ตอนที่แล้วตอนที่ 1079 โอ้.. เว่ย เจี้ยนเซิง ได้พา หัว อี้อู่ มาหาเขา?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1081 คุณหลิน ตอนนี้มีแต่คุณเท่านั้นที่จะสามารถช่วยเขาได้แล้ว ฉันขอร้องล่ะคะ!

ตอนที่ 1080 คุณออกไปบอกพวกเขาว่า ..รออย่างเชื่อฟังดีกว่า ไม่อย่างงั้นก็ไสหัวไปซะ


เมื่อพอได้ยิน อู๋ ต๋า พูดว่า.. มีต้นกล้าที่ยอดเยี่ยมต้นหนึ่ง หลินฟาน ก็ได้เกิดความสนใจขึ้นมาทันที : “สถานการณ์ของเขา.. เป็นยังไง?”

อู๋ ต๋า กล่าวว่า : “เด็กหนุ่มอัจฉริยะคนนี้มีชื่อว่า อู๋เหลย ปีนี้อายุ 17 ปี.. เขามีความสามารถมาก ทั้งฉันเองก็เหมือนกับได้เห็นเงาของตัวเองในวัยเด็ก พรสวรรค์ของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก ถ้าเขาสามารถมาเตะบอลได้ อนาคตของเขาคงยากจะคิดฝันได้อย่างแน่นอน! แต่.. น่าเสียดายที่เขาไม่ยอมมาเตะบอล เพราะเขาอยากที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาอยากที่จะเรียนให้จบปริญญาเอกในอนาคต เพราะนี่.. มันคือความคาดหวังของครอบครัวเขา ..ที่มันมีต่อเขา”

หลินฟาน ร้องโอ้.. ออกมา และกล่าวไปว่า : “แล้ว.. เขาคิดเห็นอย่างไร?”

อู๋ ต๋า ได้ถอนหายใจ แล้วพูดว่า : “เขาได้บอกฉันว่า.. เขาก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่ฉันสามารถมองเห็นได้จากสายตาได้ว่า เขามีความรักให้กับฟุตบอล ทั้งดูเหมือนมันจะสำคัญกับเขามาก แต่สุดท้ายเขาก็ได้ถูกทางครอบครัวค้าน แต่ที่ยิ่งน่าเสียดายไปกว่านั้นคือ เป็นฉันเองที่ได้พยายามโน้มน้าวครอบครัวของเขาแล้ว แต่พอทันทีที่ครอบครัวของเขาได้ยินว่าฉันจะชวน อู๋เหลย ไปลงเล่นฟุตบอล พวกเขาก็ได้ไล่ฉันออกมาทันที โดยไม่พูดอะไรสักคําอีก”

หลินฟาน ได้พยักหน้า แล้วพูดไปว่า : “ผมเองเข้าใจความคิดของพวกเขานะ โดยทั่วไปแล้ว สําหรับเด็กๆ ในสมัยนี้ การเรียนหนังสือเองดูเป็นทางออกที่ดีที่สุดจริงๆ หากเรียนให้ดีๆ และสามารถเรียนจบปริญญาเอกได้ในอนาคต หลังจากสําเร็จการศึกษาออกมาแล้ว แน่นอนว่าสถานะทางสังคม รวมถึงระดับชนชั้นก็จะสูงขึ้นตามไป แต่เมื่อลองเอาไปเทียบกับทางออกอื่นๆ แล้ว มันกลับดูน่าเชื่อถือ ..กว่ามากจริงๆ”

อู๋ ต๋า กล่าวว่า : “นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากจะพูด..  แต่ต้นกล้าที่ดีเช่นนี้ สูญเสียไปแบบนี้แล้ว มันก็น่าเสียดายมากจริงๆ.. เอาเข้าจริงๆ หรือว่าอนาคตของเด็กๆ ไม่ควรตัดสินใจด้วยตัวของพวกเขาเอง แต่สมควรให้ผู้ปกครองเป็นคนตัดสินใจให้ ..งั้นหรือ?”

