ตอนที่แล้วตอนที่ 183: สร้อยเจ้าชีวิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 185: เข้าสู่เขตแรงโน้มถ่วงสูง

ตอนที่ 184: สมองของเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญา


ตอนที่ 184: สมองของเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญา

การยัดเครื่องยนต์ 3 เครื่อง, เตาปฏิกรณ์ 2 เครื่องและเพิ่มระบบแรงโน้มถ่วงทำให้ห้องโดยสารที่เคยกว้างขวางกลับมาเป็นสไตล์ที่ยุ่งเหยิงไม่ต่างไปจากยานลำอื่น ๆ ของเซี่ยเฟย

โชคดีที่ทั้งเซี่ยเฟยและอันธคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่เหมือนกับเขาวงกตดีอยู่แล้ว มันจึงทำให้คนเดียวที่รู้สึกลำบากในสถานการณ์นี้คือแฮร์ริสที่หมกตัวอยู่ในห้องทั้งวัน

นอกจากการออกมาทำอาหารให้เซี่ยเฟยแล้ว ชายชราจะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการวิจัยข้อมูลที่เขาทำการเก็บมาจากเซี่ยเฟย ซึ่งข้อมูลที่เขาทำการเก็บตัวอย่างไปนั้นก็มีตั้งแต่ข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต

ก่อนจะเข้าสู่พื้นที่เขตแรงโน้มถ่วงสูงชายหนุ่มได้ทำการติดต่อไปหาแอวริล โดยบอกกับเธอว่าเขากำลังจะเข้าไปในพื้นที่ปลอดสัญญาณเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกกังวล

แต่ไม่ว่ายังไงผู้หญิงก็มักจะรู้สึกกังวลเรื่องความปลอดภัยของคนรักของตัวเองอยู่ดี และถึงแม้ว่าแอวริลจะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ภายในแววตาของเธอก็เต็มไปด้วยความกังวล

เซี่ยเฟยไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับพื้นที่เขตแรงโน้มถ่วงสูง เพราะถ้าหากแอวริลรู้สึกกังวลมากจนเกินไป เธอก็อาจจะทำการส่งกองยานของบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดออกตามหาเขาเหมือนในตอนที่เขาหลงไปในเขตดาววิลเดอร์เนสก็ได้

หลังจากพูดคุยให้แอวริลรู้สึกสบายใจ เซี่ยเฟยก็จัดการประชุมทางไกลกับอันเดร์

การผลิตอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จไม่ใช่เรื่องง่ายและมันก็จำเป็นจะต้องทำการวิจัยอีกหลายปี บริษัทควอนตัมถึงจะสามารถผลิตอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จในระดับอุตสาหกรรมได้

ปัจจุบันอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จยังคงอยู่ในห้องวิจัยและมันก็มีการผลิตอุปกรณ์ทดลองแล้วหลายชุด อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ทดลองเหล่านี้ยังมีข้อบกพร่องอยู่อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นปริมาณการเสริมพลังชาร์จที่ไม่แน่นอนและมันยังเป็นอุปกรณ์ที่เสียหายได้อย่างง่ายดาย

หากพวกเขาใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงในการผลิต มันก็จะสามารถชดเชยข้อบกพร่องในขั้นตอนนี้ได้ แต่การทำแบบนั้นมันก็จะเป็นการเพิ่มต้นทุนและยากต่อการนำมาผลิตในระดับอุตสาหกรรม

ทางออกที่ดีที่สุดคือพวกเขาจะต้องหาวัตถุดิบทดแทนที่มีราคาไม่สูงมากนัก และมีปริมาณมากพอที่จะป้อนเข้ามาสู่สายพานการผลิต นอกจากนี้บริษัทควอนตัมยังรวบรวมโลหะจากทั่วทุกมุมโลกมาทำการทดสอบทีละชนิด ซึ่งแม้ว่าวิธีการแบบนี้จะยุ่งยากแต่มันก็มีประสิทธิภาพที่ค่อนข้างดี

หลังจากปิดระบบสื่อสารแล้วเซี่ยเฟยก็จุดบุหรี่พร้อมกับลุกขึ้นเดินไปที่ห้องของแฮร์ริส

ภาพที่เซี่ยเฟยเห็นคือแฮร์ริสกำลังยุ่งอยู่กับข้อมูลบนหน้าจออย่างตื่นเต้น โดยภาพที่ปรากฏบนหน้าจอคือภาพโครงสร้างร่างกายของมนุษย์, กระดูก, หลอดเลือดและกล้ามเนื้อราวกับว่ามันมีคนถูกลอกผิวหนังยืนอยู่ตรงนั้นจริง ๆ

