ตอนที่ 185: เข้าสู่เขตแรงโน้มถ่วงสูง
ตอนที่ 185: เข้าสู่เขตแรงโน้มถ่วงสูง
เนื่องจากเขตทุ่งดาวแห่งความตายอยู่ห่างไกลจากพันธมิตร มันจึงมักที่จะมีเหตุการณ์สตาร์เน็ตเวิร์กถูกตัดขาดอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“ยังไม่ทันรู้เลยว่าคุณตาโทรมาทำไม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเม้มริมฝีปาก
“บังเอิญจริง ๆ ที่สตาร์เน็ตเวิร์กมาขัดข้องช่วงนี้พอดี” อันธกล่าว
“ช่างมันเถอะ! ฉันค่อยติดต่อกลับไปหลังออกมาจากเขตแรงโน้มถ่วงสูงแล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าว
หลังจากนั้นโทมาฮอว์กก็ค่อย ๆ เข้าไปในรูหนอนซึ่งเป็นการวาร์ปครั้งสุดท้ายก่อนเข้าไปในเขตแรงโน้มถ่วงสูง
ไม่กี่นาทีต่อมาโทมาฮอว์กก็ออกมาจากรูหนอนพร้อมกับยานทั่วทั้งลำที่ถูกบีบอัดอย่างรุนแรง ซึ่งแม้แต่เซี่ยเฟยก็รู้สึกราวกับว่ามันได้มีก้อนหินก้อนใหญ่กำลังกดทับร่างกายของเขาอยู่
ระบบแรงโน้มถ่วงภายในยานเริ่มทำการปรับความดันในทันที ซึ่งหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปประมาณ 3 นาทีความดันภายในห้องโดยสารก็ค่อย ๆ กลับเข้าสู่สภาวะปกติ
“มุ่งหน้าตรงไปยังเป้าหมายแรก เครื่องยนต์หมายเลข 1 ทำงานในสัดส่วน 50% ส่วนเครื่องยนต์หมายเลข 2 กับหมายเลข 3 ทำงานในสัดส่วนเครื่องละ 25%” เซี่ยเฟยสั่งงานคอมพิวเตอร์ AI พร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เครื่องยนต์หมายเลข 1 คือเครื่องยนต์ดั่งเดิมที่ติดมากับโทมาฮอว์กอยู่แล้ว และเนื่องจากเครื่องยนต์นี้มีสภาพดีมากที่สุดเขาจึงให้มันทำงานในอัตราส่วน 50% ส่วนเครื่องยนต์หมายเลข 2 กับเครื่องยนต์หมายเลข 3 เป็นเครื่องยนต์เก่าที่เขานำกลับมาใช้งาน เขาจึงให้พวกมันทำงานเพียงแค่เครื่องละ 25%
เปลวไฟสีฟ้าอ่อน 3 เส้นพ่นออกมาจากด้านหลังโทมาฮอว์กเคลื่อนที่ผ่านเศษดาวแรงโน้มถ่วงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และเคลื่อนที่เข้าใกล้ดาวเคราะห์สีกากีด้วยความเร็วประมาณ 3 กิโลเมตรต่อวินาที
“เปิดใช้งานระบบเรดาร์เต็มกำลัง พยายามค้นหาสัญญาณขอความช่วยเหลือจากพื้นที่บริเวณนี้” เซี่ยเฟยสั่งการเสียงเข้ม
ทันใดนั้นระบบเรดาร์ทุกคลื่นสัญญาณของตัวเครื่องก็ทำการปล่อยสัญญาณออกไปอย่างเต็มที่เพื่อพยายามหาสัญญาณขอความช่วยเหลือจากบริเวณนี้ซ้ำ ๆ
เขตพื้นที่แรงโน้มถ่วงสูงจะทำการบิดเบือนสัญญาณทุกอย่างในบริเวณนี้ และถึงแม้ว่าระบบเรดาร์จะสามารถรับสัญญาณได้แต่มันก็ไม่สามารถวิเคราะห์ความหมายของสัญญาณพวกนั้นได้
“เปิดระบบสื่อสารพลังงานสูงพยายามค้นหาสัญญาณใกล้เคียง และพยายามเชื่อมต่อกับสตาร์เน็ตเวิร์กไปด้วย” เซี่ยเฟยสั่งการอีกครั้ง
จู่ ๆ อันธก็รู้สึกเหมือนเซี่ยเฟยเป็นผู้บัญชาการกองยานที่คอยออกคำสั่งต่าง ๆ อย่างเป็นระเบียบ
“สัญญาณเรดาร์ล้มเหลว, ความพยายามเชื่อมต่อสัญญาณบริเวณใกล้เคียงล้มเหลว, ความพยายามในการเชื่อมต่อสตาร์เน็ตเวิร์กล้มเหลว” เสียง AI คอมพิวเตอร์รายงานสถานการณ์
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้ว เพราะถ้าหากว่าแม้แต่ระบบเรดาร์ก็ไม่สามารถทำงานได้มันก็จะทำให้โทมาฮอว์กไม่ต่างไปจากคนหูหนวก ซึ่งถ้าหากว่ามันมีศัตรูโผล่มาข้าง ๆ เขาอย่างกะทันหัน เขาก็จะไม่มีโอกาสรับรู้ถึงตัวตนของศัตรูล่วงหน้าได้เลย
“เริ่มระบบจำลองภาพ เล็งไปที่เป้าหมายแรกแล้วใช้กำลังขยาย 100 เท่า” เซี่ยเฟยกัดฟันออกคำสั่ง
เนื่องมาจากระบบเรดาร์ไม่สามารถทำงานได้ เขาจึงจำเป็นจะต้องใช้ระบบการจับภาพเพื่อวิเคราะห์ว่ามียานของลุงพอตเตอร์อยู่ในบริเวณนี้หรือเปล่า ซึ่งการค้นหาด้วยวิธีการนี้มันก็ทำให้ภารกิจค้นหาของเขายากลำบากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
ไม่นานภาพอันพร่ามัวก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ และเนื่องจากเศษดาวแรงโน้มถ่วงสูงได้รบกวนระบบการจับภาพของโทมาฮอว์กเช่นเดียวกัน มันจึงทำให้ภาพที่ปรากฏขึ้นมาเป็นภาพที่บิดเบี้ยวจนแทบจะมองอะไรไม่ออกเลย
“ประมวลผลภาพแยกออกเป็น 16 ภาพ แล้วเพิ่มกำลังขยายเป็น 500 เท่า”
ระบบ AI เริ่มทำการแบ่งสัดส่วนภาพออกเป็น 16 ภาพและวิเคราะห์ภาพเหล่านี้ในทันที ทำให้ภาพหลังการวิเคราะห์ดูดีกว่าเดิมแต่มันก็ยังคงเป็นภาพที่พร่ามัวจนมองอะไรไม่ออกอยู่ดี
เซี่ยเฟยแอบสบถภายในใจ สถานที่แห่งนี้สมควรที่จะได้รับขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่อันตรายที่สุดในพันธมิตรมนุษย์แล้ว เพราะแม้แต่ระบบจับภาพก็ยังไม่สามารถทำงานได้จนทำให้โทมาฮอว์กไม่ต่างไปจากคนหูหนวก, ตาบอดและเป็นใบ้ในเวลาเดียวกัน
“เข้าใกล้พื้นที่เป้าหมาย บินวนเป็นรูปเกลียวโดยเว้นระดับความสูง 25,000 เมตร ระบบจับภาพเปิดใช้งานเต็มกำลังแล้วประมวลผลภาพทุกภาพโดยการแยกภาพออกเป็น 36 รูป”
เมื่อตกอยู่ในความสิ้นหวังเซี่ยเฟยก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากเข้าไปสังเกตการณ์จากระยะใกล้และพยายามใช้ระบบจับภาพเพื่อหายานของพอตเตอร์
ถึงแม้ว่าการทำแบบนี้จะทำให้ภาพที่ได้รับออกมาชัดเจนแต่มันก็เสียเวลาที่ต้องใช้ในการค้นหาเช่นเดียวกัน โดยดาวเคราะห์ดวงหนึ่งต้องใช้เวลาในการค้นหาประมาณครึ่งวัน แต่มันก็ยังมีดาวเคราะห์อีกมากมายที่เป็นเป้าหมายในการค้นหาของเซี่ยเฟย
ในพริบตาเวลาก็ผ่านไป 2 วันแล้ว โดยในตอนนี้ดวงตาของเซี่ยเฟยเต็มไปด้วยสีแดงก่ำ เพราะเขาจำเป็นจะต้องสังเกตทุกรายละเอียดด้วยตาเปล่า
“ดูเหมือนวิธีการนี้จะไม่ได้ผล ด้วยความเร็วการค้นหาในปัจจุบันฉันคิดว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะค้นหาเป้าหมายได้หมด” เซี่ยเฟยจุดบุหรี่พร้อมกับพยายามใช้ความคิดวิเคราะห์สถานการณ์
“พื้นที่เขตแรงโน้มถ่วงสูงมีความซับซ้อนกว่าที่พวกเราประเมินเอาไว้มาก การเข้ามาในพื้นที่นี้ทำให้เราไม่ต่างไปจากคนหูหนวกตาบอดเลย” อันธกล่าว
“ข้ามพื้นที่โซนสีแดงทั้งหมด มุ่งหน้าสู่เป้าหมายโซนสีม่วงหมายเลข 1” เซี่ยเฟยกัดฟันตะโกนสั่งการ
เซี่ยเฟยทำการตั้งชื่อจุดสีม่วงทั้ง 3 จุดในแผนที่ดาวของพอตเตอร์ว่าพื้นที่หมายเลข 1, พื้นที่หมายเลข 2 และพื้นที่หมายเลข 3 โดยพื้นที่หมายเลข 1 กับพื้นที่หมายเลข 2 เป็นพื้นที่ใกล้แกนกลางเขตแรงโน้มถ่วงสูง ทำให้พื้นที่บริเวณนี้มีความผันผวนสูงมากและมันก็มีความรุนแรงของแรงโน้มถ่วงอยู่ในจุดที่ไม่สามารถจินตนาการได้
ส่วนพื้นที่หมายเลข 3 อยู่ในเขตไร้ข้อมูล มันจึงไม่มีใครรู้ว่าพื้นที่บริเวณนั้นมีอันตรายอะไรซ่อนอยู่บ้าง
อันธขมวดคิ้วและพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมเซี่ยเฟย แต่เขาก็รู้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ชายหนุ่มตัดสินใจอะไรไปแล้วมันก็ยากที่จะมีใครมาหยุดการตัดสินใจของเซี่ยเฟยได้
“คำเตือนแรงโน้มถ่วงของพื้นที่เป้าหมายใกล้เคียงกับขีดจำกัดของยานรบ โปรดยืนยันคำสั่งอีกครั้งหนึ่ง”
เสียงคอมพิวเตอร์ AI ขอคำยืนยันการสั่งการ
เมื่อไหร่ก็ตามที่ระบบ AI ของยานได้รับคำสั่งที่เสี่ยงอันตรายมากจนเกินไป พวกมันจะขอคำสั่งเพื่อยืนยันอีกครั้งซึ่งระบบนี้เป็นระบบที่ติดตั้งเอาไว้ภายในยานทุกขนาด
“ยืนยันคำสั่ง” เซี่ยเฟยกล่าวเสียงเข้ม
“เตรียมระบบโอเวอร์โหลดทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อม เมื่อเราเข้าสู่พื้นที่ถัดไปให้เปิดใช้งานระบบโอเวอร์โหลด 50% ทันที”
เซี่ยเฟยเก็บชิพโอเวอร์โหลดที่ได้จากพอตเตอร์ติดตัวเอาไว้เสมอ ซึ่งชิพนี้ติดตั้งเข้ากับยานได้ง่ายมากเขาจึงทำการถอดออกจากแวมไพร์และนำมาติดตั้งเอาไว้บนโทมาฮอว์ก
“แฮร์ริสพวกเรากำลังจะเข้าสู่พื้นที่แรงโน้มถ่วงสูง เตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อม”
เซี่ยเฟยใช้ระบบแจ้งเตือนของยานรบเพื่อบอกให้แฮร์ริสเตรียมตัวรับสถานการณ์ให้พร้อม หลังจากนั้นเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ของกัปตันและเริ่มใช้วิชาพรางจิตเพื่อควบคุมลมหายใจ
ถึงแม้ว่าการพยายามควบคุมลมหายใจในลักษณะนี้จะไม่ได้ช่วยลดแรงกดดันที่ร่างกายจะได้รับในสภาวะแรงโน้มถ่วงสูง แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกสงบลงและอัตราการเต้นของหัวใจของเขาก็จะไม่เพิ่มสูงมากจนเกินไป เนื่องมาจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงแรงโน้มถ่วงอย่างกะทันหัน
ทันทีที่โทมาฮอว์กเข้าสู่พื้นที่โซนสีม่วง แรงโน้มถ่วงอันมหาศาลก็ทำให้แม้แต่เซี่ยเฟยก็ยังรู้สึกหายใจไม่ออก แต่โชคดีที่ระบบโอเวอร์โหลดเริ่มทำงานทันทีทำให้แรงดันภายในยานกลับเข้าสู่สภาวะปกติภายในเวลาไม่ถึง 2 นาที
เซี่ยเฟยรีบลุกขึ้นจากที่นั่งและวิ่งไปยังห้องของแฮร์ริสด้วยความรวดเร็ว เมื่อเขาได้เปิดประตูออกมาเขาก็ได้เห็นชายชรานอนอยู่บนเตียงและใช้มือทั้งสองข้างกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด
“นายโอเคไหม?” เซี่ยเฟยถามขณะช่วยพยุงแฮร์ริสให้ลุกขึ้นนั่ง
“ก่อนหน้านี้สภาวะความดันเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน มันจึงทำให้หัวของฉันรู้สึกเหมือนกับกำลังจะระเบิด แต่ตอนนี้มันไม่เป็นอะไรแล้ว” แฮร์ริสกล่าวพร้อมกับส่ายหัวอย่างแรง
“ฉันก็คิดว่านายจะทนแรงดันที่รุนแรงแบบนี้ไม่ได้ซะอีก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
“โชคดีที่ยานลำนี้ติดตั้งระบบปรับสภาพแรงโน้มถ่วงเอาไว้ ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะแย่ไปแล้วจริง ๆ” แฮร์ริสพูดขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
“เซี่ยเฟยมาดูนี่สิ” อันธมองออกไปในระยะไกลและพูดขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เซี่ยเฟยลุกยืนขึ้นพร้อมกับมองออกไปนอกช่องหน้าต่าง ก่อนที่เขาจะขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ
ภาพที่ปรากฏคือดาวเคราะห์สีแดงเข้มพร้อมกับเงาสีดำทึบที่มีรูปร่างอันแปลกประหลาดราวกับว่ามันเป็นวัตถุอะไรบางอย่างที่ถูกใครบางคนได้สร้างขึ้นมา
‘มันเป็นสิ่งก่อสร้างฝีมือมนุษย์งั้นหรอ?’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเอง
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เดินกลับไปยังห้องบัญชาการก่อนที่จะเริ่มออกคำสั่งกับคอมพิวเตอร์ AI
“บินรอบเป้าหมายสีดำนั่นเป็นรูปเกลียว เว้นระยะห่างจากพื้นด้วยความสูง 10,000 เมตร”
วื้ด!
โทมาฮอว์กบินโฉบเข้าใกล้วัตถุปริศนาโดยเว้นระยะห่างเอาไว้ 10,000 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่เซี่ยเฟยสามารถมองเห็นภาพด้านนอกด้วยตาเปล่าได้
เขาเดาถูก ของสิ่งนี้เป็นวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นจริง ๆ!
ภาพตรงหน้าคืออาคารทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่มีผนังหนาหลายเมตรเป็นเกราะคอยคุ้มกันด้านนอก
“เปิดระบบตรวจจับสิ่งมีชีวิตเต็มกำลัง” เซี่ยเฟยสั่งการ
“เปิดระบบตรวจจับสิ่งมีชีวิตเต็มกำลัง... เนื่องจากสัญญาณรบกวนที่รุนแรงทำให้ระบบตรวจจับสิ่งมีชีวิตไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง” เสียงคอมพิวเตอร์ AI ตอบกลับมา
“ลดระดับความสูงจากพื้นผิวลงไปเป็น 5,000 เมตรแล้วเปิดระบบตรวจจับสิ่งมีชีวิตเต็มกำลังอีกครั้ง” เซี่ยเฟยสั่งการพร้อมกับขมวดคิ้ว
โทมาฮอว์กค่อย ๆ บินเข้าใกล้อาคารปริศนาด้วยความสูง 5,000 เมตรและปล่อยลำแสงสแกนสีแดงเพื่อสแกนหาสิ่งมีชีวิต
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็ทำการสังเกตพื้นผิวของอาคารพวกนี้อย่างสงสัย เพื่อรอผลจากระบบตรวจจับสิ่งมีชีวิต
กาลเวลาค่อย ๆ ผ่านไปแต่ระบบตรวจจับสิ่งมีชีวิตก็ไม่ตรวจพบสัญญาณของสิ่งมีชีวิตใด ๆ เลย
“สิ่งก่อสร้างนี้มันคืออะไรกันแน่? มันคือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาจริง ๆ หรอ?” อันธถาม
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่อาคารพวกนี้มันเป็นทรงลูกบาศก์ที่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์เลย ปกติมนุษย์ไม่ชอบที่จะออกแบบวัตถุอะไรที่ดูเรียบ ๆ แบบนี้ แต่อย่าลืมว่าที่นี่คือใจกลางพื้นที่เขตแรงโน้มถ่วงสูงนะ มันจะมีมนุษย์คนไหนอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“บางทีในอดีตแถวนี้อาจจะไม่ใช่พื้นที่เขตแรงโน้มถ่วงสูงก็ได้” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยนิ่งเงียบเพื่อประเมินสถานการณ์ ท้ายที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เป็นเพียงแค่การคาดเดา วิธีเดียวที่เขาจะรู้ว่าอาคารพวกนี้คืออะไรคือเขาจะต้องเข้าไปสำรวจด้วยตัวเอง!!
***************