หลินฟาน กล่าวว่า : “อันนี้.. มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และจริงๆ แล้วอํานาจการตัดสินใจก็ยังคงอยู่ในมือของผู้ปกครอง ผู้ปกครองบางคนมีความตั้งหวังในตัวลูกๆ ของพวกเขา ในประเทศจีน.. เรื่องนี่อาจกล่าวได้ว่าเป็นปรากฏการณ์โดยทั่วไป ที่เรียกว่าหวังให้ลูกกลายเป็นมังกร ผู้ปกครองเมื่อได้เห็นลูกเกิดมา พวกเขาก็ได้วางแผนอนาคตไว้ให้กับพวกเขาแล้ว ผู้ปกครองหลายคนถึงกับใช้ลูกเป็นเครื่องมือ เพื่อชดเชยความเสียใจในชีวิตของพวกเขา ..จากในอดีต ตัวอย่างเช่น ผู้ปกครองคนหนึ่งอยากเป็นครู แต่ตัวเขาเองทำไม่ได้เพราะด้วยเหตุผลหลายประการ จึงอยากให้ลูกมาทำแทนตน มันก็ถือได้ว่าเป็นการสานฝันให้เขาสำเร็จ ผมไม่ได้พูดถึงทั้งหมดหรอกนะ แต่แน่นอนว่ามีผู้ปกครองที่รู้แจ้งหลายคนที่พวกเขาได้เคารพการตัดสินใจ และมอบทางเลือกนี่ให้กับเหล่าเด็กๆ”

อู๋ ต๋า เผยแววตาสับสนออกมา แล้วพูดว่า : “ผู้ปกครองแบบนี้ดีจริงๆ เหรอ? เด็กๆ สมควรมีความคิดที่เป็นอิสระ ไม่ใช่เครื่องมือที่จะช่วยให้พวกเขาทําความฝันให้สําเร็จ..”

หลินฟาน ได้ยักไหล่ : “งั้นคุณมีวิธีอะไร เหล่าเด็กๆ ก็เป็นของพวกเขา ไม่ใช่ของคุณ พวกเขามีอํานาจเหนือลูกๆ เขามีสิทธิ์ที่จะควบคุมลูกๆ ได้ ถ้าคุณก้าวก่ายเข้าไปยุ่ง คนอื่นเองคงจะไม่ซาบซึ้งในตัวคุณหรอกนะ”

อู๋ ต๋า ได้ยิ้มอย่างขมขื่น แล้วพูดว่า : “เป็นแบบนั้นจริงๆ วันนั้นฉันไปพบผู้ปกครองของ อู๋เหลย คนอื่นก็เกือบจะเอาไม้กวาดออกมาไล่ฟาด ฉันให้ออกไปแล้ว ฮ่าๆ”

หลินฟาน ยิ้ม แล้วพูดว่า : “ไม่เป็นไร เป็นเรื่องดีที่ อู๋เหลย สามารถมาได้ แต่ถ้ามาไม่ได้ ..ก็ไม่เป็นไร ผมเองเชื่อว่าเราสามารถขุดค้นหาคนที่มีความสามารถ มีพรสวรรค์ ในอนาคต ..ได้มากกว่านี้”

อู๋ ต๋า ก็ดูยังไม่เต็มใจเล็กน้อย เขาได้พูดว่า : “เจ้านาย ถ้าคุณออกหน้าไปเอง.. อีกอย่างคุณก็คือคนที่ร่ำรวยที่สุดในหยุนเฉิง ผู้ปกครองของ อู๋เหลย ก็น่าจะไม่ไล่คุณออกไป”

หลินฟาน ส่ายหัว และพูดไปว่า : “ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากไป เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับตัวของ อู๋เหลย เป็นหลัก ถ้าเขายังอยากที่จะเป็นลูกที่ดีเชื่อฟังพ่อแม่ ก็เท่ากับไร้ประโยชน์.. ไม่ว่าใครก็ตาม บอกตามตรง.. คนที่ผมชอบมากกว่าคือคนที่สามารถควบคุมอนาคตไว้ในมือของตัวเองได้ คุณเองได้โยนโอกาสลงไปต่อหน้าเขาแล้ว ถ้าเขาเลือกที่จะไม่มา คุณเองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจ”

อู๋ ต๋า ได้ตกตะลึง และอดไม่ได้ที่จะชื่นชม หลินฟาน อย่างไม่มีที่สิ้นสุด บางครั้งเขาเองก็ยังคิดไม่ออกจริงๆ หลินฟาน เขาเองก็ยังคงดูเป็นเด็กวัยรุ่นอายุเพียง 21 ปี แต่ความคิดที่ลึกซึ้งของ หลินฟาน.. ทั้งรูปแบบความคิดเช่นนี้ของ หลินฟาน นั่นมันสมควรที่จะเป็นสิ่งที่คนวัยกลางคน หรือแม้แต่ผู้สูงอายุจํานวนมาก ไม่สามารถเอื้อมถึงได้

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ หลินฟาน สามารถกลายมาเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในหยุนเฉิงได้ ..ตั้งแต่อายุยังน้อยๆ เช่นนี้ ถ้าหากคุณพูดว่าใครคือผู้ที่สวรรค์เลือก หลินฟาน นี่แหละ.. เขาคือผู้ที่ถูกสวรรค์เลือก!

ความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ อู๋ ต๋า คือ หลินฟาน ไม่ยอมลงเล่นด้วยตัวเอง ถ้า หลินฟาน ลงมาเป็นนักเตะ ทีมหยุนเฉิง ในตอนนี้ก็จะถือได้ว่าสมบูรณ์แบบ

ในมุมมองของ อู๋ ต๋า หลินฟาน เป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์ที่เก่งที่สุด ทั้งในยุคอดีต และยุคปัจจุบัน ในวันนั้น หลินฟาน ได้เตะลูกแบบวอลเลย์ในสนาม อู๋ ต๋า เองก็ได้เชื่อว่านี่เป็นฉากที่ยอดเยี่ยม และน่าตื่นเต้นที่สุด ทั้งมันก็ได้กลบฉากในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอล ตราบเท่าที่เคยมีมาได้เลย..

น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถลงไปเล่นในสนามอย่างเป็นทางการได้ เพื่อให้ผู้คนทั่วโลกได้เห็น สไตล์การเล่นของ หลินฟาน!

ยิ่งไปกว่านั้น… มันก็สามารถจินตนาการได้ว่าหาก หลินฟาน ได้ก้าวเข้าสู่สนามอย่างเป็นทางการ เขาคนนี้จะสามารถทําให้เกิดความปั่นป่วนได้ทั่วโลก และความสามารถของเขาก็จะครอบคลุมผู้เล่นทุกคนทั้งในอดีต และปัจจุบัน ..ได้โดยตรง

ทั้งสองกําลังพูดคุยกันอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ของสโมสรเดินเข้ามา แล้วพูดว่า : “เจ้านาย ข้างนอกได้มี คุณเว่ย มาบอกว่าเขาต้องการอยากพบกับ เจ้านาย ครับ”

หลินฟาน ได้ร้องโอ้ ขึ้นมาในใจ เว่ย เจี้ยนเซิง มาแล้ว!

หลินฟาน ได้กล่าวขึ้นว่า : “เกมแข่งขันยังไม่จบ ให้พวกเขารอไปก่อน”

เจ้าหน้าที่คนนั้นได้บอกว่า : “แต่ว่า.. พวกเขาดูเหมือนจะร้อนใจมาก ครับ แล้วบอกว่าต้องการพบเจอคุณทันที ทั้งนี้เองพวกเขาก็เกือบที่จะบุกเข้ามาแล้ว แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเราหยุดพวกเขาไว้ได้”

หลินฟาน กล่าวว่า : “คุณออกไปบอกพวกเขาว่า ..รออย่างเชื่อฟังดีกว่า ไม่อย่างงั้นก็ไสหัวไปซะ”

เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ได้รีบปาดเหงื่อเย็นๆ แล้วพูดว่า : “ครับ”

จากนั้นเขาก็ได้ถอยออกมา ในสายตาเขา เจ้านาย.. ก็เผด็จการเกินไปแล้วมั้ง!

หลินฟาน ได้ส่งเจ้าหน้าที่คนนั้นออกไป และได้ดูเกมการแข่งขันกับ อู๋ ต๋า ต่อ พวกเขาได้ดูไปพลางพูดคุยกันไปพลางในระหว่างที่ดู

สามสิบนาทีต่อมา เกมก็ได้จบลง..

หลินฟาน พอใจกับผลงานของนักเตะเหล่านี้มาก อู๋ ต๋า ถือได้ว่าเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยมมาก และมีต้นกล้าที่ดีมากมายในหมู่นักเตะ ..ทีมนี้ ก็ดูมีแนวโน้มที่ดีในอนาคต และนี่คือการตัดสินของ หลินฟาน

หลินฟาน มีพรสวรรค์ทางด้านกีฬาระดับบนสุด การตัดสินนี้ของเขา.. มันจะผิดได้ยังไง?