เซี่ยเฟยรู้สึกว่าคนที่อยู่บนหน้าจอค่อนข้างที่จะให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยและโครงสร้างร่างกายนั้นก็มีความคล้ายคลึงกับโครงสร้างร่างกายของตัวเขา

“แฮร์ริสนี่มันคืออะไร?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ฉันลองสร้างแบบจำลองสภาพร่างกายของคุณขึ้นมา ดูสิมันเหมือนกับตัวคุณมากเลยใช่ไหม” แฮร์ริสรีบพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

เซี่ยเฟยไม่ค่อยรู้เรื่องชีววิทยาพวกนี้มากนัก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกสนใจหัวข้อการวิจัยของแฮร์ริสอย่างที่ควรจะเป็น แต่ตราบใดก็ตามที่เขาสามารถใช้งานความรู้ของแฮร์ริสได้ เขาก็จะปล่อยให้ชายชราคนนี้ทำการวิจัยไปตามสิ่งที่เขาอยากจะทำ

“ฉันมีแมลงแปลก ๆ เก็บเอาไว้ นายลองอยากจะเอามันไปศึกษาดูไหม?” เซี่ยเฟยถาม

แมลงตัวที่เขาพูดถึงคือแมลงแปลก ๆ ที่เขาได้สังหารในซากปรักหักพังโบราณที่เขาคิดจะเก็บศพมันไว้ไปขายให้กับสถาบันวิจัย

“แมลงอะไร?” แฮร์ริสถามด้วยความสงสัย

เซี่ยเฟยใช้นิ้วสัมผัสแหวนมิติเบา ๆ ก่อนที่เขาจะโยนร่างของแมลงและตัวอย่างเลือดของมันออกมา

จากนั้นเซี่ยเฟยก็อธิบายลักษณะของแมลงตัวนี้ ซึ่งมันก็ทำให้แฮร์ริสรู้สึกตกใจมาก เขาจึงรีบทำการสวมถุงมือและผ่าชำแหละศพด้วยสายตาอันตื่นเต้นราวกับว่าเขากำลังขุดค้นหากล่องสมบัติที่ถูกซ่อนเอาไว้ใต้พื้นดิน

“สรีระของแมลงตัวนี้แปลกมาก ฉันคงต้องทำการศึกษาข้อมูลของมันโดยละเอียดถึงจะให้คำตอบได้ แต่ฉันไม่มีอุปกรณ์สำหรับการวิจัยบนยานเลย ฉันไม่สามารถรับประกันผลการวิจัยอะไรได้จริง ๆ” แฮร์ริสกล่าวพร้อมกับก้มหน้าลง

“ฉันยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ก่อนหน้านี้ฉันได้พบว่าพวกเซิร์กสามารถต้านทานการควบคุมจิตใจของฉันได้ นายรู้เหตุผลไหมว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร?” เซี่ยเฟยถาม

คำถามนี้ติดอยู่ในใจเซี่ยเฟยมาเป็นเวลานานแล้ว เพราะวิชามนตราอสูรสมควรจะควบคุมสัตว์ร้ายได้ทั่วทั้งจักรวาล แต่การที่มันไม่สามารถควบคุมพวกแมลงอย่างเซิร์กได้จึงทำให้เขารู้สึกรำคาญใจ

“พวกเซิร์กกับสัตว์ร้ายไม่ใช่สิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกัน โดยเฉพาะโครงสร้างสมองของพวกมันที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ยิ่งระดับของพวกเซิร์กต่ำลงมากเท่าไหร่โครงสร้างสมองของพวกมันก็จะยิ่งเรียบง่ายขึ้นมากเท่านั้น ฉันไม่รู้ว่านี่คือเหตุผลที่คุณกำลังมองหาอยู่หรือเปล่า แต่ฉันเคยทำการวิจัยเรื่องนี้ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ เดี๋ยวฉันจะทำการส่งข้อมูลวิจัยให้กับคุณก็แล้วกัน” แฮร์ริสกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินออกมาจากห้อง ตอนนี้แฮร์ริสได้กลายเป็นทาสของเขาแล้วเขาจึงไม่ได้รู้สึกกังวลแม้ว่าชายชราคนนี้จะได้ล่วงรู้ถึงความลับของเขาก็ตาม

หลังจากนั้นไม่นานแฮร์ริสก็ส่งอีเมลข้อมูลการวิจัยไปให้กับเซี่ยเฟย

มันยังมีเวลาอีก 30 ชั่วโมงก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปในเขตแรงโน้มถ่วงสูง เซี่ยเฟยจึงทำการอ่านข้อมูลการวิจัยเนื่องจากเขาไม่มีอะไรทำ

