ตอนที่ 183: สร้อยเจ้าชีวิต
ตอนที่ 183: สร้อยเจ้าชีวิต
การค้าทาสถือได้ว่าเป็นหนึ่งในการค้าที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษยชาติ และถึงแม้ว่าพันธมิตรมนุษย์จะได้พัฒนาอารยธรรมมาเป็นเวลาหลายหมื่นปีแล้ว แต่การค้าทาสก็ยังไม่หายไปและยังมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
พวกชนชั้นสูงของเผ่าพันธุ์เซิร์กหรือแม้กระทั่งชนชั้นสูงของมนุษย์บางคนชอบที่จะเลี้ยงดูหญิงสาวไว้ในกรงขัง แม้แต่พวกเผ่าพันธุ์นาวีที่อยู่ห่างจากพันธมิตรไปไม่ไกลก็มีรสนิยมที่คล้าย ๆ เช่นกัน เพียงแต่เผ่าพันธุ์นาวีนิยมเลี้ยงมนุษย์เพศชายมากกว่าเพศหญิง
พ่อค้าทาสเป็นจำนวนมากเสี่ยงขายทาสไปทั่วทั้งจักรวาลเพื่อทำการแลกเปลี่ยนแร่ธาตุหรืออุปกรณ์ที่พันธมิตรมนุษย์ขาดแคลน ทำให้พวกเขาสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างมหาศาล
แต่มนุษย์มักที่จะไขว่คว้าหาอิสรภาพ มนุษย์ที่เป็นทาสหลาย ๆ คนจึงพยายามหลบหนีจากชีวิตที่น่าเศร้าและการกระทำของพวกเขาก็ทำให้เจ้าของทาสรู้สึกไม่พอใจ มันจึงมีผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่าสร้อยเจ้าชีวิตถือกำเนิดขึ้นมา
เซี่ยเฟยนั่งอยู่ตรงข้ามกับแฮร์ริสโดยที่ในมือมีสร้อยสีเงินแวววาว
สร้อยข้อมือนี้ทำให้แฮร์ริสขนลุกขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เพราะเขารู้ดีว่าสร้อยเจ้าชีวิตเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากเพียงใด
“นี่คือเงื่อนไขของฉัน ถ้าแกสวมมันแกจะได้รับชีวิตใหม่ ฉันจะสนับสนุนงานวิจัยของแกอย่างเต็มที่และจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างที่แกต้องการ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์พร้อมกับสั่นสร้อยเจ้าชีวิตภายในมือ
ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความชั่วร้ายจนทำให้อันธที่อยู่ข้าง ๆ อดที่จะส่ายหัวขึ้นมาไม่ได้
ในฐานะที่เขาเติบโตขึ้นมาเป็นนักฆ่าเขาย่อมถูกสั่งสอนด้วยแนวคิดที่ชั่วร้ายมากกว่าปกติอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกว่าการกระทำของเซี่ยเฟยชั่วร้ายมากเกินไปอยู่ดี
สร้อยเจ้าชีวิตถูกพัฒนาขึ้นมาจากเผ่าพันธุ์นาวีเพื่อไว้ใช้จัดการกับทาสโดยเฉพาะ แม้ว่าเผ่าพันธุ์นาวีจะมีลักษณะที่แตกต่างจากมนุษย์ แต่เทคโนโลยีของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าเทคโนโลยีของมนุษย์เลย และบางเทคโนโลยีของพวกเขายังล้ำหน้าเกินกว่าเทคโนโลยีของมนุษย์ด้วยซ้ำ
ไม่ว่าใครก็ตามที่สวมใส่สร้อยเส้นนี้เข้าไปพวกเขาจะไม่เหลือชีวิตเป็นของตัวเอง เพราะแม้กระทั่งพวกเขาอยากจะฆ่าตัวตายพวกเขาก็ทำไม่ได้ เพราะจิตวิญญาณที่ถูกเชื่อมโยงกับสร้อยจะคอยขัดขวางไม่ให้พวกเขาทำการที่ขัดคำสั่ง
หากทาสที่สวมสร้อยเจ้าชีวิตต้องการจะใช้มีดเสียบเข้าไปในหัวใจ พวกเขาจะพบว่าแขนของพวกเขาจะไม่เชื่อฟังคำสั่งของตัวเองเลย ถ้าหากพวกเขาต้องการจะดื่มยาพิษพวกเขาก็ทำได้อย่างมากที่สุดคือการเอาถ้วยแตะริมฝีปาก แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถดื่มยาพิษเข้าไปได้
ว่ากันว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ทาสมนุษย์ฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตัวเอง พวกนาวีได้ใส่คำสั่งเอาไว้ในสร้อยเจ้าชีวิตมากกว่า 1 ล้านคำสั่ง ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่สมองของมนุษย์มีคำสั่งเหมือนกับคำสั่งที่ถูกใส่เอาไว้ภายในสร้อย คลื่นไฟฟ้าในสมองของพวกเขาก็จะถูกหยุดเอาไว้เป็นการชั่วคราวทำให้ไม่สามารถทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายได้
การสวมใส่สร้อยเจ้าชีวิตเปรียบเสมือนกับการที่ชีวิตถูกนายทาสควบคุมเอาไว้โดยสมบูรณ์ แม้แต่ความเป็นความตายของพวกเขาก็ขึ้นอยู่กับคำสั่งของนายทาสเท่านั้น
หากทาสต้องการจะตัดแขนของตัวเองเพื่อหลุดจากพัฒนาการก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากทาสแขนขาดในระหว่างการต่อสู้จนทำให้สร้อยเจ้าชีวิตหลุดออกมาจากร่างกาย สร้อยเส้นนี้ก็จะระเบิดออกมาในทันทีและทำให้ร่างของทาสแหลกสลายกลายเป็นชิ้น ๆ
การสวมสร้อยข้อมือชิ้นนี้เข้าไปคือการทิ้งชีวิตของตัวเองเอาไว้ในมือของนายทาสอย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าทาสจะคิดวิธีการอะไรในการแสวงหาอิสระได้ พวกนาวีก็ใส่คำสั่งที่ต่อต้านการกระทำของพวกทาสเอาไว้จนหมดแล้ว
ทุ่งดาวแห่งความตายถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของการค้าทาส เซี่ยเฟยจึงขอสร้อยเจ้าชีวิตมาจากย่าเหวยได้อย่างง่ายดายและตอนนี้ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแฮร์ริส
ดวงตาของแฮร์ริสเริ่มล่อกแล่กเห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่คิดว่าเซี่ยเฟยจะใช้สร้อยเจ้าชีวิตเป็นเงื่อนไข และเมื่อเขาได้ทำการสวมสร้อยข้อมือชิ้นนี้เข้าไป เขาก็จะตกกลายเป็นทาสของชายหนุ่มโดยสมบูรณ์
“ถ้าฉันไม่ยอมใส่มันล่ะ?” แฮร์ริสถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ตาย” เซี่ยเฟยตอบสั้น ๆ
แฮร์ริสพยักหน้าเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ท้ายที่สุดเขาก็เป็นคนบ้ามาตลอดและเขาก็ไม่เคยรู้สึกเกรงกลัวความตาย เพราะเขาให้ความสำคัญกับการวิจัยเหนือสิ่งอื่นใดแม้แต่ชีวิตของตัวเอง
“ถ้าฉันใส่สร้อยเส้นนี้ คุณจะรักษาสัญญาใช่ไหม?” แฮร์ริสถามอีกครั้ง
“เรื่องนี้มันก็ขึ้นอยู่กับแกว่าเต็มใจจะรับการเดิมพันหรือเปล่า เพราะถึงฉันจะสัญญาแต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหลังจากที่แกสวมสร้อยเข้าไปแล้วอยู่ดี” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
