ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 657 ผู้ลี้ภัย (ฟรี)
เรื่องนี้เป็นสัจธรรมของทุกสรรพสิ่งทุกอย่างล้วนมีตรรกะและโชคชะตา สองสิ่งนี้มีอยู่ในทุกสิ่ง
และยิ่งมีตบะบ่มเพาะที่สูงมากเท่าไหร่ ก็เท่ากับว่าต้องผ่านสิ่งต่างๆ มามากมายและเต็มไปด้วยตรรกะ ทำให้ไม่มีใครกล้าสร้างร่างแยกที่มีตบะขอบเขตภัยพิบัติแล้วปล่อยให้มันออกมา-เผ่นผานแบบนี้
เพราะหากถูกจับได้มันก็ไม่ต่างจากบอกตำแหน่งของตัวเองให้คนอื่นรู้
ถึงมันจะมีวิธีการแอบซ่อนตรรกะและโชคชะตาอยู่ก็ตาม แต่มันไม่สามารถหลบสายตาของจ้าวภัยพิบัติขั้น 7 ได้
ป้าฮูนั้นรู้สึกมึนงงไปหมด ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน เขาได้ลองใช้พลังสวรรค์ต่างๆ ตรวจสอบร่างนี้ดูด้วย และก็ได้ผลลัพธ์เช่นเดิม
ก่อนที่วินาทีต่อมาร่างแยกนั้นจะหายไป อย่างไม่มีสาเหตุ
“มันมีวิชาที่ใช้หลบหนีได้อีกงั้นหรอ? แต่ก็เปล่าประโยชน์!”
ที่อีกฝั่งหนึ่งก็มีจ้าวภัยพิบัติขั้น 7 อีกคนได้ระเบิดพลังของมิติและอวกาศออกมา และปิดกั้นพื้นที่เป็นร้อยเป็นพันล้านกิโลเมตรในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ
ร่างเงาของซู่เสี่ยวไป่ถูกกักขังอยู่ในอาณาเขตนี้ทันที ไม่เพียงแค่เงายักษ์มนุษย์เท่านั้น แม้แต่เงาหลัก และเงารองเองก็ไม่รอดด้วย
เพราะการสู้รบอย่างต่อเนื่องที่ชายแดนทำให้ซู่เสี่ยวไป่นั้นใช้เงาจำนวนมาก เพื่อสู้รบและเก็บซากศพที่ตายแล้วกลับมาอีกด้วย เพื่อสะสมความมั่งคั่งให้กับตัวเอง
แต่เพราะแบบนั้น มันถึงได้ดึงดูดความสนใจจากมหาอำนาจทั้งหลาย จนพวกเขาต้องส่งตัวตนที่แข็งแกร่งลงมาจัดการ และตัวตนเหล่านี้ไม่ใช่พวกโง่เขลา กลุ่มผู้แข็งแกร่งที่มาถึงนั้นเหนือกว่าเงาในทุกด้าน
การบุกครั้งนี้ของจักรวรรดิหวู่ด้านั้นเรียกได้ว่าหนักหน่วงกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา แต่เพื่อจัดการเรื่องวุ่นวายที่ชายแดนของดวงดาวทางเหนือพวกเขาถึงกับต้องใช้กองกำลังพิเศษมาจัดการเรื่องนี้ก่อน
พวกเขาได้รับคำสั่งให้จับร่างเงาของซู่เสี่ยวไป่กลับไป
ในดินแดนดวงดาวทางเหนือ ซู่เสี่ยวไป่เฝ้ามองดูทุกอย่างผ่านสายตาของเขา
“ไม่คิดว่าพวกมันจะส่งจ้าวภัยพิบัติขั้น 7 มาเร็วขนาดนี้ คงต้องระวังจักรวรรดิหวู่ด้าแล้วสิ”
หากมีหนึ่งจักรวรรดิใช้จ้าวภัยพิบัติขั้น 7 แล้ว แปลว่าในไม่ช้าจักรวรรดิที่เหลือจะส่งจ้าวภัยพิบัติขั้น 7 ออกมาด้วย เพื่อรักษาสมดุลของกองทัพตัวเองเอาไว้ ตอนนี้บนโต๊ะทรายหน้าซู่เสี่ยวไป่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
ซู่เสี่ยวไป่ยิ้มออกมาเบาๆ
“เงาทุกตัวฟังคำสั่ง!!! เงายักษ์ปฐพีหากถูกจับอย่าได้ขัดขืน เงายักษ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ไปตรวจตารอบๆ ดินแดนหากเจอจ้าวภัยพิบัติขั้น 7 ให้รีบรายงานทันที”
ทะเลเห่งความว่างเปล่ามีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ดวงดาวทางเหนือ และมีสี่เส้นทางเชื่อมต่อไปยังสถานที่สำคัญ และทุกเส้นทางก็มีรายงานว่าพบจ้าวภัยพิบัติขั้น 7 ทั้งหมด
เมื่อคำสั่งถูกเปลี่ยนเงายักษ์มนุษย์กับปฐพีก็ตกไปอยู่ในมือของศัตรูจำนวนมาก
ตัวตนจ้าวภัยพิบัติขั้น 7 เองก็เริ่มปรากฏตัวออกมามากขึ้น พวกเขาอยากรู้อยากเห็นว่าทำไมถึงมีร่างแยกที่ไร้ซึ่งตรรกะและโชคชะตาอยู่ด้วย อีกทั้งทำลายไปเท่าไรก็ฟื้นกลับมา ทำให้พวกเขาสนใจและจับกลับไปเพื่อค้นคว้า
ในช่วงเวลาเดียวกันเงายักษ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในสายธารกาลเวลา ที่เก็บเกี่ยวเส้นทางสู่สวรรค์ที่หายไปอยู่ตลอดเวลา ทำให้พลังของซู่เสี่ยวไป่เพิ่มมากขึ้น และได้หลายร้อยเส้นทางในวันเดียว
และในสนามรบ แม้ว่าที่แนวหน้าจะถูกจ้าวภัยพิบัติขั้น 7 บุกโจมตีแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังไม่ส่งผลกระทบกับดินแดนดวงดาวทางเหนือมากนัก
ด้วยความแข็งแกร่งของซู่เสี่ยวไป่ พอที่จะสกัดการบุกของจ้าวภัยพิบัติขั้น 7 ได้ แล้วระบบเองก็เติบโตไปมากกว่าเขตแดนนี้แล้ว รายได้ที่ซู่เสี่ยวไป่หาได้ต่อวันนั้นมากขึ้นเป็นทวีคูณทุกวัน
แล้วอีกอย่างตบะบำเพ็ญของซู่เสี่ยวไป่เอง ก็เรียกได้ว่าเหนือกว่า ตบะบำเพ็ญของเขตแดนภัยพิบัติขั้น 7 ในแง่ของการสะสมกระแสพลัง และยังได้รับการขัดเกลาอยู่ตลอดเวลาจากระบบอีก
มันก็ยิ่งไปส่งเสริมให้กับพื้นที่ออกล่าสัตว์อสูรในคลิกเดียว ผลิตร่างเงาที่แข็งแกร่งออกมาเรื่อยๆ และเป็นกำลังรบที่แข็งแกร่งขึ้น
ม่านพลังถูกเสริมขึ้นเป็น 199 ชั้น ต่อให้เป็นจ้าวภัยพิบัติขั้น 7 อย่างมากก็ทำลายม่านพลังได้แค่ 100 ชั้นเท่านั้น และหากว่าจ้าวภัยพิบัติเหล่านี้มาติดอยู่ในม่านพลังของซู่เสี่ยวไป่ ก็จะต้องเผชิญหน้ากับการถูกรุมระเบิดจากเงาของเขาอีก ซึ่งคงไม่ต่างจากฝันร้ายของจ้าวภัยพิบัติคนนั้น
ด้วยวิธีการนี้ทำให้ดวงดาวทางเหนือยังมั่นคง และไม่สั่นไหวไปกับกองกำลังจ้าวภัยพิบัติขั้น 7 และมันมากพอที่จะทำให้ซู่เสี่ยวไป่สะสมผลึกต้นกำเนิดจากจักรวรรดิระดับสูงทั้งห้าได้
และข่าวว่าร่างแยกที่อยู่รอบๆ ดินแดนดวงดาวทางเหนือนั้นเป็นของซู่เสี่ยวไป่ก็แพร่กระจายออกไปเร็วยังกับไฟลามทุ่ง
ทำให้หลายคนต้องการจะสืบหาตัวจริงของเขาว่าอยู่ที่ไหน
เงายักษ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นจะถูกใช้ออกมาบางครั้ง และนำจิตวิญญาณส่วนหนึ่งของซู่เสี่ยวไป่ออกไปด้วย พร้อมกับระเบิดพลังในสนามรบเพื่อเรียกร้องความสนใจจากมหาอำนาจว่า นี้เป็นร่างจริงของซู่เสี่ยวไป่ เพื่อจะล่อศัตรูจำนวนมากให้มารวมตัวกัน
หลังจากที่เงายักษ์ศักดิ์สิทธิ์สลายไป ไม่ถึงนาทีเงายักษ์เทพจะเข้ามาแทนที่ และพวกมันจะไล่ฆ่าทุกคนทั้งหมด และเก็บแหวนคลังและซากศพกลับไป
ในเวลาเพียงเดือนเดียวซู่เสี่ยวไป่ไม่เพียงจะทั้งจับและฆ่าจ้าวภัยพิบัติขั้น 6 ได้จำนวนมาก แม้แต่จ้าวภัยพิบัติขั้น 7 ก็ยังติดกับแผนการนี้ของเขาด้วย