จากเวลาที่ระบุเอาไว้ในงานวิจัยมันก็ดูเหมือนกับแฮร์ริสจะวิจัยเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว แต่ศัพท์ทางวิชาการที่มีอยู่ในงานวิจัยทำให้ชายหนุ่มอ่านรายงานฉบับนี้ไม่เข้าใจ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าแฮร์ริสสมควรที่จะถูกยกย่องว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะจริง ๆ

งานวิจัยเริ่มต้นขึ้นจากโครงสร้างสรีระวิทยาไปจนถึงอุปนิสัยของเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญา โดยมันมีคำอธิบายเอาไว้อย่างละเอียดไม่ว่าจะเป็นในแง่ของสรีระวิทยา, จิตวิทยาหรือแม้แต่อาหารการกิน

ส่วนที่เซี่ยเฟยรู้สึกสนใจมากที่สุดนั่นก็คือการวิเคราะห์สมองส่วนต่าง ๆ

สมองของเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาต่างก็ล้วนแล้วแต่ได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดี และรูปร่างของพวกมันก็มีความแตกต่างกันไปตามแต่ละเผ่าพันธุ์ แต่มันก็มีความสอดคล้องกันอย่างคาดไม่ถึง

การวิจัยนี้ได้ชี้ให้เห็นว่าโครงสร้างสมองของพวกเซิร์กมีความหลากหลายมากที่สุดในทุกเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญา โดยสมองของพวกมันจะแบ่งความซับซ้อนตามระดับชั้น เช่น สมองของเซิร์กระดับต่ำก็จะมีโครงสร้างที่เรียบง่าย ทำให้พวกมันสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมอย่างง่าย ๆ ได้เท่านั้น

ส่วนสมองของเซิร์กระดับสูงจะมีความแตกต่างจากเซิร์กระดับต่ำไปอย่างสิ้นเชิง เพราะสมองของพวกมันมีความใกล้เคียงกับสมองของมนุษย์มาก และความจุของเซลล์สมองของพวกเซิร์กก็มีมากยิ่งกว่าความจุเซลล์สมองของมนุษย์เสียอีก

ด้วยความแตกต่างทางด้านโครงสร้างของสมองนี่เอง มันจึงทำให้ภายในพวกเซิร์กมีการแบ่งชนชั้นกันอย่างรุนแรง โดยพวกเซิร์กระดับสูงมีความฉลาดมากพอ ๆ กับมนุษย์ ขณะที่พวกเซิร์กระดับต่ำมีสติปัญญาไม่ต่างไปจากสัตว์เลื้อยคลาน

เซี่ยเฟยรู้สึกสนใจงานวิจัยฉบับนี้มากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ และเขาก็ทำการอ่านงานวิจัยติดต่อกันมากกว่า 10 ชั่วโมง โดยในระหว่างนี้เขาก็ไม่ได้ลุกไปไหนเลยแม้แต่วินาทีเดียว

หลังจากอ่านรายงานวิจัยจบ 2 รอบเซี่ยเฟยก็บิดขี้เกียจแล้วจุดบุหรี่ขึ้นมาตามนิสัยและสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ

“เป็นยังไงบ้าง? ในงานวิจัยมีข้อมูลบอกไหมว่าทำไมวิชามนตราอสูรถึงไม่สามารถใช้กับพวกเซิร์กได้” อันธถาม

“ถึงแม้ว่ารายงานจะไม่ได้เขียนอธิบายเรื่องประมาณนี้เอาไว้โดยตรง แต่ฉันก็พอจะคาดเดาอะไรได้บ้างแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“อะไร?”

“เพราะพวกเซิร์กไม่ใช่สัตว์” เซี่ยเฟยตอบกลับเบา ๆ

“ถ้าพวกมันไม่ใช่สัตว์ แล้วพวกมันคืออะไร?” อันธถามด้วยความสงสัย

ด้วยรูปร่างของพวกเซิร์กมันจึงทำให้มนุษย์เข้าใจว่าเผ่าพันธุ์นี้ไม่ต่างไปจากแมลงทั่ว ๆ ไป ความแตกต่างเดียวที่มนุษย์ส่วนใหญ่สามารถแบ่งแยกพวกเซิร์กกับพวกแมลงนั่นก็คือแมลงตัวนั้นมีสติปัญญาหรือเปล่า

“มันก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้าย ๆ กับพวกเราไง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่

“พวกเราเป็นมนุษย์ พวกมันเป็นแมลง แล้วมันจะเหมือนกันได้ยังไง?” อันธกล่าวด้วยความไม่เข้าใจ

“สมองของเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาทุกเผ่าพันธุ์ต่างก็มีลักษณะที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งนั่นก็คือสมองสามารถผลิตกรดนิวคลีอิกได้ ถึงแม้สมองของพวกเซิร์กระดับต่ำจะสามารถผลิตกรดนิวคลีอิกได้ค่อนข้างน้อย แต่มันก็ยังมีกรดชนิดนี้อยู่ในสมองของพวกมันอยู่ดี ด้วยเหตุนี้วิชามนตราอสูรจึงไม่สามารถเข้าควบคุมสมองของพวกมันได้”

“ฉันไม่เข้าใจ” อันธกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“อธิบายง่าย ๆ ก็คือวิชามนตราอสูรคือวิชาพลังจิตที่ใช้ควบคุมสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีกรดชนิดหนึ่งอยู่ในสมอง แต่พวกเซิร์กทุกระดับมีกรดชนิดนี้อยู่ในสมอง วิชามนตราอสูรจึงไม่สามารถเข้าควบคุมพวกมันได้”

“ถ้าพวกมันไม่ใช่สัตว์ แล้วพวกมันเป็นอะไรกันแน่?” อันธถามขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“พวกมันก็คือหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาและมีโครงสร้างสมองไม่ต่างไปจากพวกเราไง” เซี่ยเฟยกล่าว

คำอธิบายของเซี่ยเฟยทำให้อันธรู้สึกสับสนไปเป็นเวลานาน อันที่จริงมนุษย์ส่วนใหญ่ก็คงจะรู้สึกตกใจหากพวกเขาได้พบว่าสมองของพวกเซิร์กมีความซับซ้อนไม่ต่างไปจากสมองของพวกเขาเอง

“เรื่องที่น่าตกใจไม่ได้มีแค่นั้นนะ เนื่องมาจากสมองของเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาทุกเผ่าพันธุ์มีลักษณะที่คล้ายกัน มันก็หมายความว่าเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ก็น่าจะสามารถใช้พลังพิเศษได้เหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวต่ออย่างตื่นเต้น

“อะไรนะ! นายกำลังจะบอกว่าแม้แต่พวกเซิร์กก็สามารถใช้พลังพิเศษได้งั้นหรอ” อันธอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“ใช่” เซี่ยเฟยกอดอกพร้อมกับยกขาขึ้นมาวางไว้บนแผงควบคุม

“ในสมองของพวกเขามีพื้นที่ส่วนพิเศษคล้าย ๆ พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของมนุษย์ เพียงแต่พื้นที่ส่วนพิเศษของมนุษย์มีความสมบูรณ์มากกว่า พวกเราเลยไม่ค่อยเห็นเผ่าพันธุ์อื่นที่มีพลังพิเศษ”

คำอธิบายนี้ถึงกับทำให้อันธพูดไม่ออก เพราะในฐานะที่เขาเคยเป็นมนุษย์ที่ภาคภูมิใจในเผ่าพันธุ์ของตัวเอง มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับหากตัวเขาต้องนำไปถูกเปรียบเทียบกับพวกแมลง

“นั่นคือข้อมูลในงานวิจัยหรือเป็นสิ่งที่นายคาดเดา?” อันธถาม

“มันเป็นแค่สิ่งที่ฉันคาดเดา แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ใช่สิ่งที่มีมูลความจริง ข้อมูลทุกอย่างถูกระบุเอาไว้ในงานวิจัยฉบับนี้หมดแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะ

ทันใดนั้นไฟจากเครื่องสื่อสารก็สว่างขึ้นมาแล้วมันก็เป็นคำร้องขอการสื่อสารมาจากฉินหมาง

“คุณตาจะต้องรู้แล้วแน่ ๆ ว่าฉันกำลังจะเข้าไปในพื้นที่เขตแรงโน้มถ่วงสูง ลองเดาซิว่าเขาจะพูดอะไรกับฉัน” เซี่ยเฟยหัวเราะออกมาเบา ๆ

“ใครมันจะไปรู้ล่ะ” อันธตอบอย่างขอไปทีเพราะเขายังคงคิดถึงคำพูดของชายหนุ่มในก่อนหน้านี้อยู่

แต่ในขณะที่เซี่ยเฟยกำลังจะกดเชื่อมสัญญาณสื่อสารนั่นเอง ไฟแสดงสถานะก็ดับลงและแม้แต่การเชื่อมต่อกับระบบสกายเน็ตเวิร์กก็ถูกตัดขาดไปในเวลาเดียวกัน

***************

ใครงงเหมือนอันธยกมือขึ้นนนน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด