันธถาม
“ฉันเดาได้แค่มันมีเยอะมาก ๆ และยานรบที่โจมตีก็น่าจะมีขนาดกับอำนาจการยิงไม่น้อยกว่ายานลำนี้” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายกำลังจะบอกว่ายานรบที่มาโจมตีอาจจะมีขนาดใหญ่กว่ายานลำนี้อีกหรอ?!” อันธอุทานด้วยความตกตะลึง
“ใช่” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
คำอธิบายนี้ถึงกับทำให้อันธพูดไม่ออก เพราะถ้าหากว่าคำอธิบายของเซี่ยเฟยเป็นความจริงมันก็หมายความว่ายานลำมหึมาขนาดนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ลำเดียวในจักรวาล แล้วมันก็มีโอกาสที่มันจะมีกองยานขนาดมหึมาพวกนี้อยู่ในจักรวาลด้วย
“ฉันเดาว่าสิ่งมีชีวิตที่สร้างยานรบลำนี้ไม่น่าจะใช่มนุษย์ เพราะความสูงของทางเดินอยู่ที่ประมาณ 2.2 เมตรเท่านั้น พวกมันน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาและมีขนาดตัวที่ไม่สูงมากนัก พวกมันจึงสร้างทางเดินเอาไว้สูงเพียงแค่นั้น” เซี่ยเฟยทำการวิเคราะห์ยานอวกาศต่อไป
ความสูงของมนุษย์ทั่วทั้งพันธมิตรอยู่ที่ประมาณ 1.8 เมตรแล้วมันก็มีมนุษย์บางดาวที่มีความสูงได้ถึง 2.5 เมตร ดังนั้นมนุษย์จึงไม่มีทางสร้างทางเดินที่มีขนาดความสูงเพียงแค่ 2.2 เมตรขึ้นมาอย่างแน่นอน ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่สร้างยานลำนี้ขึ้นมาน่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาเผ่าพันธุ์อื่นที่ไม่ใช่มนุษย์
“ถ้ากองยานที่ทำลายยานลำนี้บุกเข้าจู่โจมพันธมิตรจริง ๆ ถึงเวลานั้นพันธมิตรคงจะแย่แน่ ๆ” อันธกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีของกองยานที่ทำลายยานรบลำนี้แข็งแกร่งกว่าเทคโนโลยีผลิตยานรบของพันธมิตรในปัจจุบัน ซึ่งถ้าหากว่ากองยานพวกนี้บุกเข้าโจมตีพันธมิตรจริง ๆ กองยานของพันธมิตรก็แทบที่จะไม่มีโอกาสต่อกรกองยานพวกนั้นได้เลย
“พื้นที่สีม่วงของลุงพอตเตอร์ช่างน่าสนใจจริง ๆ พื้นที่หมายเลข 1 ก็มีบล็อกหินก่อตัวเป็นตัวอักษรที่พวกเราไม่เข้าใจ ส่วนพื้นที่หมายเลข 2 ก็มียานรบที่มีเทคโนโลยีเหนือกว่าพันธมิตรมนุษย์ไปไกล ที่สำคัญคือกองยานที่ทำลายยานรบลำนี้มียานรบที่แข็งแกร่งกว่ายานรบลำนี้เสียอีก ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าฉันจะได้เจออะไรในพื้นที่หมายเลข 3” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ฉันแค่หวังว่าพื้นที่หมายเลข 3 จะปลอดภัย อย่าให้มันมีอะไรแปลก ๆ พวกนี้ปรากฏขึ้นมาอีกเลย” อันธกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“มันก็ดีแล้วนี่ที่เราได้มาพบของพวกนี้ก่อน อย่างน้อยตอนนี้เราก็ได้รู้แล้วว่ามันมียานรบขนาดใหญ่แบบนี้อยู่ในจักรวาล” เซี่ยเฟยกล่าวแย้งอย่างไม่เห็นด้วย
หลังจากใช้ไมโครคอมพิวเตอร์บันทึกตำแหน่งยานลำมหึมาเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเฟยก็มุ่งหน้าตรงไปยังพื้นที่หมายเลข 3 เพื่อตามหาพอตเตอร์ต่อไป
ภายใต้แผนที่ที่พอตเตอร์ได้ลงสีเอาไว้ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีสิ่งมหัศจรรย์ให้น่าค้นหาอย่างมากมาย และมันก็มีโอกาสสูงมากที่พอตเตอร์จะรู้เรื่องพวกนี้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าหากเซี่ยเฟยต้องการจะไขปริศนาพวกนี้ให้ได้จริง ๆ เขาก็จำเป็นจะต้องหาตัวพอตเตอร์ให้เจอเสียก่อน
—
โทมาฮอว์กเริ่มออกเดินทางอีกครั้งโดยมีเป้าหมายเป็นพื้นที่สีม่วงหมายเลข 3 ที่เซี่ยเฟยกำลังรอคอยว่ามันจะมีสิ่งมหัศจรรย์อะไรรอเขาอยู่
ตำแหน่งหมายเลข 3 อยู่ห่างจากตำแหน่งหมายเลข 2 ค่อนข้างไกล โทมาฮอว์กจึงจำเป็นจะต้องทำการวาร์ปถึง 6 ครั้งเพื่อเดินทางไปยังตำแหน่งเป้าหมาย
เซี่ยเฟยนั่งบนเก้าอี้กัปตันพร้อมกับนึกถึงยานอวกาศลำมหึมา
สิ่งที่เขารู้สึกประหลาดใจมากที่สุดคือพื้นที่แรงโน้มถ่วงสูงแบบนี้ย่อมเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมสำหรับการผลิตยานรบอย่างแน่นอน เพราะแม้แต่มนุษย์ที่มีพลังพิเศษอย่างเซี่ยเฟยยังไม่สามารถอยู่ภายใต้แรงโน้มถ่วงอันรุนแรงพวกนี้ได้นาน
เป็นไปได้ไหมว่าเมื่อก่อนพื้นที่นี้อาจจะไม่ใช่พื้นที่แรงโน้มถ่วงสูง?
ในขณะที่เซี่ยเฟยกำลังคิดอยู่นั้นเสียงของแฮร์ริสก็ดังขึ้นมาจากเครื่องสื่อสาร
“เซี่ยเฟยมานี่เร็วเข้า! ผลวิเคราะห์เบื้องต้นของศพเซิร์กที่คุณให้ออกมาแล้ว”
เซี่ยเฟยลุกยืนขึ้นก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในห้องของแฮร์ริส
แฮร์ริสสามารถทำการวิเคราะห์ศพแมลงตัวนี้ได้อย่างรวดเร็วจริง ๆ แม้ว่าอุปกรณ์บนตัวยานจะมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งเหมาะสมแล้วที่ครั้งหนึ่งเขาเคยได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะของพันธมิตร
“มีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถาม
ภายในห้องของแฮร์ริสเต็มไปด้วยอุปกรณ์แปลก ๆ อย่างมากมาย โดยอุปกรณ์พวกนี้เป็นอุปกรณ์ที่ชายชราพยายามรวบรวมในระหว่างที่เขาท่องไปในจักรวาลเป็นเวลาหลายสิบปี และถึงแม้ว่าหน้าตาของพวกมันจะดูค่อนข้างอัปลักษณ์แต่อย่างน้อยพวกมันก็สามารถนำมาใช้งานได้
“ฉันได้พบกับสารที่คล้าย ๆ กับซีโร่ดีกรีเมสันที่ปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของมนุษย์ หลังจากที่ฉันได้ทำการทดสอบเบื้องต้นสารชนิดนี้ก็มีความคล้ายคลึงกับซีโร่ดีกรีเมสันมากถึง 90%” แฮร์ริสกล่าวอย่างจริงจัง
“หือ? ในสมองของเซิร์กมีสารซีโร่ดีกรีเมสันอยู่ด้วยงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับขมวดคิ้ว
แฮร์ริสพยักหน้าก่อนที่จะทำการส่งหลอดแก้วที่มีเนื้อเยื่อเซลล์สมองชิ้นเล็ก ๆ ให้กับชายหนุ่ม
“พื้นที่สมองของแมลงตัวนี้ถูกปิดผนึกด้วยสารที่คล้ายกับซีโร่ดีกรีเมสัน แต่การปิดผนึกไม่ใช่การปิดผนึกอย่างสมบูรณ์ เมื่อรวมกับสถานการณ์ที่คุณเคยอธิบายมาฉันก็สามารถอนุมานได้ว่ามันน่าจะเป็นเซิร์กที่มีพลังพิเศษ”
“เซิร์กที่มีพลังพิเศษ!” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับชะงักค้างไป
หลังจากที่เขาได้อ่านงานวิจัยเกี่ยวกับสมองของแฮร์ริส เขาก็พอจะคาดเดาเรื่องที่เซิร์กมีพลังพิเศษเอาไว้ด้วยเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่เคยหวังว่ามันจะเป็นข้อมูลที่ได้รับการยืนยันอย่างรวดเร็วขนาดนี้
“นายแน่ใจใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถาม
“ฉันเคยได้รับการยืนยันเมื่อนานมาแล้วว่าภายในสมองของพวกเซิร์กมีสารที่คล้ายกับซีโร่ดีกรีเมสันถูกปิดผนึกเอาไว้ แต่มันก็ไม่เคยมีรายงานว่ามนุษย์ได้พบกับเซิร์กที่สามารถใช้พลังพิเศษได้ ดังนั้นพวกเราจึงไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วพวกเซิร์กสามารถทำอะไรได้บ้าง”
“แต่เมื่อฉันได้นำเซลล์สมองของแมลงตัวนี้ไปทำการวิเคราะห์ประกอบกับคำอธิบายเหตุการณ์ที่คุณได้เล่ามา มันก็มีโอกาสสูงมากที่แมลงตัวนี้จะเป็นผู้ใช้พลังพิเศษ แล้วมันก็เป็นพลังพิเศษชนิดเดียวกันกับคุณนั่นก็คือพลังพิเศษสายความเร็ว!” แฮร์ริสกล่าว
“ถ้าพวกเซิร์กมีพลังพิเศษมันก็มีโอกาสสูงมากที่เผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาทั้งหมดในจักรวาลจะมีพลังพิเศษด้วยเหมือนกัน แล้วทำไมจู่ ๆ พลังพิเศษของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นถึงค่อย ๆ หายไป?” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเอง
แฮร์ริสโยนศพของเซิร์กกลับเข้าไปในแหวนมิติก่อนที่เขาจะได้พูดขึ้นมาด้วยท่าทางอันตื่นเต้น
“คุณอ่านงานวิจัยของฉันอย่างละเอียดขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ข้อมูลงานวิจัยของนายละเอียดมาก ฉันอ่านข้อมูลทุกอย่างหมดแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ฉันเคยพูดถึงทฤษฎีเรื่องนี้ในงานวิชาการของพันธมิตรเมื่อนานมาแล้ว แต่ไอ้บ้าพวกนั้นเชื่อว่าเผ่าพันธุ์ที่มีพลังพิเศษมีเพียงเผ่าพันธุ์มนุษย์เท่านั้น แต่ศพที่คุณให้มาเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีว่าทุกเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาต่างก็สามารถใช้พลังพิเศษได้เหมือนกัน” แฮร์ริสกล่าวด้วยรอยยิ้มเมื่อมีคนเห็นด้วยกับทฤษฎีของเขา
“ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงอยากให้มนุษย์ทุกคนเปิดใช้งานพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้อย่างเต็มที่” แฮร์ริสกล่าวถาม
***************