ในห้องบัญชาการรบดวงดาวทางเหนือ ซู่เสี่ยวไป่เงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และที่ด้านหลังของเขาก็มี มังกร 9 มายายืนอยู่ มันกลับมารายงานผลงานของมัน
“นายท่าน ตอนนี้สามารถทำให้ผลึกต้นกำเนิดบริสุทธิ์มากขึ้น 5 ใน 10 ส่วนแล้ว”
“และเชลยเริ่มภักดีมากขึ้น พวกเขาไม่คิดจะหนีไปไหนอีกแล้ว และทำงานดีขึ้นแต่พลังของพวกเขากำลังถดถอยลง”
“ตอนนี้จักรพรรดิดวงดาวสตรีกับจักรพรรดิดวงดาวหมาใหญ่ ได้นำกองทัพจ้าวภัยพิบัติกว่า 500 คนมาสวามิภักต่อนายท่านเพิ่มขอรับ”
ซู่เสี่ยวไป่ฟังและครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย
ในช่วงเวลาแบบนี้ การสู้รบยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน และเขาไม่เห็นภาพการรบที่ชัดเจนเลยในฝั่งของตัวเขา เพราะกำลังรบที่มีไม่แข็งแกร่งพอจะต้านทานการบุกได้ แต่ยังดีที่เขายังมีกองทัพเงาอยู๋
แต่จักรวรรดิไท่เจียงคงอยู่กันอย่างยากลำบากมากขึ้นแน่
พวกเขาไม่มีกำลังเสริม หรือตัวตนเหนือกฎเกณฑ์อย่างซู่เสี่ยวไป่
ประกอบกับความจริงที่ว่า ดวงดาวทางเหนือนั้นไม่ใช่เป้าหมายโจมตีหลัก และถูกบุกโจมตีไม่นาน ทั้งหมดพุ่งเป้าไปที่จักรวรรดิไท่เจียงแทน และใช้แผนปิดล้อมจักรวรรดิเอาไว้ เพื่อทำลายจักรวรรดิไท่เจียงก่อน
มีหลายดินแดน และจักรวรรดิที่ล่มสลายไปแล้ว หนีมาพึ่งซู่เสี่ยวไป่จำนวนมาก หรือไม่ก็หนีมาจากจักรวรรดิไท่เจียง และขอมาเข้ากับซุ่เสี่ยวไป่ก็มีมากมาย
“จักรพรรดิดวงดาวสตรีกับหมาใหญ่นั้นปฏิเสธที่จะยอมจำนนในตอนแรก….ข้าก็คิดว่าจะเก่งกาจพอสุดท้ายก็ต้องคลานมาขอความช่วยเหลือจากข้าอยู่ดี”
ซู่เสี่ยวไป่พ่นน้ำเสียงที่ขบขันออกมา และรู้สึกสมเพชยิ่งนัก
ที่ทางเข้าดินแดนดวงดาวทางเหนือ มีสองกองทัพอยู่ไม่ใกล้
จักรพรรดินีดวงดาวสตรีกับจักรพรรดิดวงดาวหมาใหญ่นั้นไม่ถูกกันมาก่อน และกระทบกระทั้งกันทุกครั้งที่เจอหน้ากัน
แม้ว่าทั้งสองจะไม่ถูกกันก็ตาม แต่ตอนี้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับภัยเดียวกัน ทำให้ต่างแสดงสีหน้าที่อึดอัดออกมา
แล้วไม่นานซู่เสี่ยวไป่ก็มาถึง เหล่าผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งก็ต่างคำนับให้ทันที และเมื่อสองจักรพรรดิเมื่อเห็นซู่เสี่ยวไป่ก็ต่างแสดงสีหน้าที่ซับซ้อนออกมาด้วยเช่นเดียวกัน
จักรพรรดินีแห่งดวงดาวสตรียิ้มขึ้นก่อนจะทักด้วยสีหน้านิ่งเฉยของเธอ
“ท่านไป่หยิน…ไม่ได้เจอกันนาน”
จักรพรรดิดวงดาวหมาใหญ่ถอนหายใจและพูดขึ้น
“ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมอีกแล้ว เวลานี้จักรวรรดิของเราทั้งสองล่มสลายแล้ว หวังว่านายท่านไป่หยินจะยินดีต้อนรับเราเป็นผู้ลี้ภัย”
จักรพรรดิดวงดาวหมาใหญ่นั้นแม้จะสูญเสียผู้คนและจักรวรรดิของตัวเองไปแล้ว ก็ยังพยายามที่จะฝืนแสดงว่าตัวเองยังเข้มแข็งอยู่
เมื่อคิดย้อนกลับไป เขาได้บีบบังคับให้ซู่เสี่ยวไป่ถอนตัวออกไป ในตอนที่มาบอกให้ยอมจำนน หากไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาคงไม่กล้าบากหน้ามาหาซู่เสี่ยวไป่เด็ดขาด