บทที่ 167: ความรู้สึกร้อนกลับมาอีกครั้ง
ในสายตาของเด็ก การกอดเป็นวิธีการแสดงความรักของพวกเขา
หลงเหยากังวลว่าแม่จิ้งจอกจะคิดว่าตนไม่ชอบนางอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงอธิบายด้วยใบหน้าจริงจัง
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นท่าทางที่ใส่ใจและห่วงใยของคนตัวเล็ก หัวใจของเธอก็แทบจะละลายเป็นน้ำ
ต่อมา คนเป็นแม่ก้มตัวลงลูบหัวน้อย ๆ ของเขา
“เอาล่ะ เหยาเอ๋อของเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว!”
ดวงตาเรียวยาวคู่สวยโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ในขณะที่ภายในนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความรัก
จะมีลูกตัวน้อยคนไหนที่มีน้ำใจเช่นนี้อีกบนโลก!
บอกได้เลยว่าจิ้งจอกสาวตกหลุมรักเจ้าตัวเล็กเต็มเปา!
หลงเหยาหัวเราะ “ฮิฮิ” และลอบแสยะยิ้ม แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้เป็นแม่พูด แต่เขาก็มีความสุขกับการได้เอาหัวถูมืออันอ่อนนุ่มของอีกคน
เขาคิดเอาไว้แล้วว่ายังไงแม่จิ้งจอกก็ต้องชมเชยตัวเอง
แล้วเด็กตระกูลหลงทั้ง 3 คนก็จ้องเขม็งมอง 2 แม่ลูกที่กำลังทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมด้วยสายตาที่มีแต่ความอิจฉาริษยา
คนที่เจ้าเล่ห์ที่สุดในตระกูลคือไอ้เด็กแสบคนนี้!
เขาครองใจท่านแม่ได้ตลอด!
“ข้าจะไปจัดการเหยื่อ หนังสัตว์ทั้ง 2 นี้ข้าจะให้เจ้าเก็บเอาไว้ตัดเย็บเสื้อผ้า” หลงโม่พูดขัดจังหวะขึ้นมาทันที
ถัดมา เขาใช้มือลากเสือขาวกับหมีสีน้ำตาลข้างละตัวเดินผ่ากลางระหว่างคู่แม่ลูกไปหน้าตาเฉย
นั่นทำให้ขาสั้น ๆ ของหลงเหยาถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งทั้งตัวเขาถูกแยกออกจากหูเจียวเจียว
แล้วเหยื่อตัวใหญ่ก็กลายเป็นภูเขาตั้งตระหง่านขวางกั้นทั้ง 2 คนเอาไว้
ระหว่างนั้นเด็กหนุ่มเงยศีรษะขึ้นพลางใช้มือวัดความสูงของตัวเองกับเหยื่อ แล้วอ้าปากร้อง “ว้าว~”
เหยื่อตัวเบ้อเริ่มเลย!
“สักวันเสี่ยวเหยาจะต้องล่าสัตว์ให้ได้แบบนี้!”
คนตัวเล็กรู้สึกลิงโลดอยู่ในใจ พร้อมกับจินตนาการถึงฉากที่ตนกำลังไล่ล่าเหยื่อไปด้วย
“ล่าสัตว์? ข้าคิดว่าเจ้าจะกลายเป็นอาหารให้กับเหยื่อตัวเองมากกว่า” หลงจงพูดเยาะเย้ยหลงเหยา พร้อมกับยกมือขึ้นสะกิดหางรูปสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ของอีกคน
หางน้อยสะบัดหนีอย่างกะทันหันและหดไปอยู่ตรงหน้าเจ้าตัว
“เขาตัวเล็กขนาดนี้น่าจะติดฟันเสียมากกว่า” หลงเซียวกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
จู่ ๆ แก้มของหลงเหยาก็พองโตด้วยความโกรธ เขาใช้มือทั้ง 2 ข้างปกป้องหางตัวเอง ก่อนจะกระทืบเท้าไปมาแบบไม่สบอารมณ์
“เชอะ” เจ้าตัวเล็กหันหลังไปเพราะไม่อยากพูดกับคนพวกนี้อีก
เขาไม่ใช่ภูตที่แปลงร่างไม่ได้อีกต่อไป!
ตอนนี้เขากลายเป็นมนุษย์แล้ว ไม่ใช่มังกรโง่เง่า ทำไมเขาจะไม่เข้าใจว่าพวกพี่ ๆ กำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่!
“ฮ่า ๆ อย่าไปฟังพวกเขาเลย เสี่ยวเหยาต้องพยายามให้มาก แล้วเจ้าจะออกไปล่าสัตว์ได้” หลงหลิงเอ๋อกล่าวพลางยกมือขึ้นลูบแก้มพอง ๆ ของน้องชายคนสุดท้องอย่างนึกสนุก
จังหวะนั้นหลงเหยาตั้งท่าจะโวยวายตอบกลับ
แต่คนเป็นพี่สาวก็พูดต่อไปว่า
“ตอนนี้เจ้าก็ต่อสู้แย่งชิงอาหารให้พอกินไปก่อนแล้วกัน”
“...”
ไม่รักพี่ ๆ แล้ว!
บ้านนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับเสี่ยวเหยา!
ในเวลาเดียวกัน หลงโม่ที่เพิ่งก้าวออกไปได้ 2 ก้าวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงวางเสือขาวและหมีตัวใหญ่ไว้ตรงหน้าหลงเหยากับหูเจียวเจียวแล้วหันกลับมา
ความจริงแล้ว เขาไม่ได้มีเจตนาจะแยกแม่ลูกออกจากกัน
ในไม่ช้า มังกรหนุ่มก็หยิบสิ่งมีชีวิตสีขาวขนปุกปุยขนาดใหญ่จากถุงหนังสัตว์มาวางตรงหน้าจิ้งจอกสาว
“เจียว… เจียวเจียว... นี่สำหรับเจ้า”
ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายเมื่อเธอเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของเขา ตอนแรกเธอไม่ทันได้สังเกตว่ามีสัตว์ตัวอื่นนอกจากเสือขาวกับหมีสีน้ำตาลด้วย
“นี่มันกระต่ายน้อย เจ้าจับมันมาจากในป่าหรือ?”
ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถต้านทานสัตว์น่ารักขนปุยได้!
หูเจียวเจียวหันไปให้ความสนใจกระต่ายทันที เธอรับพวกมันมาจากชายหนุ่มก่อนจะวางทั้งหมดลงบนพื้น
ตอนนี้ในลานบ้านมีกระต่าย 5 ตัว โดยที่เป็นกระต่ายตัวใหญ่ 2 ตัวและมีเจ้าตัวเล็กอีก 3 ตัว ซึ่งกระต่ายตัวใหญ่หนักประมาณ 10 กิโลกรัม
ส่วนตัวเล็กมีขนาดเท่าฝ่ามือของหญิงสาว ขณะนี้เธอกำลังอุ้มกระต่ายตัวจ้อยที่ไม่ต่างจากขนมสายไหมไว้ในฝ่ามือ
“น่ารักมาก…”
จิ้งจอกสาวอดไม่ได้ที่จะยกสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กขึ้นมาใกล้ใบหน้าแล้วเอาแก้มถูไถมันหลายครั้ง
ตามปกติ ภูตที่ออกไปล่าสัตว์มักจะคาบเหยื่อไว้ในปากก่อนจะพาพวกมันกลับมาที่บ้าน ถึงแม้ว่าเหยื่อที่ล่ามาได้จะยังไม่ตาย แต่พวกมันส่วนใหญ่ก็เหลือเพียงลมหายใจแผ่วเบาเท่านั้น
ปัจจุบันเธออาศัยอยู่ในโลกภูตมาได้ระยะหนึ่งแล้ว นอกจากลูกลิงน้อยของโหวเซียงกับหลงเหยา เธอไม่เคยแตะต้องเด็กคนอื่นเลย!
เมื่อหลงโม่เห็นว่าหูเจียวเจียวชอบกระต่ายที่ตนมอบให้มาก ดวงตาที่มักจะเย็นชาของเขาก็ฉายแววอ่อนโยน
“ถ้าเจ้าชอบ คราวหน้าข้าจะหามาให้อีก”
“อืม!” จิ้งจอกสาวพยักหน้าอย่างมีความสุข และความคิดใหม่ก็แล่นเข้ามาในหัวของเธอ
เนื่องจากกระต่ายขยายพันธุ์เร็ว ถ้าเธอสามารถเลี้ยงพวกมันได้ ครอบครัวของเธอก็จะมีเนื้อกระต่ายกินไม่ขาด!
อย่างไรก็ตาม กระต่ายสกปรกเกินกว่าจะเลี้ยงไว้ในบ้าน อีกทั้งพวกมันยังสามารถขุดดินหนีออกไปได้ด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่ความคิดที่ดีนักหากจะเลี้ยงสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไว้ที่บ้านเป็นเวลานาน
ทันทีที่ความคิดดังกล่าวปรากฏขึ้น หูเจียวเจียวก็คิดว่าจะเริ่มแผนการเพาะพันธุ์กระต่ายอย่างไร แต่เธอไม่ทันสังเกตว่าหลงเหยากำลังวิ่งเข้ามาทางตน
เด็กหนุ่มนั่งพับเพียบบนพื้น ก่อนจะอุ้มลูกกระต่ายน้อยสีขาวขึ้นมาโดยทำตามผู้เป็นแม่
“กระต่ายน้อย!”
“มันน่ารักและน่าอร่อยมาก...”
หลงเหยาพูดพร้อมกับน้ำลายไหล จากนั้นเขาจับกระต่ายที่ตัวใหญ่กว่าฝ่ามือตัวเองกำลังจะยัดเข้าปาก
“...” กระต่ายน้อยผู้น่าสงสารทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนรอให้ถูกกิน
“!!!” แม่จิ้งจอกตกใจกับการกระทำของลูกชาย
“เหยาเอ๋อ เจ้ากระต่ายน้อยยังมีชีวิตอยู่ เจ้าจะกินมันไม่ได้!” หูเจียวเจียวรีบช่วยกระต่ายตัวเล็กออกมาจากมือของลูกชายคนสุดท้องอย่างฉับพลัน
สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้คนเป็นแม่รู้สึกปวดหัวอยู่พักหนึ่ง
ทำไมเจ้าตัวเล็กถึงชอบยัดทุกอย่างเข้าปาก?
ทางด้านหลงเหยาที่ถูกดึงลูกกระต่ายออกจากมือไปแบบกะทันหันงับได้เพียงอากาศและตกตะลึงอยู่ 2-3 วินาที ก่อนจะรู้ตัวว่ากระต่ายตัวน้อยหายไปแล้ว
เมื่อเขาหันศีรษะไปก็เห็นว่ามันอยู่ในมือหูเจียวเจียว
“ท่านแม่ วันนี้ท่านจะฆ่ากระต่ายน้อยให้ข้ากินหรือไม่?” เด็กหนุ่มถามเสียงอ่อย
ในสายตาของเขามีเพียง 3 สิ่งเท่านั้น
อะไรกินได้ อะไรกินไม่ได้ และแม่จิ้งจอก
ผู้เป็นแม่ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี เจ้าตัวเล็กนี่มันจอมตะกละของแท้!
แต่หญิงสาวก็ยังอดทนอธิบายให้ลูกชายฟังว่า
“วันนี้เราจะไม่กินกระต่ายน้อย เพราะตอนนี้มันยังตัวเล็กเกินไป เอาไว้รอให้มันโตขึ้นก่อน แล้วเราค่อยกินมัน”
“งือ” หลงเหยาทำหน้าเสียใจ แต่ก็ยังพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เขาทำเพียงส่งสายตาสีทับทิมจ้องมองลูกกระต่ายในมือของหูเจียวเจียว พร้อมกับสูดปากเก็บน้ำลายที่กำลังไหลลงมา
ความในใจของกระต่ายน้อย: ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็กินข้าเถอะ!
เวลาผ่านไปไม่นาน หลงโม่ก็ลากเหยื่อไปจัดการที่แม่น้ำ
ส่วนหูเจียวเจียวก็แยกตัวไปทำกรงกระต่ายด้วยหินเพื่อป้องกันไม่ให้กระต่ายขุดรูหลบหนีออกไป และขังพวกมันไว้ข้างในชั่วคราว
ในขณะเดียวกัน หลงเหยาตามผู้เป็นแม่ไปนั่งมองกระต่ายตัวอ้วนที่กระโดดไปมาอยู่ในกรงขังโดยเอามือเท้าคางไว้ พลางไล่สายตาตามสิ่งมีชีวิตตัวจ้อยไป พร้อมกับมีของเหลวใสไหลลงมาจากมุมปาก
ส่วนพี่ ๆ ทั้ง 4 มายืนคุมน้องคนสุดท้องอยู่ด้านข้างเพื่อป้องกันไม่ให้เขากลืนกระต่ายลงท้องไปในขณะที่แม่จิ้งจอกไม่ได้สนใจ
หลังจากนั้นไม่นาน พ่อมังกรก็นำเหยื่อที่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วกลับมาที่บ้าน
ต่อมา ร่างสูงเดินไปมอบหนังสัตว์ให้หูเจียวเจียวแล้วพูดซ้ำอีกครั้งว่า “นี่สำหรับทำเสื้อผ้า”
ชายหนุ่มกลัวว่าหญิงสาวจะเก็บมันไว้ให้เขา
“...” จิ้งจอกสาวอดไม่ได้ที่จะคิดว่า
รู้แล้วน่า ไม่ต้องย้ำหรอก!
เขาไม่จำเป็นต้องคอยย้ำเตือนเธอถึงช่วงเวลาที่ตนต้องอับอายจนแทบจะมุดดินหนีก็ได้ เธอซาบซึ้งมาก!
ระหว่างที่ครอบครัวทั้ง 7 กำลังทานมื้อเย็น ลูกน้อย 5 คนพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องน่าอายที่เกิดขึ้นกับหลงเหยาในวันนี้ อย่างเช่น การนั่งยอง ๆ เพื่อถ่ายอุจจาระแบบเก้ ๆ กัง ๆ เนื่องจากเขาเพิ่งได้ลองขับถ่ายในร่างมนุษย์เป็นครั้งแรก
ไม่เพียงแค่นั้น ตอนที่เด็กทุกคนกำลังจับแมลง ในที่สุดเจ้าตัวเล็กก็จับแมลงได้ แต่เวลาแห่งความสุขผ่านไปได้ไม่นาน เขาก็ถูกนกฉกแมลงไปต่อหน้าต่อตา เขาจึงกลายร่างเป็นมังกรเพื่อไล่จับนกหัวขโมยโดยบินวนไปทั่วเผ่า พอเขาฉกแมลงกลับมาได้ นกตัวนั้นก็เป็นฝ่ายไล่จิกก้นเขารอบเผ่าอีกรอบ…
นั่นทำให้หูเจียวเจียวหัวเราะจนเจ็บท้องไปหมด
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แม้ว่าหลงเหยาจะเป็นคนสุดท้ายในบรรดาพี่น้องที่เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ แต่เขาเป็นคนแรกที่เชี่ยวชาญในการแปลงร่างเป็นสัตว์
ในขณะที่พี่ ๆ ทั้ง 4 คนยังไม่เข้าใจวิธีการแปลงร่างสักเท่าไหร่
พอหลงโม่เห็นว่าหญิงสาวมีความสุขกับการฟังเรื่องเล่าของเด็ก ๆ เขาจึงคิดที่จะเล่าเกี่ยวกับการเดินทางออกไปทำภารกิจของตัวเองให้เธอฟังหลังทานอาหารเย็นเสร็จ
แต่พ่อมังกรยังไม่รู้ว่าแม่จิ้งจอกต้องทายาให้ลูกทุกคืน
หลังจากที่หูเจียวเจียวล้างเนื้อล้างตัวและกลับมาที่ห้องแล้ว หลงโม่ก็เดินตามเธอไป
ทันทีที่ชายร่างสูงเข้าไปใกล้ กลิ่นหอมจาง ๆ ก็โชยมาแตะที่ปลายจมูกของเขา ราวกับมีมือปริศนามาจุดไฟในใจ
มังกรหนุ่มอดขมวดคิ้วไม่ได้ แล้วความรู้สึกร้อนปนอึดอัดนั้นก็กลับมาอีกครั้ง