สิ่งที่เซี่ยเฟยพูดไม่ต่างไปจากความเป็นจริง เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่แฮร์ริสสวมใส่สร้อยข้อมือเข้าไป เขาก็จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของชายหนุ่มโดยสมบูรณ์ ในเวลานั้นถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะกลับคำพูดของตัวเองแต่แฮร์ริสก็ไม่สามารถที่จะเรียกร้องอะไรได้ เพราะชีวิตของเขาได้ตกอยู่ในเงื้อมมือของเซี่ยเฟยแล้ว
“นอกจากเงื่อนไขที่คุณพูดถึงแล้ว ฉันขอศึกษาว่าทำไมคุณถึงทนต่อผลของน้ำยาอเมทิสต์ด้วยได้ไหม?” แฮร์ริสกล่าว
“ก็ได้ ถ้าฉันมีเวลา” เซี่ยเฟยกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา ตราบใดที่ฉันยังทำวิจัยต่อไปได้ฉันก็พร้อมยอมรับทุกเงื่อนไข” แฮร์ริสหลับตาพร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ
เซี่ยเฟยแอบชื่นชมในความดื้อรั้นของแฮร์ริสและถึงแม้ว่าโลกภายนอกจะเรียกเขาว่านักวิทยาศาสตร์คลั่ง แต่เซี่ยเฟยก็ไม่ได้สนใจคำวิจารณ์พวกนั้นเลย เพราะท้ายที่สุดแม้ว่าคนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปเป็นปีศาจเขาก็ไม่สนใจ ตราบใดที่เขาสามารถใช้ปีศาจตัวนี้มาทำประโยชน์ให้เขาได้
เซี่ยเฟยใช้นิ้วสัมผัสกลไกบนสร้อยเจ้าชีวิตเบา ๆ ก่อนที่มันจะมีเข็มสีเงินยื่นออกมาเจาะนิ้วเก็บข้อมูลของนายทาสเข้าไป
เมื่อ DNA ของเซี่ยเฟยถูกจดจำเอาไว้ภายในสร้อยแล้ว ชายหนุ่มคนนี้ก็จะกลายเป็นเจ้าของสร้อยข้อมือโดยสมบูรณ์ และไม่มีใครสามารถมาเปลี่ยนแปลงความเป็นเจ้าของสร้อยข้อมือเส้นนี้ได้อีก
“ถึงตาแกแล้ว” เซี่ยเฟยยื่นสร้อยข้อมือให้แฮร์ริส
แฮร์ริสกัดฟันสวมสร้อยเจ้าชีวิตเอาไว้ที่มือซ้าย ทันใดนั้นสร้อยเจ้าชีวิตก็เริ่มรัดแน่นพร้อมกับมีเข็มสีเงินแทงออกมาเพื่อเก็บข้อมูลของทาสเข้าไปเช่นกัน
ครู่ต่อมาสร้อยสีเงินก็เปล่งแสงขึ้นมาจาง ๆ เป็นสัญญาณว่าแฮร์ริสได้กลายเป็นทาสของเซี่ยเฟยอย่างเป็นทางการ จากนี้ไปเขาจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของเซี่ยเฟยทุก ๆ อย่างจนกว่าชีวิตของเขาจะสิ้นสุดลงในที่สุด
—
เช้าวันรุ่งขึ้นเซี่ยเฟยก็เริ่มทำการดัดแปลงโทมาฮอว์กภายในแผนกช่างกลของฐานทัพ ซึ่งมีทหารคอยนำอุปกรณ์ที่จำเป็นมาให้เขาอยู่ตลอดเวลา
หลังจากได้รับอะไหล่อุปกรณ์ที่ค่อนข้างล้าสมัย เซี่ยเฟยผู้เคยชินกับอุปกรณ์ระดับสูงก็รู้สึกชะงักไปพักหนึ่ง ใครจะไปคิดว่าเครื่องยนต์ที่เขาร้องขอไปจะมีให้เลือกอยู่เพียงแค่ 4 เครื่อง ซึ่งแม้แต่เครื่องที่ใหม่ที่สุดก็เป็นเครื่องยนต์ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีและเครื่องยนต์ที่มีอายุมากที่สุดก็มีอายุมากกว่า 133 ปี
ผู้ที่รับผิดชอบคอยจัดหาอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เซี่ยเฟยคือชายอ้วนผู้มีชื่อว่า ‘พิกเกิล’ โดยในตอนแรกชายอ้วนคนนี้มาทำงานด้วยใบหน้าที่ไม่เต็มใจมากนัก แต่เซี่ยเฟยก็ได้ให้ของฝากไปอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น ชา, ผลไม้อบแห้งและอาหาร ทำให้ชายอ้วนคนนี้เผยรอยยิ้มอันเบ่งบานออกมา
ไม่มีใครในทุ่งดาวแห่งความตายจะไม่ถูกล่อลวงจากของฝากของเซี่ยเฟยได้ เพราะท้ายที่สุดพื้นที่บริเวณนี้ก็ขาดแคลนทรัพยากรอย่างหนัก ทำให้แม้ว่าคนคนหนึ่งจะมีเงินแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถหาซื้ออาหารได้ตามต้องการ
“มันยังมียานแบทเทิลครุยเซอร์อีกสองลำที่พึ่งปลดประจำการเมื่อไม่นานมานี้แต่มันยังไม่ได้ถูกรื้อถอน คุณจะลองไปดูยานสองลำนั้นไหมว่ามันมีอะไรที่คุณพอจะใช้งานพวกมันได้บ้าง” พิกเกิลกล่าวหลังจากที่เขาทำการค้นหาอะไหล่อุปกรณ์ในคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
เซี่ยเฟยจ้องมองไปที่หน้าจออย่างไม่พอใจเป็นเวลานาน แต่เขาก็ทำใจพูดออกมาว่า
“ฉันต้องการเครื่องยนต์ของยานทั้งสองลำนี้เลยและฉันยังต้องการเครื่องปฏิกรณ์กับระบบควบคุมแรงโน้มถ่วงด้วย”
ย่าเหวยส่งสัญญาณให้พิกเกิลเล็กน้อยให้ทำการจัดหาทุกอย่างให้ชายหนุ่มได้เลย สิ่งที่พวกเขาร้องขอมีเพียงแค่เงินค่าเครื่องยนต์เท่านั้น ก่อนที่เครื่องยนต์ทั้งสองจะถูกส่งมอบให้กับเซี่ยเฟย
ความจริงแล้วการกระทำของเขาเป็นเรื่องที่บ้ามาก เพราะการติดเครื่องยนต์คู่ให้ยานรบก็เป็นเรื่องที่ผิดปกติมากอยู่แล้ว แต่เขากลับคิดที่จะติดตั้งเครื่องยนต์บนโทมาฮอว์กถึงสามเครื่อง
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็จำเป็นจะต้องมียานอวกาศที่มีกำลังมากเพียงพอที่จะเดินทางในพื้นที่เขตแรงโน้มถ่วงสูง แต่เนื่องจากเครื่องยนต์ที่ย่าเหวยจัดหามาให้เป็นเครื่องยนต์รุ่นเก่ามากจนเกินไป เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องใช้เครื่องยนต์ถึงสามเครื่องคอยขับเคลื่อนเพื่อไม่ให้เครื่องยนต์มีความร้อนสูงมากจนเกินไป
เมื่อต้องใช้จำนวนเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้น เขาก็จำเป็นจะต้องปรับปรุงระบบพลังงานให้มีความสอดคล้องกัน และมันก็จำเป็นจะต้องทำการปรับปรุงระบบแรงโน้มถ่วงด้วยเช่นกัน ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงร้องขออุปกรณ์ทั้งหมดที่กล่าวไป
การดัดแปลงยานอวกาศไม่ใช่งานง่าย ๆ และถึงแม้ว่าย่าเหวยจะทำการเกณฑ์ช่างเครื่องมาช่วยทุกคนแล้ว แต่พวกเขาก็ยังต้องทำงานอย่างต่อเนื่องถึง 2 วัน 2 คืน
เซี่ยเฟยเสนอค่าจ้างให้ช่างเครื่องทุกคนในราคาที่ค่อนข้างดี และเขายังได้หยิบผลน้ำค้างขาวนับพันผลออกมาแจกจ่ายช่างเครื่องทุกคนเพื่อช่วยให้งานสำเร็จได้ทันเวลาด้วย
วื้ด!
ในที่สุดโทมาฮอว์กก็ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ทุกอย่างเข้าไปจนสำเร็จ และเป้าหมายต่อไปของยานลำนี้นั่นก็คือพื้นที่เขตแรงโน้มถ่วงสูงภายในทุ่งดาวแห่งความตาย!
***************