“เจ้านาย หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ก็จะมีเกมอุ่นเครื่องของซูเปอร์ลีกจีนที่จะเริ่มต้นขึ้น เกมอุ่นเครื่องนี้ ทีมหยุนเฉิงเรา ก็จะไปพบเจอกับสามทีม ได้แก่ ทีมเย่เฉิง ทีมเจียงเฉิง และก็ทีมเจียงซู จากนี้ถือได้ว่า ..ถึงเวลาที่เราจะได้ทดสอบผลลัพธ์จากการแข่งขันเหล่านี้แล้ว” อู๋ ต๋า ได้กล่าวออกมา

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ ในไม่ช้า ไชน่า ซูเปอร์ลีก ก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

“ทีมเจียงซู? เท่าที่ผมรู้ ..พวกเขาเหมือนจะเป็นรองแชมป์ซูเปอร์ลีกครั้งที่แล้ว ใช่ไหม? เกมอุ่นเครื่องนี้เราได้เจอกันกับพวกเขา.. เช่นนี้มันก็ดูน่าสนใจขึ้นมานิดหน่อยแล้ว” หลินฟาน อดที่จะยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้

อู๋ ต๋า กล่าวว่า : “แม้ว่านี่จะเป็นเกมอุ่นเครื่อง แต่ถ้าเราสามารถเอาชนะทีมเจียงซู มาได้ เราเองก็จะสามารถสร้างขวัญกําลังใจได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงเกมอย่างเป็นทางการที่จะต้องเผชิญหน้ากับทีมหางโจว เราก็จะมีความมั่นใจมากขึ้น”

ชัยชนะเหนือทีมหางโจว ของ จิน จิ่วฟู่ นี่ถือได้ว่าเป็นความปรารถนาหนึ่งของ อู๋ ต๋า เขาคงคิดที่อยากจะบอก จิน จิ่วฟู่ ไปว่า ..ในปีนั้นที่ จิน จิ่วฟู่ ได้ไล่เขาออกไป นี่.. ถือเป็นความผิดพลาด!

หลินฟาน กล่าวว่า : “ทําให้ดีที่สุดก็พอ อย่ากดดันตัวเองมากเกินไปครับ”

อู๋ ต๋า ได้พูดออกไปอย่างซาบซึ้งใจว่า : “เจ้านาย ต้องขอบคุณมากที่ได้มาในวันนี้ เจ้านาย เพิ่งแนะนําสิ่งต่างๆ ให้กับฉันมากมายด้วยตัวเอง ทั้งยังได้ให้ความคิดเห็นที่มีค่าแก่ฉัน…”

หลังจากนั้น หลินฟาน ก็ได้เดินเข้าไปพูดให้กำลังใจต่อเหล่านักเตะในสนาม ก่อนที่เขาจะขอตัวออกมา

ระดับโดยรวมของซูเปอร์ลีกในจีน ไม่ได้สูง ด้วยการตัดสินของ หลินฟาน ตอนนี้ทีมหยุนเฉิง เพียงพอแล้วที่จะอยู่ยงคงกระพันในลีก

แน่นอนว่าโลกภายนอกไม่ได้คิดอย่างนั้น มุมมองของโลกภายนอกที่มีต่อ ทีมหยุนเฉิง ในตอนนี้ก็คือ ‘ดูถูก’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่หลินฟาน ซึ่งเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในหยุนเฉิง ได้เข้ามารับช่วงต่อ ทุกคนต่างก็ได้เห็นพ้องกัน และไม่สามารถมองโลกในแง่ดีได้อีก ทั้งนี้มันก็ดูเป็นแค่คนรวยอีกคนหนึ่งที่ไม่เข้าใจฟุตบอลที่เข้ามารับช่วงต่อ ทีมหยุนเฉิง ในตอนนี้ ..ไม่มีความหวังอีกแล้ว

และก็เช่นเดียวกับคนขับแท็กซี่ที่ หลินฟาน ได้ไปพบเจอในวันนั้น เขาได้พูดดูถูก หลินฟาน และทีมหยุนเฉิง ติเตียนด่าว่ากันอย่างรุนแรง..

หลินฟาน ไม่ได้สนใจในเรื่องนี้มากนัก ส่วนโลกภายนอกก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการตบหน้า ทั้งเรื่องตบหน้านี่.. มันก็บังเอิญด้วยว่า ‘เขาถนัด’

หลินฟาน ที่เพิ่งได้เดินออกมาจากสนามฟุตบอล เขาก็ได้ถูกเรียกให้หยุดทันที

“หลินฟาน!”

เสียงที่คุ้นเคยก็ได้ดังขึ้นมา, หลินฟาน แทบไม่ต้องหันไปดูก็รู้ได้ทันทีว่าเป็น เว่ย เจี้ยนเซิง

ผู้ชายคนนี้ ที่ได้รีบพา หัว อี้อู่ มาตามหา หลินฟาน อย่างใจจดใจจ่อถึงขนาดนี้ ..มันเป็นเพราะอะไรกันแน่นะ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด