ตอนที่ 182: ทุ่งดาวแห่งความตาย
ตอนที่ 182: ทุ่งดาวแห่งความตาย
อิทธิพลของพันธมิตรในเขตทุ่งดาวแห่งความตายกำลังอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ภูมิภาคดาวมฤตยู, ภูมิภาคดาวอ่าวปีศาจและภูมิภาคดาวเหวทมิฬก็กำลังทำการแบ่งแยกดินแดน
แม้ว่าลูกศิษย์ของฉินหมางจะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการฐานทัพพันธมิตร แต่เขาก็เป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจมากที่สุดในเขตทุ่งดาวแห่งความตายมานานแล้ว
หลังจากทำการระบุตัวตนโทมาฮอว์กก็ค่อย ๆ ร่อนลงบนลาดจอดที่อยู่ห่างจากฐานทัพไปไม่ไกล
เนื่องจากปัญหาขาดแคลนอะไหล่มันจึงทำให้ยานรบถึง 1 ใน 3 ของฐานทัพทุ่งดาวแห่งความตายไม่สามารถออกรบได้อีกต่อไป บนลานจอดจึงมียานรบอยู่ทุกขนาดและพวกมันก็ถูกทิ้งขว้างจนทำให้ดูเหมือนกองเศษเหล็ก
เหล่าองค์กรที่มีอำนาจอื่น ๆ ภายในเขตทุ่งดาวแห่งความตายก็ไม่ได้มีสภาพดีไปกว่าฐานทัพแห่งนี้มากนัก เพราะปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรเป็นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดในเขตทุ่งดาวแห่งนี้ องค์กรที่มีอำนาจขนาดเล็กบางแห่งถึงขั้นไม่สามารถหากระสุนมาเติมให้กับยานรบของพวกเขาได้ มันจึงไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการพยายามก่อสงครามขนาดใหญ่เลย
ท้ายที่สุดสาเหตุที่พันธมิตรปล่อยให้องค์กรที่มีอำนาจเหล่านี้ทำตามใจตัวเอง นั่นก็เพราะพวกเขารู้ดีว่าพื้นที่บริเวณนี้ขาดแคลนทรัพยากรขนาดไหน และมันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะพยายามก่อกบฏทั้ง ๆ ที่ยังขาดแคลนทรัพยากรที่จำเป็น
แต่การปล่อยปัญหาเอาไว้แบบนี้มันก็มีข้อเสียด้วยเช่นกัน เพราะถ้าหากกองกำลังขององค์กรที่มีอำนาจภายในเขตทุ่งดาวแห่งความตายอ่อนแอลง พวกเขาก็จะไม่สามารถรับการโจมตีที่มาจากภายนอกพันธมิตรได้เลย
ระหว่างทางที่เซี่ยเฟยเดินไปยังอาคารหลักของกองทัพ เขาก็ได้เห็นทหารของที่นี่กำลังยุ่งอยู่กับการฝึกฝน แต่ที่น่าแปลกคือทหารทุกคนได้สวมใส่เครื่องแบบทหารแบบเก่า ซึ่งมันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าปัญหาเรื่องการขาดแคลนทรัพยากรก็ส่งผลกระทบมาถึงฐานทัพแห่งนี้เช่นเดียวกัน
หลังจากขึ้นไปบนชั้น 3 ของอาคารหลัก เซี่ยเฟยก็ได้พบกับย่าเหวยซึ่งเป็นผู้บัญชาการของฐานทัพแห่งนี้
“นั่งลงก่อนสิ ตอนนี้อาจารย์สบายดีไหม?” ย่าเหวยกล่าว
“คุณตาสบายดีครับ แต่แมวดำของเขาอาการไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่” เซี่ยเฟยนั่งฝั่งตรงข้ามพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อือ” ย่าเหวยพยักหน้ารับ
“คุณตาฝากจดหมายมาให้ครับ ส่วนของพวกนี้เป็นของฝากจากผม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งจดหมายของฉินหมางให้ย่าเหวย ซึ่งในเวลาเดียวกันเขาก็นำกระป๋องชาและถุงเมล็ดธัญพืชไปวางไว้บนโต๊ะ
ย่าเหวยขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะอ่านจดหมายด้วยสีหน้าอันจริงจัง
“เอาล่ะในเมื่ออาจารย์แนะนำนายมา หากนายมีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกมาได้เลย”
“ถ้าอย่างนั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ ตอนนี้ผมต้องการดัดแปลงยานอวกาศแต่ผมยังขาดอุปกรณ์และเครื่องมือครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ยานฟิวรี่ที่นายขับมาก็ดูไม่มีปัญหาอะไรนี่ มันมีอะไรผิดปกติกับตัวยานงั้นหรอ?” ย่าเหวยกล่าวถาม
“มันไม่มีอะไรผิดปกติครับ เพียงแต่ว่าผมจะต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมค่อนข้างพิเศษ ผมจึงต้องการที่จะติดตั้งเครื่องยนต์ตัวที่ 2 และตั้งค่าระบบควบคุมแรงโน้มถ่วงกับระบบพลังงานใหม่” เซี่ยเฟยกล่าว
“เครื่องยนต์คู่? นายกำลังจะไปไหน?” ย่าเหวยถามอย่างสงสัย
“เขตแรงโน้มถ่วงสูงนอกทุ่งดาวแห่งความตายครับ” เซี่ยเฟยตอบกลับห้วน ๆ
“อะไรนะ?! ที่นั่นมันอันตรายมาก ฉันขอแนะนำว่านายอย่าไปจะดีกว่า” ย่าเหวยอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจและรอยย่นบนหน้าผากของเขาก็เห็นได้ชัดขึ้นกว่าเดิม
“สหายคนสนิทของผมหายตัวไปในพื้นที่บริเวณนั้น ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องตามตัวเขากลับมาครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้ม
“สถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเราก็ค่อนข้างขาดแคลนทรัพยากรอยู่เหมือนกัน เนื่องมาจากทางพันธมิตรควบคุมการแจกจ่ายทรัพยากรมายังเขตทุ่งดาวแห่งความตายอย่างเข้มงวด ทำให้พวกเราต้องรื้อยานเก่า ๆ เพื่อเอาอะไหล่มาเปลี่ยนให้กับยานที่ยังมีคุณภาพดี ฉันพอจะจัดหาสิ่งที่นายต้องการได้แต่มันก็อาจจะแตกต่างจากสิ่งที่นายจินตนาการเอาไว้มาก” ย่าเหวยกล่าว
เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงมีซากยานรบเป็นจำนวนมากถูกทิ้งเอาไว้ในฐานทัพ ที่แท้สถานการณ์ของพวกเขาถึงขั้นที่จะต้องทำการรื้อยานอวกาศบางลำเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของตัวเองไว้ แม้ว่าการทำแบบนั้นจะถือว่าเป็นการตัดเนื้อเฉือนกระดูกของตัวเองไปบ้างก็ตาม
ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันเซี่ยเฟยรู้ดีว่าย่าเหวยกำลังตกอยู่ในสถานะยากลำบากมากแค่ไหน และการที่ย่าเหวยยอมรับปากช่วยเหลือเขามันก็ถือว่าเป็นน้ำใจที่ยากจะทดแทนแล้ว
ในตอนเย็นย่าเหวยได้เชิญเขาไปทานอาหาร ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธคำเชิญสักนิดเลย ท้ายที่สุดเขาก็ไม่รู้จักใครในเขตทุ่งดาวแห่งความตายและด้วยการที่ฉินหมางแนะนำย่าเหวยมา มันจึงทำให้เขาค่อนข้างจะไว้วางใจชายคนนี้อยู่เล็กน้อย
อาหารมื้อเย็นเรียบง่ายมาก เพราะมันเป็นสเต็กเนื้อ 2 ชิ้น, สลัดผักเล็กน้อย, ทาร์ตไข่ 1 ถ้วยและเหล้าท้องถิ่นอีกหนึ่งขวด
เซี่ยเฟยไม่เคยบ่นเรื่องอาหารอยู่แล้ว เพราะเขาแค่กินเพื่อให้ได้รับพลังงานที่เพียงพอเท่านั้น เขาจึงไม่คิดที่จะตำหนิที่ย่าเหวยได้ต้อนรับเขาด้วยอาหารที่เรียบง่ายเช่นนี้
ปกติในวันธรรมดาเซี่ยเฟยจะไม่ดื่มเหล้า เพราะเขาต้องการให้สมองทำงานได้อย่างเต็มที่ แต่ย่าเหวยเป็นทหารที่ดื่มหนักมาก ชายหนุ่มจึงจำเป็นจะต้องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปเล็กน้อยอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
เหล้าท้องถิ่นของทุ่งดาวแห่งความตายมีกลิ่นฉุนอย่างไม่สามารถอธิบายได้ และการดื่มเหล้าชนิดนี้เข้าไปเพียงแค่อึกเดียวมันก็ทำให้เขารู้สึกแสบร้อนราวกับว่าอวัยวะภายในกำลังถูกเผาไหม้
ย่าเหวยมักจะถามเรื่องเกี่ยวกับฉินหมาง ซึ่งเซี่ยเฟยก็ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาให้ฟัง ซึ่งเมื่อย่าเหวยได้ยินว่าฉินหมางยังคงนั่งอยู่ในห้องสมุดพร้อมกับแมวดำตัวเก่า มันก็ทำให้ดวงตาของเขาดูเหมือนจะแดงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
หลังจากถามเรื่องเกี่ยวกับฉินหมางแล้วย่าเหวยก็เริ่มเตือนเซี่ยเฟยเกี่ยวกับเขตแรงโน้มถ่วงสูง
เขตแรงโน้มถ่วงสูงไม่เพียงแต่จะมีสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนเท่านั้น แต่มันยังมีอุบัติเหตุที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งและมีซากยานอวกาศเป็นจำนวนมากล่องลอยอยู่ในบริเวณนี้
ซากยานอวกาศเป็นเหมือนกับยานผีสิง เพราะตัวยานเต็มไปด้วยรูขนาดต่าง ๆ เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แต่สิ่งที่แปลกประหลาดมากที่สุดคือยานหลายลำไม่ได้มีอยู่ในบันทึกคล้ายกับว่าพวกมันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากฝีมือของมนุษย์
ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไม่ได้มีเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาเพียงเผ่าพันธุ์เดียว เพราะมันยังมีเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ใช้ชีวิตอยู่ในจักรวาลอีกอย่างมากมายและพวกเขาก็มีเทคโนโลยีสูงมากพอที่จะสร้างยานรบของตัวเอง
เรื่องจำนวนของเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาภายในจักรวาลเป็นจำนวนที่ไม่มีใครรู้ และเนื่องจากเขตทุ่งดาวแห่งความตายตั้งอยู่บริเวณชายแดนของพันธมิตร มันจึงเป็นเรื่องปกติที่จะพบเห็นยานอวกาศของต่างเผ่าพันธุ์เป็นครั้งคราว
สิ่งที่ทำให้ย่าเหวยเป็นกังวลคือสภาพของยานอวกาศผีสิงพวกนั้นที่เต็มไปด้วยรูพรุน เพราะเขาไม่รู้ว่าอาวุธประเภทไหนถึงทำให้ยานรบขนาดใหญ่มีสภาพยับเยินได้ขนาดนั้น
ท้ายที่สุดหากมันมีเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาอาศัยอยู่ในเขตแรงโน้มถ่วงสูงจริง ๆ มันก็อาจจะทำให้การเดินทางของชายหนุ่มยากลำบากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
เซี่ยเฟยลองพยายามถามย่าเหวยถึงเบื้องหลังของฉินหมาง เพราะท้ายที่สุดชายชราคนนี้ก็มีเพื่อนอย่างทูรามที่มีความแข็งแกร่งเหนือจินตนาการ แม้แต่ตัวของย่าเหวยผู้ซึ่งเป็นลูกศิษย์ก็ยังเป็นถึงผู้บัญชาการของฐานทัพทุ่งดาวแห่งความตายที่มีทหารอยู่ภายใต้การปกครองหลายพันนาย แล้วคนธรรมดาจะมีลูกศิษย์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง
ตลอดเวลาที่เซี่ยเฟยได้อยู่กับฉินหมางเขามักจะเห็นภาพลวงตาที่ชายชรากำลังนำเขาไปสู่เส้นทางที่ไม่รู้จัก เพราะในระหว่างที่เขาทำงานอยู่ในห้องสมุดฉินหมางมักจะโยนหนังสือมาให้เขาอ่านทุกวันและมักจะทำการทดสอบความรู้ของเขาบ้างเป็นครั้งคราว
การกระทำพวกนี้ดูเหมือนจะไร้สาระแต่มันก็เคยช่วยชีวิตเซี่ยเฟยมาแล้วหลายครั้ง โดยหนังสือทุกเล่มที่ฉินหมางได้ให้มามีตั้งแต่หนังสือเนื้อหาง่าย ๆ ไปจนถึงหนังสือที่มีเนื้อหาที่ซับซ้อน ซึ่งถ้าหากเซี่ยเฟยไม่ได้อ่านหนังสือเหล่านี้จนเข้าใจ เขาก็คงจะไม่สามารถทำความเข้าใจความซับซ้อนของหนังสือความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเข้ารหัสหุ่นยนต์ได้เลย
หลังจากได้ทำการพิจารณาอย่างระมัดระวังแล้ว เซี่ยเฟยก็ได้พบว่าหนังสือทุกเล่มที่ฉินหมางให้มาคือการเตรียมความพร้อมสำหรับการอ่านหนังสือความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเข้ารหัสหุ่นยนต์นั่นเอง
“เป็นไปได้ไหมที่คุณตาฉินหมางคิดจะมอบหนังสือเล่มนี้ให้กับฉันตั้งแต่แรก?” เซี่ยเฟยมักจะถามตัวเองแบบนี้แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะคาดเดาถึงคำตอบได้เสมอ
ฉินหมางมอบหนังสือเล่มแรกให้กับเซี่ยเฟยไม่นานหลังจากที่พวกเขาได้พบกัน ในตอนนั้นพวกเขายังไม่ทันจะคุ้นเคยกันเลยด้วยซ้ำ มันจึงไม่มีเหตุผลที่ชายชราจะคิดมอบหนังสือความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเข้ารหัสหุ่นยนต์ให้กับเขาตั้งแต่ตอนนั้นเลย
ในตอนนี้เซี่ยเฟยก็ได้สัมผัสถึงการชี้นำที่ลึกลับของฉินหมางอีกครั้ง เพราะทันทีที่ชายชราได้รู้ว่าเขากำลังจะมาหาพอตเตอร์ที่ภูมิภาคดาวมฤตยู ฉินหมางก็เขียนจดหมายแนะนำให้ย่าเหวยในทันที
ในตอนที่ฉินหมางรู้ว่าเซี่ยเฟยกำลังจะไปหาแอวริลที่กลุ่มดาวนครหลวง เขาก็แนะนำทูรามให้เหมือนกัน ซึ่งถ้าหากชายหนุ่มไม่มีทูรามคอยช่วยเหลือเขาก็คงจะไม่สามารถจัดการสำนักวิหคสังหารที่คอยรังควานแอวริลได้ และถ้าไม่มีย่าเหวยคอยช่วยเหลือเซี่ยเฟยก็คงจะไม่สามารถดัดแปลงยานอวกาศให้เหมาะสมสำหรับการเข้าไปในเขตแรงโน้มถ่วงสูงได้ง่าย ๆ เช่นเดียวกัน
เมื่อเขาได้นำทุกอย่างมาเชื่อมโยงกันแล้ว ทุกเส้นทางต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกเชื่อมโยงไปที่ฉินหมางหมดเลย
เซี่ยเฟยไม่ใช่คนโง่และถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถสัมผัสการชักนำเช่นนี้ได้ในช่วง 2-3 ครั้ง แต่หลังจากผ่านประสบการณ์มาอย่างมากมายเขาก็สัมผัสถึงการชี้นำของฉินหมางได้อย่างชัดเจน แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเส้นทางที่เขาได้ถูกชี้นำนี้มันจะไปจบลงที่ตรงไหน
ย่าเหวยไม่เคยตอบคำถามของเซี่ยเฟยถึงเรื่องที่เกี่ยวกับฉินหมางเลย มันจึงทำให้เขาเริ่มรู้สึกสงสัยมากขึ้นกว่าเดิมและคิดที่จะกลับไปถามชายชราตรง ๆ หลังจากที่เขาช่วยพอตเตอร์ได้สำเร็จ
เหตุผลที่เซี่ยเฟยตัดสินใจแบบนี้ไม่ใช่เพราะเขาเห็นว่าการถูกชี้นำเป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะท้ายที่สุดเขาก็เป็นคนเลือกเดินตามเส้นทางนี้ด้วยตัวเอง
เซี่ยเฟยพูดคุยกับย่าเหวยจนถึงเที่ยงคืนและเนื่องมาจากทั้งสองมีนิสัยที่ค่อนข้างคล้ายกัน พวกเขาจึงสนิทสนมกันด้วยความรวดเร็ว
****************